บทที่ 2
ขณะที่ฉันลังเลที่จะเอ่ยคำขอโทษ ชีล่าก็ขดตัวซบแน่นขึ้นกับอกของลูเซียนแล้วคร่ำครวญ
“ฉันไม่รู้เลยว่าทำไมเธอถึงเกลียดฉันได้มากขนาดนี้ เป็นเพราะฉันคืออดีตคู่แท้แห่งโชคชะตาของคุณเหรอคะ ลูเซียน? เธอไม่เข้าใจหรือไงว่าตอนนี้ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงน่าสมเพชที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวหลังจากการหย่าร้าง...”
ลูเซียนลูบมือขึ้นลงบนแผ่นหลังของชีล่าเป็นการปลอบประโลม ทว่าดวงตาเย็นชาดุจน้ำแข็งของเขายังคงจับจ้องมาที่ฉัน
ฉันอยากจะปฏิเสธว่าไม่ได้เกลียดเธอ แต่ฉันโกหกไม่ได้ ด้วยพฤติกรรมของเธอในคืนนี้ ความไม่ชอบที่ฉันมีต่อเธอมันได้กลายเป็นความเกลียดชังอย่างเต็มตัวแล้ว และมันก็มีแต่จะเลวร้ายลง
ชีล่าหันมามองฉัน ประกายแห่งความอาฆาตแค้นวาบผ่านแววตาของเธอ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “อาเรียอยากได้สร้อยเส้นนี้ค่ะ ลูเซียน ทันทีที่เธอเห็นฉันใส่มัน เธอก็กระโจนเข้าใส่ฉันเลย!”
“ไม่จริงนะ!” ฉันพูดสวนทันที ตกใจที่ชีล่าสามารถปั้นน้ำเป็นตัวได้อย่างง่ายดาย “เมื่อกี้คุณสะดุดล้มเอง แล้วก็—”
“พอได้แล้ว” ลูเซียนพูดเสียงเข้ม ตัดบทฉัน ในที่สุดแววตาของเขาก็ปรากฏความรู้สึกขึ้นมา แต่มันไม่ใช่สิ่งที่มอบความปลอบโยนให้ฉันเลย ไม่มีความรัก ไม่มีความเข้าใจ ไม่มีความเมตตาใดๆ ทั้งสิ้น
มีเพียงความผิดหวัง
“อย่าคิดที่จะโกหกฉัน อาเรีย”
“โอ้ ลูเซียน มันเลวร้ายมากเลยค่ะ” ชีล่าซบหน้าลงกับไหล่ของลูเซียน ขณะที่เขากระชับอ้อมแขนโอบกอดเธอแน่นขึ้น เธอก็เอียงศีรษะส่งรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างมีเลศนัยมาให้ฉัน
ท้องไส้ของฉันปั่นป่วนอย่างรุนแรงจนฉันคิดว่าตัวเองกำลังจะอาเจียน
นั่นคือสามีของฉันที่เธอกำลังกอดและทำเหมือนเขาเป็นของตัวเอง
“ทุกคนในห้องนี้รู้ดีว่าทำไมเธอถึงทำตัวแบบนี้” ลูเซียนบอกฉัน “ความอิจฉาริษยา เธอคือคู่คนที่สองของฉันนะ อาเรีย ฉันหวังว่าเธอจะวางตัวให้สง่างามสมศักดิ์ศรี ไม่ใช่ทำตัวเหมือนเด็กนิสัยไม่ดี”
เขาตำหนิฉัน แม้ว่าแสงแฟลชจากกล้องจะสว่างวาบและนักข่าวต่างพากันจดข้อความลงในสมุดบันทึกของตน พยายามถอดคำพูดของเขาแบบคำต่อคำ มีคนหนึ่งบันทึกเสียงของเขาด้วยเครื่องอัดเสียง
ความไม่ไว้วางใจที่เพิ่มขึ้นในดวงตาของลูเซียนทำให้หัวใจของฉันแตกสลายเป็นล้านชิ้น มากมายและเล็กละเอียดเกินกว่าจะประกอบกลับคืนมาได้
แล้วชีล่าก็ทำหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด ดึงความสนใจทั้งหมดของลูเซียนไปที่เธอ
“ข้อเท้าของฉัน” ชีล่าพูด พลางแสร้งทำเป็นเจ็บปวด “ฉันคิดว่ามันพลิกตอนที่ล้มลงไป”
“ระวังหน่อย คุณไม่ควรเดินด้วยสภาพนั้น” โดยไม่มีการเตือนใดๆ เพิ่มเติม ลูเซียนก้มลง ช้อนร่างของชีล่าขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน และอุ้มเธอในท่าเจ้าสาวไว้แนบอก
“ฮีโร่ของฉัน” ชีล่าพูด ตอนนี้เธอยิ้มแล้ว
ลูเซียนหันหลัง และในขณะที่อุ้มชีล่าอยู่ เขาก็เริ่มพาเธอเดินจากไปท่ามกลางฝูงชน... และจากฉันไป
“ลูเซียน? เดี๋ยวสิ ฉัน...?”
