บทที่ 8 คุณจอมจะแต่งงานอาทิตย์หน้านะครับ
ชั้นบนสุดของคอนโด...ช่อเอื้องเดินตามร่างสูงของชายหนุ่มเข้าไปภายในห้องพักที่สุดจะกว้างขวางด้วยหัวใจสั่นๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นคนสนิทของอีกฝ่ายที่เธอเคยเห็นหน้ามาแล้วครั้งหนึ่ง นั่งก้มหน้าดูมือถือของตัวเองที่กำลังมีสายเรียกเข้า
“บอสครับ! คุณขุนโทรมาหา บอสจะรับสายไหมครับ” โดมรีบบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วก้มหัวลงนิดๆ ให้ผู้เป็นนายและหญิงสาวที่สวยดุจนางฟ้านางสวรรค์
“ไม่รับ บอกมันไปตายซะ” แม่ทัพนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ แล้วหยิบเอกสารดเที่วางอยู่ออกมาเปิดดูคร่าวๆ
ช่อเอื้องส่งยิ้มบางๆ ให้คนสนิทของอีกฝ่าย ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับ แม่ทัพอย่างทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ...ครับ” โดมขานรับไม่เต็มเสียง ไม่กล้าเอ่ยตามที่ผู้เป็นนายบอก
“งานเป็นยังไงบ้าง” แม่ทัพเปลี่ยนมาถามถึงงานที่บริษัทพร้อมกับดึง เนคไทออก
“กระแสตอบรับดีมากครับ บัตรเข้าสนามมวยขายหมดภายในห้านาที สปอนเซอร์ติดต่อเข้ามาลงโฆษณากันเต็มเลย” โดมรายงานด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“เยี่ยม แกดูแลงานได้ใช่ไหม?”
“สบายมากครับบอส”
“ดี! ยังไม่ต้องบอกเรื่องของเอื้องกับใครนะ” แม่ทัพบอกพลางหันไปมองสาวเจ้าที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ครับ อ้อ! คุณจอมจะแต่งงานอาทิตย์หน้านะครับ เห็นว่าคุณขุนขอเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว” โดมพยักหน้ารับแล้วรายงานเรื่องสำคัญที่เพิ่งจะทราบมาเมื่อชั่วโมงก่อน
“ไอ้ขุนเนี่ยนะ?” แม่ทัพขมวดคิ้วถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ กลัวว่าขุนพันจะไปแกล้งจอมพลเหมือนที่แกล้งตน
“ครับ” โดมเอ่ยยืนยันเสียงหนักแน่น
“แกช่วยบอกทุกคนด้วยว่า ฉันจะขึ้นไปเชียงใหม่ตอนวันแต่ง” แม่ทัพบอกพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกเพลียๆ
“ครับ” โดมขานรับก่อนจะหันไปเอ่ยกับหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่ “เอ่อ...ผมขอแสดงความเสียใจกับคุณเอื้องด้วยนะครับ เรื่องคุณพ่อ”
“ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ไปให้ชายหนุ่มซึ่งดูสุภาพ ผิดจากคนเถื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอเป็นอย่างลิบลับ
โดมหันไปยกมือรับไหว้และเอ่ยลา “ผมขอตัวกลับก่อนนะครับบอส คุณเอื้อง”
“อืม! มีอะไรก็รายงานมาในแชตแล้วกัน” แม่ทัพพยักหน้ารับเบาๆ
“ครับ” โดมยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องพักไปเงียบๆ
“คุณทำงานในสนามมวยเหรอคะ?” ช่อเอื้องเอ่ยถามอย่างลืมตัว หลังถูกชายหนุ่มสะกิดแขนให้ลุกขึ้นยืนตาม
“เปล่า! ฉันเป็นเจ้าของค่ายมวย” แม่ทัพบอกอย่างรู้สึกขำนิดๆ กับคำถามของสาวเจ้า
“...” ช่อเอื้องได้ฟังคำตอบก็ถึงกับนิ่งไปทันใด
“เป็นอะไร เงียบเชียว” แม่ทัพถามเมื่อเห็นสาวเจ้าหน้าเจื่อนไปนิดๆ
“มะ...ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” ช่อเอื้องรู้สึกเกร็งๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เราไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้านอนกันเถอะ” แม่ทัพชวนเสียงอ่อน
“ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับ แล้วเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในห้องนอนใหญ่ อย่างมึนๆ
“ห้องนี้เป็นห้องแต่งตัวของเธอ ของทุกชิ้นที่อยู่ในห้องนี้เป็นของเธอทั้งหมด” แม่ทัพหันไปบอกพร้อมกับเปิดประตูห้องแต่งตัวของสาวเจ้าที่เขาเพิ่งจะสั่งให้คนเข้ามาปรับเปลี่ยนแทนที่ห้องทำงานเก่าเมื่อช่วงเย็น
“ของหนู?” ช่อเอื้องมองเข้าไปภายในห้องที่มีทั้งกระเป๋า รองเท้าและเสื้อผ้ามากมายจากแบรนด์ดัง ถูกวางเรียงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก็รู้สึกอึ้ง เพราะตอนเมื่อตอนเย็นเธอเห็นประตูของห้องนี้เปิดอ้าทิ้งไว้นิดๆ เลยแอบชะโงกหน้าเข้าไปส่องดู เห็นมีโต๊ะทำงาน กับหนังสือมากมายวางเรียงอยู่ราวๆ สามร้อยเล่ม ไม่น่าเชื่อว่าเพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมง ห้องนี้จะถูกเปลี่ยนให้เป็นห้องแต่งตัวของเธอ
“ใช่! เป็นของใหม่หมดทุกชิ้น” แม่ทัพรีบเสริมกลัวสาวเจ้าจะคิดว่าเป็นของผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยพักอยู่กับตน ซึ่งก็ไม่เคยมีสาวคนใดจะได้อภิสิทธิ์นี้มาก่อน จะมีก็แต่...สาวตรงหน้าเท่านั้น
“ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องหันไปยกมือไหว้หนุ่มโหดสายเปย์อย่างซึ้งใจ
“คุณพ่อของเธอท่านชอบทานอะไรเหรอเอื้อง” แม่ทัพฉีกยิ้มให้สาวมารยาทงาม ที่มือไม้อ่อน แลดูน่ารักน่าใคร่ เอ๊ย! น่ารักน่าทะนุถนอม
“แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายค่ะ”
“เธอทำเป็นไหม?”
