บทที่ 4 อุบัติเหตุ

“แล้วเราล่ะ ชอบเขารึเปล่า” พิริมาถามออกไปพร้อมกับมองหน้าหลานสาวของตัวเองอย่างอยากรู้ แต่ดูจากอาการเธอก็พอจะเดาออก

“เฮ้อ น้าไม่อยากให้เราต้องเจ็บ จะทำอะไรก็เผื่อใจไว้บ้างนะ น้ากับน้าพิมจะอยู่ข้างเราเสมอ” โจเซฟพูดบอกไปก็มองหลานสาววอย่างสงสาร เพราะตอนนี้เขามั่นใจว่าหลานสาวของเขาคงจะหวั่นไหวกับหนุ่มคนนั้นไปแล้ว เขาจึงอยากเตือนไว้

“ค่ะ พิชรู้ค่ะว่าระหว่างพิชกับเขา มันก็แค่หนึ่งเดือนเท่านั้น หลังจากนั้นพิชก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติของพิช พิชไม่มีทางชอบเขาแน่นอนค่ะ น้าพิมกับน้าโจสบายใจได้เลย งั้นพิชไปขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ ไข้ยังไม่หายดีเลย” พิชชาภาบอกไป เพราะเธอไม่อยากให้น้าทั้งสองถามอะไรมาก แค่นี้มันก็แทงใจดำเธอมากพออยู่แล้ว

“อืม ได้สิลูก ถ้าไม่ไหวก็บอกน้านะ จะได้พาไปหาหมอ” พิริมาบอกไปก็นั่งมองหลานสาวเดินออกไปจากห้อง ก่อนจะหันมามองหน้าสามีแล้วปล่อยโฮออกมา

“คุณคะ อือๆ” พิริมาพูดไปก็กอดสามีอย่างเสียใจที่เธอไม่สามารถดูแลหลานสาวของตัวเองได้

“ไม่เป็นไรนะคุณ มันพลาดไปแล้วเราก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ต่อไปเราก็ช่วยกันดูแลยัยพิชก็พอ ส่วนเงินนี่ผมจะเอาไปคืนไอ้เสี่ยนั่นให้หมด จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันอีก ส่วนร้านผมจะเปลี่ยนมาเป็นผับแทน เราจะได้มีรายได้มากกว่าร้านนวด” โจเซฟเอ่ยพูดบอกไปเมื่อตอนนี้เขากำลังมีลู่ทางใหม่ในการทำธุรกิจ

“ก็ดีค่ะ ฉันไม่อยากเห็นยัยพิชต้องทำแบบนี้อีกแล้ว” พิริมาบอกไปก็กอดสามีอย่างเสียใจ

หลังจากนั้นพิชชาภาก็ไปอยู่กับฟรานติโน่ที่บ้านของเขาแบบลับๆ แต่ยิ่งนานวันเข้าความสัมพันธ์ของทั้งสองมันก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ฟรานติโน่เองก็ติดพิชชาภาจนเขาพาเธอไปญี่ปุ่นด้วย แถมยังพาเธอเที่ยวต่ออีกจนกลายเป็นข่าวใหญ่ในโลกโซเชี่ยว

ด้านแฟรงก์ที่เห็นข่าวของพี่ชายก็เรียกเมทีเข้ามาพบเป็นการส่วนตัวที่ห้อง เพราะอยากจะรู้ว่าผู้หญิงในภาพนี้เป็นใครทำไมถึงไปอยู่กับพี่ชายของเขาที่ญี่ปุ่นได้ เพราะปกติฟรานติโน่ไม่เคยเอาผู้หญิงมายุ่งเกี่ยวกับงานเลยสักครั้ง แต่พอเข้าดูภาพของผู้หญิงคนนี้เขาก็รู้สึกคุ้นๆแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน เพราะภาพมันเห็นเพียงด้านหลังของผู้หญิงเท่านั้น แถมพี่ชายของเขายังจูงมือของเธออีก แบบนี้ไม่ให้เขาอยากรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร

“คุณแฟรงก์เรียกผมมาทำไมครับ มีอะไรให้ผมทำหรือเปล่า” เมทีเอ่ยถามออกไปก็นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับแฟรงก์อย่างเป็นกันเอง

