บทที่ 5 คุณเป็นใคร?

“สะ...สวัสดีครับบอส นะ...นี่ใครเหรอครับ” โดมที่เข้ามาเอาเอกสารสำคัญ เพื่อจะเข้าประชุมแทนผู้เป็นนาย จ้องมองหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างไม่กะพริบตา  ‘ให้ตายสิ! นี่บอสกลายเป็นพวกชอบกินเด็กไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?’

“ผู้หญิงของฉันเอง” แม่ทัพบอกก่อนจะเดินหน้าตั้งไปที่ประตูหน้า

“บอสจะไปไหนเหรอครับ” โดมรีบเดินตามไปเปิดประตูให้ผู้เป็นนาย    อย่างรู้งาน

“ไปโรงพยาบาลไม่ต้องตาม” แม่ทัพรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ เมื่อเห็นสาว     ในอ้อมกอดซบหน้าลงที่ต้นคอ ก็เดาได้ว่าเธอคงจะอายคนสนิทของตน

“ครับ” โดมขานรับแล้วรีบกดลิฟต์ไปยังชั้นที่จอดรถให้

ช่อเอื้องเงยหน้าขึ้นบอกหลังจากที่ลิฟต์เคลื่อนตัวลงไปยังชั้นล่าง “หนูนั่ง    วินมอเตอร์ไซค์ไปคนเดียวได้ค่ะ”

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันยังไม่จบเรื่องกับเธอ” แม่ทัพบอกเสียงเข้ม

“คุณเอาบัตรประชาชนของหนูเก็บไว้ไหมคะ ถ้าเกิดรถติดมันอาจจะ...” คนที่เป็นห่วงพ่อ บอกอย่างรู้สึกเครียดนิดๆ

“รถไม่ติดหรอกน่า” แม่ทัพบอกจบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก

ช่อเอื้องหันไปมองรอบๆ อย่างรู้สึกอึ้ง เมื่อเห็นรถซูเปอร์คาร์หลายคัน    จอดอยู่

“สวัสดีครับบอส” บอดี้การ์ดที่ประจำอยู่ยังชั้นจอดรถ รีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้ด้วยสีหน้าตื่นๆ หลังเอาแต่ชะเง้อมองใบหน้าของหญิงสาวที่ผู้เป็นนายอุ้ม

‘ไม่อยากจะเชื่อ!  บอสพาเด็กมาฟาดที่เพนต์เฮาส์เหรอวะ?’

“สวัสดี” แม่ทัพตอบก่อนจะเดินตรงไปยังรถแอสตัน มาร์ตินสีดำเงาที่จอดอยู่ แล้วค่อยๆ ปล่อยสาวในอ้อมกอดลงยืนบนพื้นอย่างช้าๆ

“นี่รถคุณเหรอคะ” ช่อเอื้องจ้องมองรถซูเปอร์คาร์อย่างรู้สึกตื่นเต้น

“ใช่ รีบๆ เข้าไปนั่งสิ” แม่ทัพสะกิดเตือนหญิงสาว

“ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับ แล้วย่อตัวลงไปนั่งที่เบาะหนังนุ่มๆ อย่างรู้สึกประหม่า

แม่ทัพก้มตัวลงไปดึงเข็มขัดมาคาดให้นางฟ้าคนสวย จากนั้นก็ปิดประตูรถให้ แล้วรีบเดินอ้อมไปประจำตำแหน่งของตน ก่อนจะค่อยๆ ขับออกไปตามทาง

สามสิบนาทีต่อมา...

ช่อเอื้องที่ตื่นเต้นกับการได้นั่งรถหรูเพียงครู่ ก็เริ่มกลับมากังวลใจ เพราะอีกแค่สองแยกไฟแดงก็จะถึงโรงพยาบาลแล้ว แต่รถกลับติดนานจนแทบจะไม่ขยับไปไหนมาร่วมสิบนาที เธอจึงหยิบปากกาของเขาที่วางอยู่ใกล้ๆ มาจดเบอร์โทร. ของตัวเองใส่ที่ด้านหลังของสลิปใบเสร็จร้านสะดวกซื้อ แล้วยัดมันลงในมือของคนเถื่อน

“หนูรอไม่ไหวแล้วค่ะ นี่เบอร์โทรของหนู” หญิงสาวบอกจบก็เตรียมจะปลดเข็มขัดที่คาดอยู่ออก

