บทที่ 8 เสียใจให้พอ
“กุล ๆ แกโทรสั่งพิซซ่าหน่อยสิ อยากกินพิซซ่า”
“เฮ๊ย ! ที่แกกินเข้าไปนั่นก็ไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหนแล้วนะ”
“สั่งมาเหอะน่า เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”
คืนนี้เป็นคืนที่แสนทรมาน สำหรับซินเดอเรล่าผู้โชคร้ายที่ไม่ได้เจอกับเจ้าชายเหมือนในนิทาน แต่กลับเจอกับซาตานใจร้ายเลือดเย็นที่พร้อมจะฆ่าเธอทุกลมหายใจ
เธอไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ นอนร้องไห้ทั้งคืนจนแทบไม่เหลือน้ำตา สมองว้าวุ่นข้นเครียดจนแทบระเบิด หัวใจทุกข์ตรมและรวดร้าวราวกับมีเข็มสักพันเล่มมาทิ่มแทงก้อนเนื้อหัวใจในคราวเดียวกัน
“อืม...เราจะเผชิญกับความจริง...” ความจริงที่แสนโหดร้ายและเลือดเย็น ซึ่งเกิดจากคนที่เธอมอบหัวใจทั้งดวงให้ คนที่เธอไม่คิดว่าจะทำร้ายเธอได้ คนที่บอกรักเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันโดยไม่รู้จักเบื่อ “และสู้กับมันให้ได้”
เธอบอกตัวเองให้เข้มแข็ง เพื่อพร้อมเผชิญกับความเลวร้ายในชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนวันพรุ่งนี้ เธอกล่อมตัวเองให้เชื่อว่าเธอทำได้ เธอสั่งตัวเองให้ลุกขึ้นสู้
“คืนนี้...เราจะร้องไห้ให้พอ เราจะร้องให้สะใจไปเลย ร้องให้น้ำตามันไม่เหลือ แต่แค่คืนนี้นะบัว” เธอสั่งตัวเองพลางน้ำตาไหลไม่หยุด “เพราะหลังจากนี้ เราจะไม่ร้องไห้ให้คนใจร้ายใจดำอีก เราจะเสียใจแค่นี้ ร้องให้พอ ห้ามร้องต่อหน้าเขาเด็ดขาด เราจะไม่ให้เขาเห็นน้ำตาแม้แต่หยดเดียว !!”
บัวบูชาตั้งใจไว้อย่างนั้น หากน้ำตาของเธอหมายถึงชัยชนะของเขาล่ะก็ เธอจะทำให้เขาผิดหวังและเจ็บปวด เธอจะทำให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่เขาจะมารังแกได้โดยง่าย
“นอนเถอะบัว พรุ่งนี้ต่างหาก คือชีวิตจริง” เธอพยายามข่มตาให้หลับอีกครั้ง แต่ก็ทำได้ยากยิ่ง เพราะสมองกับใจของเธอวิ่งวุ่นไม่หยุด ใบหน้าของเขาเข้ามาวนเวียนอยู่ในดวงตาและความคิดของเธอตลอดเวลา
“โอย...ดื่มเบียร์สักโหลดีมั้ย จะได้หลับยาวไปถึงเย็นพรุ่งนี้เลย หรือไม่ก็กินยานอนหลับสักกำมือให้รู้แล้วรู้รอด” เธอเผลอพูดออกมาเพราะรำคาญตัวเอง ไม่ได้คิดจะทำจริง แต่กลับรู้สึกผิดต่อลูกน้อยในท้องจนแทบไม่อยากให้อภัยตัวเอง “แม่ขอโทษลูก แม่แค่พูดเล่นนะ แม่สัญญาว่าจะไม่พูดแบบนี้อีกนะ แม่จะพยายามนะลูก แม่จะเข้มแข็ง แต่ตอนนี้แม่ควรทำยังไงคะ?”