“ผมอยากรู้ว่าทำไมพี่ไม่ไปประชุมกับพี่ฟราน แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันทำไมถึงไปกับพี่ฟรานได้ อย่าโกหกผมนะพี่ที”แฟรงก์พูดไปก็ยื่นโทรศัพท์ของเขาให้กับเมทีดู พร้อมกับทำสีหน้าจริงจังใส่เมทีไม่ได้เล่นเหมือนก่อน

“อ่อคือ คุณฟรานให้ผมคอยต้อนรับลูกค้าอยู่ที่นี่น่ะครับผมก็เลยไม่ได้ไปด้วย ส่วนผู้หญิงนี่ผมก็ไม่รู้นะครับ สงสัยจะเป็นเด็กคุณฟรานมั้งครับคุณแฟรงก์ ทำไมไม่ลองโทรไปถามเอาเองล่ะครับจะได้รู้ๆกันไป” เมทีบอกไปอย่างโกหก เพราะเขารู้ว่าฟรานติโน่ไม่ต้องการให้เปิดเผยเรื่องของพิชชาภากับใคร โดยเฉพาะแฟรงก์เขาก็ไม่ควรบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคือพิชชาภา และตอนนี้เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าระหว่างแฟรงก์กับพิชชาภามันคืออะไร

“แน่ใจนะว่าพี่ทีไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้จริงๆ” แฟรงก์พูดไปก็จ้องหน้าเมทีอย่างจับผิด เพราะเขารู้ว่าเมทีนั้นซื่อสัตย์กับพี่ชายของเขาขนาดไหน แต่ผู้หญิงคนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งคุ้น เหมือนเด็กที่เพื่อนเขาแนะนำมาเป็นนางแบบเลย แต่จะว่าไปพี่ชายของเขาจะไปรู้จักกับพิชชาภาได้ไง แฟรงก์คิดในใจอย่างสับสน

“แน่ใจสิครับ ถ้าคุณแฟรงก์ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” เมทีบอกปก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของแฟรงก์ไป ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

“เฮ้อ น่ากลัวทั้งพี่ทั้งน้องจริงๆ” เมทีพูดไปก็เดินออกไปทันที เขาคิดว่าฟรานติโน่กับแฟรงก์นั้นมีความร้ายไม่ต่างกัน เพียงแต่ฟรานติโน่จะดูเงียบๆต่างจากแฟรงก์ที่ดูเฮฮาเฟรนลี่แต่พอเข้าโหมดโหดก็น่ากลัวไม่ต่างกัน

ส่วนแฟรงก์ก็นั่งทำงานต่อจนเกือบเย็น เขาก็ออกไปพบกับลูกค้าที่ร้านอาหารพอเสร็จเขาก็ขับรถสปอตคันหรูออกมา

แล้วโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเพราะปาลมีโทรเข้ามา เขาก็มองแล้วจะกดรับแต่พอหันกลับมามองถนนอีกทีเขาก็เห็นผู้หญิงกำลังจะข้ามถนน เขาจึงรีบหักรถหลบอย่างรวดเร็ว

“แม่ง ซวยอะไรแบบนี้วะ” แฟรงก์พูดอุทานออกไปก็รีบเปิดประตูไปหาคนที่เขาชนอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเมื่อกี้จะชนเธอเข้า

“โอ้ย” พลอยลดาร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อเธอล้มลงที่พื้นเพราะหลบจากรถที่กำลังจะพุ่งเข้ามาชน โชคดีที่รถคันนี้หักหลบไปก่อน ไม่งั้นเธอคงโดนรถชนไปแล้ว

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” แฟรงก์รีบเข้าไปหาหญิงสาวที่เขาขับรถเชี่ยวทันที ก่อนจะค่อยๆช่วยประคองเธอให้นั่งที่ฟุตบาท แล้วต้องสะดุดกับใบหน้าหวานที่สวยได้รูปอย่างธรรมชาติ ก่อนจะสบตากับเธออย่างถูกใจ

ด้านพลอยลดาพอหันหน้ามามองคนที่เข้ามาเอ่ยถามเธอ เธอก็มองเขาอย่างอึ้งๆ เพราะเธอไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อน แถมผู้ชายตรงหน้ายังเป็นฝรั่งแล้วก็หล่อเอามากๆ จนเธอคิดว่าเขาหลุดออกมาจากนิตยสารนายแบบอย่างไรอย่างนั้น

“อ่อ ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ” พลอยละพูดไปอย่างตะกุกตะกะก่อนจะดิ้นขลุกขักอยู่ในอ้อมกอดของชายตรงหน้า จนเขารู้สึกตัวแล้วปลดมือที่โอบกอดเธอไว้

“อ่อ ขอโทษครับ ผมขับรถไม่ระวังเอง ไปโรงพยาบาลดีกว่าน่ะครับ เผื่อคุณมีปัญหาอะไรผมจะได้รับผิดชอบ” แฟรงก์เอ่ยพูดไปอย่างจริงใจ เพราะเขาผิดจริงๆที่ขับรถเชี่ยวเธอ

“อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก โอ้ย” พลอยลดาพูดบอกไปก็ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง แต่ก็เกือบล้มลงไปเมื่อเธอเจ็บข้อเท้า

โชคดีที่ชายหนุ่มตรงหน้าช่วยโอบกอดเธอไว้อีกครั้ง จนเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากตัวเขาที่หอมจนเธอเกือบจะเคลิ้ม คนอะไรหล่อก็หล่อ แถมกลิ่นตัวก็ห้อมหอมอย่างกับผู้หญิง

ส่วนแฟรงก์ก็สัมผัสได้ถึงขนาดหน้าอกของเธอที่เขาเอามือประคองเธอไว้ก็คิดว่าเด็กสาวคนนี้น่าจะโตแล้วในระดับนึง อยากจะรู้จริงๆว่าเธออายุเท่าไหร่กันทำไมหน้าเด็กขนาดนี้

“ไปโรงพยาบาลเถอะครับ เดี๋ยวผมจะรับผิดชอบเอง ขออนุญาตอุ้มนะครับ” แฟรงก์บอกไปก็อุ้มหญิงสาวตรงหน้าขึ้นอย่างง่ายดาย

ก่อนจะเอามีคนมาช่วยเขาเปิดประตูรถ เขาก็อุ้มเธอนั่งลงที่เบาะ แล้วหันกลับมาขอบคุณคนที่เปิดประตูให้ ก่อนจะเดินไปเก็บกระเป๋าของหญิงสาวมา แล้วเดินกลับขึ้นรถไปแล้วส่งมันให้กับเธอ

“นี่ของคุณครับ” แฟรงก์บอกไปก็ยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อยๆ เพราะเขารู้สึกชอบหญิงสาวคนนี้เข้าแล้วสิ ดูสวยน่ารักแบบธรรมชาติดี ไม่ต้องแต่งเติมอะไรก็ดูมีเสน่ห์น่าค้นหา

“ขอบ ขอบคุณค่ะ” พลอยลดาบอกเสียงตะกุตะกะก็รับกระเป๋ามาพร้อมกับหัวใจเต้นอย่างแรงจนแทบจะหลุดออกมา แต่เธอก็ต้องตั้งสติไม่ให้เธอทำตัวโก๊ะๆใส่ชายหนุ่มตรงหน้า แล้วท่องไว้ในใจว่าเธอยังเด็กอยู่ เธอยังไม่พร้อมที่จะแรดในเวลานี้

“ก๊อกๆ ก๊อกๆ” เสียงคนเคาะกระจกรถของแฟรงก์รัวๆ จนเขาและเธอต้องหันไปดูก็เจอกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้า เขาจึงกดกระจกรถลงไป

“มีอะไรรึเปล่าน้อง ทำไมมาเคาะกระจกรถพี่แบบนี้” แฟรงก์พูดภาษาไทยออกไปอย่างชัดเจนจนเด็กหนุ่มที่มองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง ถอนหายใจออกมาแล้วพูดกับเขาว่า

บทก่อนหน้า
บทถัดไป