เขาจากไปแล้ว ไกลเกินแนวกั้นของที่นั่งและผู้คน เหล่านักข่าวเข้ามาแทนที่ที่เขาเคยยืนอยู่
ท่ามกลางคำถามที่ตะโกนใส่และแสงแฟลชที่สว่างวาบ ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนกำลังจะรับไม่ไหว ทุกอย่างรอบตัวเริ่มพร่าเลือน
แล้วทันใดนั้น ความเจ็บปวดอันแหลมคมก็แล่นปราดผ่านช่องท้องของฉันอย่างรุนแรงจนต้องงอตัวลง ฉันกอดแขนรัดรอบเอวไว้ แต่ความเจ็บปวดกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
“ลูเซียน!” ฉันร้องเรียกออกมาด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว
แล้วฉันก็ทรุดลง
ชั่วขณะหนึ่ง ฉันรู้สึกราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในความมืดมิด ฉันมองไม่เห็นหรือรู้สึกถึงสิ่งใด แต่ฉันรู้ว่าตัวเองยังไม่ตาย แต่กลับติดอยู่กึ่งกลางระหว่างภวังค์และการตื่นรู้ ไม่สามารถเข้าสู่สภาวะใดสภาวะหนึ่งได้อย่างเต็มที่
รอบตัวฉันได้ยินเสียงพูดคุยกัน
“ลูเซียน คุณก็รู้ว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันไม่เคยหยุดรักคุณเลย” นั่นคือเสียงของชีล่า แต่มันขาดห้วงและสั่นเครือราวกับเธอกำลังสะอึกสะอื้น
“แต่เพราะคุณ ทุกอย่างในชีวิตฉันถึงเปลี่ยนไป ถ้าเราไม่เคยเป็นคู่กัน ฉันก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่ามันเลวร้ายแค่ไหนที่ต้องเป็นนางหมาป่าที่เป็นหมัน”
ความเงียบคือคำตอบเดียวที่เธอได้รับอยู่เป็นนาน จากนั้น แผ่วเบาราวเสียงกระซิบและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ลูเซียนก็ตอบกลับ “ฉันจะชดเชยให้คุณเองนะ ชีล่า เราจะหาทางรักษคุณให้ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
“พวกผู้รักษาประจำฝูงมันไร้ประโยชน์!” ชีล่าตวาดกลับมา เสียงของเธอแข็งกร้าวกว่าเดิมมาก “ถ้าคุณอยากจะชดเชยให้ฉันจริงๆ... ถ้าคุณหมายความตามที่พูดว่าจะหาทางรักษาให้ฉัน... งั้นฉันต้องการด็อกเตอร์เอ! ผู้รักษาอัจฉริยะในตำนานคนนั้น!”
“ไม่มีใครรู้ว่าจะหาด็อกเตอร์เอเจอได้ที่ไหน พวกเขาหายตัวไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน แล้วก็—”
“คุณสัญญาแล้วนี่คะ” ชีล่าพูด เสียงของเธอสั่นเครืออีกครั้ง “ยกเว้นแต่ว่าคุณไม่ได้หมายความตามนั้น...”