“จะทำอะไร” แม่ทัพขมวดคิ้วถามอย่างมึนงง

“หนูจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ตรงนั้นไปค่ะ” ช่อเอื้องบอกด้วยสีหน้าจริงจัง อะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกร้อนรุ่มและกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่ได้! เธอต้องไปกับฉัน” ชายหนุ่มหันไปกดล็อกประตูรถทันที

“แต่หนูเป็นห่วงพ่อค่ะ” ช่อเอื้องบอกอย่างใจคอไม่ดี

“พ่อเธอไม่เป็นไรหรอกเอื้อง” แม่ทัพรีบปลอบใจสาวขี้แยที่ทำท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง

“แต่...” ช่อเอื้องพยายามจะเอ่ยท้วง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายตัดบท

“ไฟเขียวแล้ว” แม่ทัพรีบออกรถไปทันทีที่สัญญาณไฟเปลี่ยนสี

ช่อเอื้องน้ำตาคลอ ยกมือขึ้นไหว้อธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครองบิดาของเธอให้ปลอดภัย แม่ทัพหันไปมอง เห็นสาวเจ้าน้ำตานองหน้า จึงเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูส่งให้อย่างรู้สึกแน่นไปทั้งหน้าอก

สิบห้านาทีต่อมา...โรงพยาบาล

ช่อเอื้องลงจากรถเสร็จ ก็วิ่งเข้าไปข้างในโรงพยาบาล โดยไม่รอฟังเสียงเรียกของสารถีที่ขับรถมาส่ง พอเข้าไปถึงด้านหน้าล็อบบี เธอก็เห็นนิลยากับคงศักดิ์ ยืนหันหลังอยู่ตรงหน้าห้องฉุกเฉิน จึงรีบเดินเข้าไปถามอย่างร้อนใจ

“ป้านิลคะ! พ่อเป็นยังไงบ้าง”

“ฮึก...” นิลยาหันไปมองตามเสียงเรียกที่คุ้นเคย พลัน! น้ำตาที่ยังไม่ทันแห้งก็ไหลทะลักออกมาอีกครั้ง

“เอื้อง...พ่อเขาหมดทุกข์แล้วลูก” คงศักดิ์หันไปตอบแทนภรรยาด้วยสายตาแดงก่ำ ไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะกะทันหันแบบนี้

“มะ...ไม่จริง!” ช่อเอื้องส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้ รีบวิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที พอเห็นร่างของบิดานอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเผือด จึงเข้าไปเขย่าเรียก

“พ่อ! พ่อตื่นสิ พ่อทิ้งเอื้องไปไม่ได้นะ ฮือๆๆ แล้วต่อไปนี้เอื้องจะอยู่กับใคร ฮือๆๆ” คนที่ทั้งชีวิตมีแต่พ่อปล่อยโฮออกมาทันใด

“เอื้อง...” นิลยาเตรียมจะเข้าไปกอดเด็กสาว แต่ก็ถูกสามีห้ามเอาไว้

“ปล่อยให้เอื้องได้สั่งลาพ่อเถอะนิล” คงศักดิ์บอกขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทาง แม้จะไม่ใช่ญาติกัน แต่เอื้องกับศรชัยก็เป็นยิ่งกว่าคนในครอบครัว เพราะไปมาหาสู่กันนับสิบกว่าปีแล้ว

“เอื้อง!” คนที่วิ่งตามมา ยืนจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างรู้สึกหดหู่ เตรียมจะเข้าไปปลอบสาวเจ้าที่ร้องไห้จนตัวสั่น แต่ก็ถูกใครอีกคนดึงแขนเอาไว้

“คุณเป็นใคร?” นิลยาถามชายหนุ่มที่รูปร่างสูงอย่างรู้สึกคุ้นหน้าของอีกฝ่าย

“เอ่อ...ผมมากับเอื้องครับ” แม่ทัพตอบด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เมื่อเห็นผู้ใหญ่ทั้งสองยืนจ้องใบหน้าของตนนิ่ง

“เอื้อง!” คงศักดิ์อุทานเสียงดังอย่างตกใจเมื่อเห็นเด็กสาวฟุบลงที่ข้างเตียง จึงหันไปบอกกับภรรยา “นิลไปตามหมอมาเร็ว”