“เป็นค่ะ” คนที่ทำอาหารเป็นมาตั้งแต่เด็กยิ้มรับบางๆ
“โอเค! พรุ่งนี้เราตื่นมาทำ แล้วไปใส่บาตรให้คุณพ่อด้วยกัน” แม่ทัพอยากจะดึงสาวเจ้าเข้ามากอดใจจะขาด แต่ก็ต้องห้ามใจ เพราะกลัวว่าจะถูกเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม
“ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับเบาๆ อย่างรู้สึกดีที่อีกฝ่ายทั้งดูแลเอาใส่ใจเธอแทบ ทุกเรื่อง
“เอื้องเข้าไปถอดเปลี่ยนเสื้อผ้าออกนะ เสื้อคลุมอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวฉันจะไปเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำรอ”
“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณทัพจะ...” ช่อเอื้องถามด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“ฉันจะไปอาบน้ำที่ห้องข้างๆ” แม่ทัพบอกอย่างรู้ทันความคิดของสาวเจ้าที่คงกลัวว่าตนจะเข้าไปอาบน้ำด้วย
“ค่ะ” ช่อเอื้องพยักหน้ารับอย่างโล่งใจ
“โอเค! งั้นถอดเสื้อผ้าเสร็จแล้วรีบตามเข้าไปในห้องน้ำนะ ฉันจะสอนการเปิด-ปิดระบบต่างๆ ให้” แม่ทัพบอกก่อนจะเดินไป
“ค่ะ” ช่อเอื้องรีบเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรู้สึกตื่นเต้นนิดๆ กับข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ล้วนแต่เป็นของแบรนด์ดัง
ชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่แม่ทัพสอนการใช้งานของอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่แล้ว ช่อเอื้องก็เข้าไปนอนแช่ในอ่าง ปล่อยให้กระแสน้ำวนบำบัดร่างกายที่เมื่อยล้าราวสิบนาที ก็รีบลุกขึ้นไปล้างตัวที่ฝักบัว จากนั้นก็ใส่เสื้อคลุมแล้วเดินออกไปเปลี่ยนชุดนอนที่ห้องแต่งตัว พอเดินออกมาก็เห็นคนที่นั่งอยู่บนเตียง ลุกเดินเข้ามาหา
“เราไปนอนกันเถอะเอื้อง” แม่ทัพเอ่ยชวนเสียงหวาน
“เอ่อ...เอื้องนอนที่โซฟาตรงนั้น อ๊ะ! ปล่อยค่ะ” ช่อเอื้องบอกยังไม่ทันจบ ก็ต้องตกใจ เมื่ออยู่ๆ พ่อเทพบุตรสุดเถื่อน ช้อนอุ้มเธอขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เราจะนอนด้วยกันบนเตียง” แม่ทัพบอกก่อนจะเดินตรงไปที่เตียงขนาด คิงไซซ์ แล้ววางสาวเจ้าลงอย่างเบามือ
“หนูว่าเรา...” ช่อเอื้องรีบลุกขึ้นนั่ง เตรียมจะขยับลงจากเตียงแต่ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งตัวให้นอนลงเช่นเดิม
“เอื้อง! เข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้เราต้องตื่นเช้าโอเค้?” แม่ทัพที่ตามขึ้นไปนอนกกกอด แล้วเอ่ยกระซิบพร้อมกับสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกายสาวเข้าปอดลึกๆ
“แต่...” คนที่ทั้งขนลุกและใจสั่นพยายามจะดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของ อีกฝ่าย แต่กลับถูกรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ยังอีก! ถ้าพูดอีกแค่คำเดียวฉันจะทำเหมือนเมื่อเช้า” แม่ทัพต่อว่า ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาคนที่ดิ้นยุกยิกถึงกับชะงักนิ่งไปทันทีทันใด
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบรีโมทที่ควบคุมไฟทุกดวงมากดปิด จากนั้นก็ก้มลงหอมแก้มนวลของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเมียเบาๆ พร้อมกับเอ่ยกระซิบเสียงอ่อน“ฝันดีครับ”
ช่อเอื้องตัวแข็งทื่อไปทันใดที่ถูกหอมแก้ม แต่ด้วยความง่วงและความเหนื่อยล้าก็ทำให้เธอค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทราไปภายใต้อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