“ฉันไม่พูดในสิ่งที่ฉันไม่ได้หมายความ” ลูเซียนตอบ “ถ้าด็อกเตอร์เอเป็นคนเดียวที่สามารถรักษาคุณได้ งั้นฉันจะตามหาพวกเขาให้พบ”
นั่นสินะ...ชายที่ฉันรัก... รู้ไหม...บางที...เมื่อฉันมีลูกได้อีกครั้ง... ฉันอาจจะมอบลูกของเราให้คุณได้เสียที
ลูเซียนพูดอะไรบางอย่าง ฉันมั่นใจว่าเขาพูด แต่ถ้อยคำเหล่านั้นเลือนหายไปในม่านหมอกแห่งสติสัมปชัญญะ ขณะที่ฉันหมดสติไปอีกครั้ง
ในที่สุดเมื่อฉันกะพริบตาตื่นขึ้นมา ฉันก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอน บนเตียงของฉัน
ฉันดันตัวเองลุกขึ้นมาใช้ศอกยันตัวไว้ด้วยความสับสน ฉันสลบไปที่งานเลี้ยงการกุศลไม่ใช่เหรอ
สาวใช้คนหนึ่งกำลังจัดของในห้อง ปัดฝุ่นตรงนั้นทีตรงนี้ทีอย่างไม่มีจุดหมายที่แท้จริง สิ่งที่เธอทำดูเหมือนเป็นการทำตัวให้ยุ่ง ราวกับว่างานที่แท้จริงของเธอคือการเฝ้าดูฉัน แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ไม่มีทางที่ลูเซียนจะขอให้เธอทำเรื่องแบบนั้น หลังจากที่เขาทำตัวเย็นชากับฉันในงานเลี้ยง
พอเห็นว่าฉันตื่นและลุกขึ้นนั่งแล้ว เธอก็ทิ้งผ้าเช็ดฝุ่นทันทีแล้วเดินมาข้างเตียง “โอ้ อาเรีย! รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างคะ ราชาลูเซียนต้องอยากทราบแน่ว่าท่านฟื้นแล้ว”
ฉันไม่คิดอย่างนั้นเลยสักนิด “ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“ราชาลูเซียนเป็นคนพาท่านกลับมาค่ะ” สาวใช้บอก “ชีล่ามากับพระองค์ด้วย”
“พวกเขายังอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ พวกเขาออกไปอีกครั้งเมื่อชั่วโมงที่แล้ว” สาวใช้เหลือบมองไปทางประตู “ดิฉันควรจะโทรแจ้งพระองค์ทันที พระองค์ต้องอยากทราบแน่ว่าท่านฟื้นแล้ว” เธอรีบวิ่งออกจากห้องไปก่อนที่ฉันจะทันได้บอกว่าไม่ต้องลำบาก ลูเซียนไม่สนใจหรอก
อย่างน้อย ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะสนใจ
ข้างเตียงฉันมีเก้าอี้ตัวหนึ่งลากมาตั้งไว้ ตอนนี้มันว่างเปล่า แต่ฉันก็อดสงสัยไม่ได้... ไม่สิ ต้องเรียกว่าอดหวังไม่ได้... ว่าลูเซียนอาจจะเคยนั่งอยู่ตรงนั้นก่อนหน้านี้
บางทีบทสนทนาที่ฉันได้ยินอาจไม่ใช่แค่จินตนาการเพ้อเจ้อของฉัน มันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้งั้นหรือ มันอาจจะเกิดขึ้นข้างๆ ตัวฉันตอนที่ฉันหลับอยู่ก็ได้งั้นหรือ
ถ้ามันเป็นเรื่องจริง นั่นก็อาจจะอธิบายได้ว่าทำไมลูเซียนถึงเย็นชาและห่างเหินกับฉันมาตลอดชีวิตแต่งงานของเรา เขาหลงรักชีล่ามานานแค่ไหนแล้ว
แล้วเรื่องที่พวกเขาคุยกันว่าจะมลูก...