“ผมอุ้มเธอเองครับ” แม่ทัพอาสาพร้อมกับเข้าไปอุ้มสาวเจ้าขึ้นทันใด

“ขอบใจมากพ่อหนุ่ม” คงศักดิ์บอกก่อนจะเดินนำไปยังห้องปฐมพยาบาลที่ด้านนอก

เวลา 17:09 น. ช่อเอื้องลืมตาตื่นขึ้นมองไปรอบๆ ก็รีบขยับลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างตกใจ ที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนของผู้ชายที่เธอถูกว่าจ้างให้มาแกล้ง แต่แล้วอยู่ๆ ภาพของบิดาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก็แล่นผ่านเข้ามาในม่านตาราวกับฝันร้าย

“ตื่นแล้วเหรอเอื้อง?” แม่ทัพที่นอนอยู่ข้างๆ ขยับลุกขึ้นนั่งพร้อมกับดึงสาวเจ้าเข้ามากอด หลังจากที่เธอเป็นลมหมดสติไป เขาก็รีบโทร. เรียกคนสนิทของมารดาให้มาช่วยนิลยากับคงศักดิ์ดูแลเรื่องงานศพบิดาของช่อเอื้อง

จากนั้นก็ขอพาสาวเจ้ากลับมาที่คอนโด โดยบอกกับผู้ใหญ่ทั้งสองว่าหากช่อเอื้องฟื้นเมื่อไหร่ เขาจะรีบพาเธอไปร่วมงานทันที พร้อมกันนั้นก็ไม่ลืมโอนเงินจำนวนสามแสนบาทไปยังบัญชีธนาคารของนิลยา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในงานศพ

“ฮึก...หนูจะไปหาพ่อ” ช่อเอื้องน้ำตาคลอพยายามดันอีกฝ่ายออก แต่ก็ไม่เป็นผล แถมยังถูกกอดรัดแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“เดี๋ยวฉันจะพาไป แต่ต้องหลังจากที่เอื้องอาบน้ำและทานข้าวเสร็จก่อน”   แม่ทัพบอกเสียงอ่อน

“พะ...พ่อหนูเสียแล้วใช่ไหมคะ” คนที่ยังมึนๆ งงๆ ถามย้ำทั้งน้ำตานองหน้า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากราวกับความฝัน ทั้งเรื่องของผู้ชายตรงหน้าและเรื่องที่บิดาได้จากไป

“ใช่! ตอนนี้ศพของท่านตั้งอยู่ที่ศาลาวัด ฉันให้คนไปช่วยจัดงานและดูแลให้แล้ว” แม่ทัพบอกพลางลูบแผ่นหลังบางเบาๆ

“ฮือๆๆ เป็นเพราะคุณ ถ้าคุณให้หนูนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปตั้งแต่แรก หนูคงจะทันได้ดูใจพ่อ” ช่อเอื้องต่อว่าอย่างรู้สึกโกรธและเสียใจที่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้

“ฉะ...ฉันขอโทษ” แม่ทัพบอกอย่างรู้สึกผิด

“ไม่ต้องพูดหรอกค่ะ ไม่ว่าคุณจะแก้ตัวยังไง พ่อของหนูก็ไม่ฟื้นขึ้นมา และมันก็ไม่ได้ลบสิ่งที่ติดอยู่ตรงนี้ออกไปได้” ช่อเอื้องดันตัวออกห่าง พร้อมกับชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง

“เอื้อง!” แม่ทัพใจหายวูบกับสายตาที่แสนจะเย็นชาของสาวเจ้า

“ปล่อย! คุณไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวหนู” เธอปัดมือที่เอื้อมมาออกทันใด

“เอื้อง! คุยกันดีๆ สิ” แม่ทัพบอกเสียงอ่อน

“ฮึก...กระเป๋าเงินของหนูอยู่ไหน?” ช่อเอื้องถามพร้อมกับมองหากระเป๋าเงินของตัวเอง

“อยู่นี่” แม่ทัพหยิบออกมาจากข้างเตียง แล้วส่งให้ทันที

ช่อเอื้องรับมาแล้วเปิดกระเป๋าออก พร้อมกับหยิบเงินจำนวนหนึ่งหมื่นบาท ยัดใส่มือของอีกฝ่าย “นี่คือเงินค่าจ้างที่เพื่อนของคุณจ้างหนูให้มาเล่นละครแกล้งคุณ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป