บทที่ 6 หย่า
เรื่องนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ และนางไม่ควรพบเขาเร็วเกินไป
“บ่าวขอตัวพาคุณหนูหลบไปทางอื่นนะเจ้าคะ”
หวานหว่านถูกฝึกมาอย่างดี แม้ยังไม่รู้ว่าคนที่ยืนเป็นภูเขาขนาดย่อมคือใคร แต่นางก็ฉุดแขนฟ่านหรันซีให้ถอยหนีทันที แต่ปลายกระบี่ที่อยู่ในฝักของผู้ติดตามชายคนนั้นยื่นออกมาก่อนจะใช้มันจี้จุดบนร่างกายหวานหว่าน สาวใช้จึงขยับร่างกายไม่ได้ มีเพียงดวงตาที่กลอกกลิ้งไปมา และริมฝีปากที่ส่งเสียงพูด
“นายท่าน คุณหนูของบ่าว ต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ที่สำคัญนางกำลังหิว อย่าทรมานผู้อื่นเลยเจ้าค่ะ”
ฝ่ายฟ่านหรันซีพยักหน้าหงึกหงักตาม และนางไม่ได้อยากอ่อนแอ แต่ภาพในอดีตชาติก่อนถาโถมเข้าใส่ รวมถึงความเจ็บแค้นที่มากล้น ยามนั้นขอบตานางร้อนผ่าว แล้วสุดท้ายก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้
การเผชิญหน้าคนผู้นี้ มิใช่เรื่องง่ายเลย
“ข้าถาม... สตรีนางนี้แซ่ฟ่านใช่หรือไม่”
เสียงคนตัวโตดังเหี้ยม และเขาสืบเท้าไปชิดร่างฟ่านหรันซี ก่อนจับปลายคางของนาง และบีบเล็กน้อย แล้วเชิดมันขึ้นเพื่อที่เขาจะดูให้ชัดๆ
ฮึ หลี่สิงหยางมาช้าเกินไป สตรีนางหนึ่งทำตัวร่านสวาท คิดจับบุรุษแทนการแต่งเข้าตำหนักเขา ส่วนอีกคนกลับสมองทึบ อับปัญญา แต่เอาเถิด... อย่างไรเขาก็ต้องเลือกสักคนเพื่อแผนการที่วางไว้
ยามนั้น ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยน้ำตาอุ่นๆ จ้องเขม็งมองชายหนุ่ม
ซึ่งทั้งเขาและนางต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตน ราวกับทั้งคู่มีเรื่องให้สานต่อจากชาติภพก่อน!
“ขะ ข้าเจ็บ!”
เสียงเล็กๆ ดังขึ้น พร้อมการกระทืบเท้าของฟ่านหรันซี ในตอนนั้นเองที่หลี่สิงหยางรู้ว่าเขาได้กระทำรุนแรงต่อหญิงสาว
ชายหนุ่มปล่อยมือ แต่ไม่วายคว้าแขนนางไว้ เมื่อสังเกตเห็นว่าบริเวณปลายคางที่เขาบีบไปเมื่อครู่เป็นรอยช้ำ ส่วนใบหน้านางข้างหนึ่งมีร่องรอยการถูกทำร้าย
“เจ้าคือฟ่านหรันซีสินะ... เฮ้อ เป็นถึงลูกสาวท่านแม่ทัพใหญ่ เหตุใดถึงอ่อนแอ ถูกผู้อื่นทำร้ายได้”
ฟ่านหรันซีถลึงตาใส่เขา ใครทำนางเจ็บก่อนหน้านี้ ดูเหมือนน้อยไปเมื่อเทียบกับหลี่สิงหยาง บุรุษผู้นี้ต้องชดใช้สิ่งที่สูญเสียไปแก่นาง
“คุณชายเจ้าคะ บ่าวขอพาคุณหนูกลับจวนตอนนี้เลย”
หวานหว่านที่ได้รับการคลายจุดรีบยอบตัว และเตรียมพร้อมพาเจ้านายตนไปจากสถานการณ์ชวนอึดอัด
“บังอาจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเบื้องหน้าเจ้าคือผู้ใด” เสียงตวาดนั้นดังมาจากผู้ติดตามหลี่สิงหยาง และเขาหันไปมองแวบหนึ่ง ก่อนโบกมือไล่ไปให้พ้นๆ หน้า