ฉันอยากมีลูกมาตลอด ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ฉันใจสลายมากเมื่อพบว่าหลังจากแต่งงานมาสามปี ฉันก็ยังไม่ตั้งท้องเสียที
แต่... ตอนนี้ฉันจำได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะสลบไป ฉันรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้อง
จะเป็นไปได้ไหมนะ
นั่นคงอธิบายได้ว่าทำไมคนสุขภาพดีอย่างฉันถึงได้หมดสติไปอย่างกะทันหัน
"เจ้าต้องตรวจดู" ลูน่า หมาป่าในใจฉันกระซิบ
นางพูดถูก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉันตัดสินใจว่ารู้ผลตอนนี้เลยดีกว่า
ฉันสะบัดผ้าห่มออก ก้าวลงจากเตียง แล้วเดินข้ามห้องไปยังตู้ลิ้นชัก ในลิ้นชักล่างสุด ซุกอยู่ในมุมด้านหลังสุด คือชุดอุปกรณ์การแพทย์เก่าๆ ของฉัน ฉันคว้ามันขึ้นมาแล้วลากเข้าไปในห้องน้ำส่วนตัว
ระหว่างที่ทำการตรวจ ฉันรู้สึกประหม่าอย่างมาก
ฉันอยากเป็นแม่ใจจะขาด แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ทั้งเศร้าและกลัว สามีของฉันรักคนอื่น และเขาอาจจะไม่ได้ต้องการลูกคนนี้กับฉันด้วยซ้ำ
เขาเคยสัญญากับชีล่าว่าจะตามหาหมอเอผู้สาบสูญกลับมาให้ได้ เพื่อรักษาภาวะมีบุตรยากของเธอ จากนั้นพวกเขาก็จะมีลูกด้วยกัน
ลูกของฉันและตัวฉัน...จะต้องถูกทอดทิ้ง
“เรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้น” ลูน่า หมาป่าในใจฉันกระซิบ “ลูกที่สำคัญถึงเพียงนี้จะไม่มีวันถูกอัลฟ่าของเราทอดทิ้ง”
“เจ้าก็เห็นไม่ใช่หรือว่าเขาปฏิบัติต่อข้าอย่างไร” ฉันตอบกลับในความคิด “เจ้าพูดให้แน่ใจไม่ได้หรอกว่าเขาจะทำอะไร”
สิบห้านาทีต่อมา หลังจากการวินิจฉัยตัวเองอย่างรวดเร็ว ความจริงก็ตบหน้าฉันฉาดใหญ่
ฉันตั้งท้อง
ความรู้สึกหลากหลายที่ขัดแย้งกันถาโถมเข้ามาในใจ ดึงฉันจากจุดสูงสุดให้ดิ่งลงสู่จุดต่ำสุด ฉันกลั้นหายใจ
ฉันกำลังตั้งท้อง... มีลูก... ที่สามีของฉันอาจไม่ได้คาดหวัง
เขาต้องการให้ชีล่ามีลูกให้เขาเท่านั้น พวกเขากำลังตามหาหมอเอ เพื่อรักษาปัญหาของเธอ...
ในตอนนั้นเอง ลูน่าก็เงียบไปเช่นกัน
ฉันลูบไล้มือไปบนหนังเย็นๆ ของชุดอุปกรณ์การแพทย์ด้วยความรู้สึกท่วมท้น หลายปีก่อน ตอนที่ฉันยังเป็นผู้เยียวยาอยู่ กระเป๋าแพทย์ใบนี้คือของขวัญที่ฉันได้รับมา ผู้อุปถัมภ์ที่ซาบซึ้งในบุญคุณของฉันถึงกับสลักตราสัญลักษณ์เก่าของฉันไว้ที่ด้านข้าง
...ฉันควรทำอย่างไรดี
หนังเก่าลงเล็กน้อยตามกาลเวลา ทำให้รอยสลักนูนไม่ชัดเจนเหมือนเมื่อก่อน แต่มันก็ยังคงอยู่ตรงนั้น เมื่อมองดูใกล้ๆ ฉันก็เห็นมัน
มันคืออักษรย่อชื่อของฉัน "อาเรีย" เป็นตัวอักษรเดียว...
— 【เอ】





























































































































