ความเป็นห่วงลูกน้อยในท้องทำให้เธอเกิดความพยายามมากกว่าเดิม ความรักที่เธอมีต่อเลือดเนื้อเชื้อไขทำให้เธอนึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนจากศาสนา เธอจึงลองพึ่งรายการธรรมะจากยูทูปดู แล้วมันก็ได้ผล ธรรมะช่วยกล่อมเกลาจนเธอใจเย็นลงและสงบสติอารมณ์ได้มากขึ้น
เธอหลับไปเกือบสิบชั่วโมง เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าเกือบสิบโมงเช้าเข้าไปแล้ว เธอคว้าหยิบโทรศัพท์จากบนหัวเตียงมาดูเพื่อเช็คสายโทรเข้า ถึงได้เห็นว่าแบตหมดไปแล้ว คงเป็นเพราะรายการธรรมะจากยูทูปที่เธอเปิดทิ้งไว้ทั้งคืนนั้นเอง
“ดีเหมือนกัน...” เพราะเธอไม่อยากจะพูดกับใครเลยสักคน แม้แต่เพื่อนสนิท “เขาบอกว่า...ห้ามเราปิดเครื่อง ห้ามเราไม่รับโทรศัพท์เด็ดขาด...ไม่งั้นเขาจะลงโทษ...ก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเขาจะลงโทษเรายังไง”
เธอนอนมองเพดานด้วยสายตาเลื่อนลอย พลางถอนหายใจซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้สักกี่ครั้ง ก่อนจะตัดสินใจลุกจากที่นอน แล้วเดินเข้าห้องน้ำเหมือนคนไม่ค่อยมีแรง
“เราจะต้องทำได้สิ...เฮ่อ !” เธอมองตัวเองในกระจกด้วยสายตาเศร้า รู้สึกเวทนาตัวเองอย่างบอกไม่ถูก จากที่คิดว่าตัวเองโคตรโชคดีที่ได้เจอกับผู้ชายแสนดีคนนี้ แต่สุดท้าย มันกลับกลายเป็นเพียงฝันร้ายที่แสนเศร้า
เธอยืนอยู่ใต้ฝักบัวที่ปล่อยน้ำอุ่นลงมาชโลมร่างกายสวยงามของเธอราวชั่วโมงเศษ น้ำอุ่นที่ช่วยกระตุ้นเลือดเนื้อและหัวใจของเธอให้ตื่นตัวอีกครั้ง
หลังอาบน้ำเสร็จ เธอสวมชุดเดิม แล้วออกจากห้องน้ำมานั่งแหมะอยู่ที่ปลายเตียง คิดนั่นนี่ไปเรื่อย กระทั่งเสียงเคาะประตูห้องฉุดเธอให้หลุดจากภวังค์ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเป็นใคร
“มีอะไรตา”
“แกอาบน้ำแล้วเหรอ จะแต่งตัวรึยัง”
“ยังไม่เที่ยงเลยนะ จะรีบไปไหน”
“โอ๊ยไม่ได้สิ นี่มันงานสำคัญของแกเลยนะ ฉันนัดช่างประจำไว้แล้ว แต่รอยัยกุลแต่งตัวก่อน ส่วนว่าที่เจ้าสาวอย่างแกควรจะไปที่ร้านได้แล้ว ไปเลยมั้ย เดี๋ยวฉันไปส่งแกเองก็ได้ แกนัดช่างไว้ร้านไหนล่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันไปเอง”
“หรือว่านัดช่างมาที่ห้อง สงสัยจะเป็นน้องฉัตรแน่เลยอ่ะ”
บัวบูชายิ้มเยาะตัวเอง “อืม ช่างใหญ่เลยแหละ รับรองว่าสวยเลิศที่สุดในงานแน่นอน พวกแกแต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็มไปเลยนะ เพราะฉันเองก็จัดเต็มเหมือนกัน ยังไงเจอกันที่งานตอนหนึ่งทุ่มเลยก็แล้วกัน ส่วนตอนนี้ฉันขอตัวไปขัดเนื้อขัดตัวต่ออีกสักหน่อย ผิวพรรณจะได้ข่าวผุดผ่องเป็นยองใย สมกับเป็นลูกสะใภ้ตระกูลใหญ่ไง”
“โอเค งั้นเจอกันที่งานนะ”
เธอบอกลาเพื่อนพร้อมรอยยิ้มสดใส ก่อนจะปิดประตูลงแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ความเคร่งเครียดและกดดันยิ่งทบทวีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาใกล้เข้ามา