หวานหว่านยิ่งเห็น และได้ยินเช่นนั้น นางจึงไม่รอช้า ใช้ตัวกันฟ่านหรันซีแล้วพยายามพาเดินเลี่ยงหลบ แต่คนตัวสูงสืบเท้าติดตาม ก่อนใช้เท้าขัดขาสาวใช้ จนนางล้มคว่ำ
“ข้ายังพูดไม่จบ อย่าคิดพาผู้อื่นหนี”
ฟ่านหรันซีกำหมัดแน่น โกรธที่เขากล้าทำร้ายคนของตน นางกวาดตามองหาอาวุธที่พอจะใช้ต่อกรกับปีศาจผู้นี้ ทว่าสุดท้ายกับไม่มีสิ่งใดเลย
“ดูเหมือนคุณหนูสามฟ่าน...มีความหลังกับข้า และนั่นยิ่งทำให้รู้ว่า ระหว่างข้ากับเจ้า ต้องมีเวลาปรึกษาเรื่องอื่นๆ กันอย่างลับๆ เพียงลำพังสองคน”
ฟ่านหรันซีส่ายหน้าปฏิเสธ จากนั้นนางก็จ้องเขาราวกับอยากรู้ว่าอีกฝ่ายคือบุรุษบัดซบที่ภายหน้าจะกลายเป็นราชันย์อำมหิตหรือไม่
“บอกตามตรง ข้าไม่ติดใจที่ในยามนี้หากเจ้ามีสมองเล็กเท่าเม็ดถั่ว ขอเพียงปากเจ้า เต้าหู้สองก้อน และส่วนหวานฉ่ำ ตอบรับสัมผัสแข็งแกร่งของข้าได้ สตรีตระกูลฟ่านย่อมให้กำเนิดทายาทที่ดี”
หลี่สิงหยางทำให้ฟ่านหรันซีนิ่งค้าง เขากล้าพูดเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ได้อย่างไร
หญิงสาวสูดลมหายใจลึก และกล่าวช้าชัดทีละคำ
“ทะ ท่าน ไม่คู่ควรกับซีซี”
จวนแม่ทัพฟ่าน
เมื่อกลับมาที่เรือนของตน ฟ่านหรันซีเอาแต่เงียบ หากนับว่าดีที่นางกินข้าว และของว่างรวมถึงยาด้วย
“เสี่ยวซี... คนผู้นั้นทำให้เจ้าหมางใจหรือไม่” ฟ่านอันเฟิงห่วงใยน้องสาว ยิ่งนางกลายเป็นสตรีที่สูญเสียความทรงจำ เขาก็ดูแลเป็นพิเศษ กระนั้นภาระชายหนุ่มมีมากเหลือเกิน ทั้งยามนี้ดินแดนชิงซานยังถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เนื่องจากคนจากแคว้นต้าอู่จะสร้างคุกหลวงแห่งใหม่ไว้คุมขังนักโทษทางการเมือง ดังนั้นต้องมีการย้ายเจ้าหน้าที่บางส่วนมาประจำที่นี่ รวมถึงการให้ขุนนางในท้องที่สับเปลี่ยนไปยังเมืองหลวง เรื่องนี้สร้างความไม่สบายใจแก่ฟ่านอันเฟิง เพราะมีรายชื่อของเขาอยู่ในนั้น
“ใครหรือ เฟิงเกอ” น้องสาวถาม สีหน้านางสดใส แต่ดวงตาดูเหนื่อยล้าราวกับพบเรื่องราวมากมายก่อนหน้านี้
“เขา...”
ฟ่านอันเฟิงถามแล้ว ก็ลังเลที่จะเอ่ยถึงผู้ที่มาจากแคว้นต้าอู่
“ปีศาจจากต้าอู่ ใช่หรือไม่”
พอนางเอ่ยถึงจุดนี้ ฟ่านอันเฟิงก็หัวเราะร่วน ใช่หลี่สิงหยางสมควรเป็นเป็นปีศาจ
“ขะ ข้าวาดยันต์คุ้ม ภะ ภัยแล้ว ขะ เขาไม่มารังแกขะ ข้าอีก”
ฟ่านหรันซีว่าแล้วจึงอวดรูปตัวอักษรโบราณของตนกับพี่ชาย นางเขียนมันลงกระดาษสีแดงแล้วพับเก็บไว้ในถุงหอมที่ห้อยไว้ข้างเอว
“ซีซี มะ ไม่ กลัว”
