บทที่ 6 เมียนิตินัย (70%)

เธอจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนตัวเองถูกสามีจูบอย่างดูดดื่ม คราแรกนั้นคนเย็นชาหน้าตายจดๆ จ้องๆ ปากเธออยู่ ก่อนจะวูบหน้าลงมาหาคล้ายหมดสิ้นความอดทนผสมเก็บกด จากนั้นก็บดขยี้เรียวปากสีกุหลาบอย่างเร่าร้อนประหนึ่งอดอยากปากแห้งมาแรมปี ความร้อนแรงระคนตะกละตะกลามในแรกเริ่มเดิมทีค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นดูดดื่ม ละมุนละไม และอ่อนหวาน จนคนครึ่งหลับครึ่งตื่นอย่างเธอคล้อยตาม ยอมเผยอกลีบปากอวบอิ่มแยกแย้มให้ภมรหนุ่มได้เชยชิมความหวานซ่านทรวงจากภายในกระพุ้งแก้มอิ่มอุ่น กว่าพ่อหนุ่มจอมฉกฉวยจะยอมผละห่างก็เมื่อเธอนั้นดิ้นรนขัดขืน เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองถูกสูบลมหายใจออกไปจากร่างเสียสิ้น

ในความทรงจำอันเลือนลางนั้นเธอเหมือนได้ยินอีกฝ่ายพึมพำปลอบประโลมให้หลับ แล้วก้มลงจุมพิตเปลือกตาทั้งสองข้างอย่างอ่อนโยนเป็นการส่งท้าย

สรุปทั้งหมดทั้งมวลมันไม่ใช่ความฝันอย่างนั้นหรือ?

สาวหวานรำพันในอกด้วยความกระดากอายสุดฤทธิ์ ใบหน้าสวยหวานแดงแจ๋ แค่คิดว่าโดนอีกฝ่ายขโมยจูบอย่างดูดดื่มเธอก็จั๊กจี้หัวใจเสียแล้ว

จากนั้นอ้อนรักก็สะบัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่าน แล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนด้วยท่าทางเร่งรีบ หากแต่เท้าเรียวกลับต้องชะงักเมื่อมองเห็นแต่ไกลว่าเพชรพริ้งยังไม่กลับ แม่ม่ายสาวคนสวยนั่งคุยกับสามีของเธออย่างออกรส ดูใกล้ชิดเกินงามทั้งที่มีผู้เป็นย่านั่งอยู่ที่โซฟาอีกฝั่ง

“เย้! คุงป้าอ้อนมาแล้ว!” หนูน้อยอัปสรสวรรค์ร้องลั่นด้วยความยินดี เมื่อดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นคนเป็นป้าเดินมุ่งหน้ามายังโถงเรือนในจุดที่ตนกำลังอ้อนให้คุณย่าทวดป้อนขนมอยู่

“คนดีคราวหน้าห้ามพูดตอนมีอาหารในปากนะลูกเดี๋ยวสำลัก” นางสอางค์เอ่ยสอนแม่ตัวยุ่งเสียงนุ่ม เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงักอย่างว่าง่าย

“ค่า คุงย่าทวด”

“คนดีตื่นตั้งแต่ตอนไหนคะ ไม่เห็นปลุกป้าอ้อนบ้างเลย” อ้อนรักนั่งลงข้างๆ ร่างจ้ำม่ำ แล้วเอ่ยถามอย่างยิ้มๆ ด้วยเอ็นดูที่เห็นอีกฝ่ายอ้าปากรับลูกชุบที่คุณย่าทวดป้อนให้ไม่ขาดปาก

“ยุงจ๋าบอกม่ายให้ปลุกค่า คุงป้าอ้อนหลับ…กรนฟี้ๆ” วาจาที่หลุดออกมาจากปากเด็กอ้วนทำให้ผู้ใหญ่ต่างพากันทำหน้าเหวอกับความซุกซน ก่อนจะหัวเราะร่วนด้วยความเอ็นดู

“เหนื่อยมากเหรอลูก นอนจนถึงหัวค่ำเชียว” นางสอางค์หันไปถามหลานสาว หลังจากตักบัวลอยไข่หวานใส่ปากเด็กอ้วนช่างกิน

“ค่ะคุณย่า อ้อนหลับแบบไม่รู้เรื่องเลยค่ะ ไม่รู้ด้วยว่าไปนอนได้ยังไง” แม่สาวหวานผู้เรียบร้อยเอ่ยอย่างอายๆ พวงแก้มเนียนใสแดงระเรื่อชวนมอง

“คงมีใครแถวนี้เอาเราไปนอนล่ะมั้ง” คนแก่เปรยขึ้นอย่างลอยๆ พร้อมลอบมองปฏิกิริยาของพ่อตัวดีที่กำลังนั่งทำหน้านิ่งให้แม่ม่ายสาวเบียดกระแซะแทะโลม

“แล้วนั่นปากไปโดนอะไรมาลูก”

“เอ่อ…ไม่ทราบค่ะคุณย่า ตื่นมาก็บวมเจ่อแบบนี้เลยค่ะ สงสัยมดกัดมั้งคะ” หญิงสาวตอบแบบไม่เต็มเสียงมากนัก ดวงหน้าพริ้มเพราพลันแดงซ่านเมื่อกระหวัดคิดไปถึงสาเหตุที่อาจจะทำให้ตนปากเจ่อ

“แล้วไปนอนที่ไหนมามดถึงได้กัดเอาแบบนั้น”

“เอ่อ…ห้องของคุณเซตค่ะ”

สรรพนามเรียกขานสามีของหลานสาวที่เปลี่ยนไปทำให้คนเป็นย่าขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยผ่านเหมือนไม่ได้ยิน แล้วหันไปถามพ่อหลานชายตัวดี

“ห้องเรามีมดด้วยเหรอพ่อเซต” คนถูกซักไซ้เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ปั้นหน้านิ่ง แล้วเอ่ยตอบด้วยท่าทางไม่ส่อพิรุธใดๆ ได้อย่างแนบเนียนจนคนแก่ชักหมั่นไส้

“อาจจะมีมั้งครับคุณยาย ปากของหลานรักคุณยายถึงได้บวมเป่งขนาดนั้น” ฟังคำพ่อหลานชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วคนแก่ก็ถึงกับค้อนลมค้อนแล้ง

“แหม…มดมันคงตัวใหญ่น่าดู ถึงได้กัดปากยัยอ้อนจนบวมเจ่อเหมือนโดนขโมยจูบเสียอย่างนั้น” วาจาเหน็บแนมของผู้เป็นยายเกือบทำให้เจ้าของร่างสูงใหญ่หลุดสะดุ้ง

ก่อนที่ประมุขของบ้านจะทันได้ซักไซ้ไล่เลียงหาตัวไอ้มดยักษ์จอมลามกที่บังอาจมาดูดปากหลานสาวของนาง ก็มีเสียงรถยนต์คันหนึ่งวิ่งมาจอดลงตรงหน้าเรือนไทยหลังใหญ่ ไม่นานผู้มาใหม่ก็เดินตามสาวใช้ขึ้นเรือนมา

“คุณย่า สวัสดีครับ”

ปรเมศกล่าวทักทายคนแก่พร้อมยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปส่งยิ้มอบอุ่นให้อ้อนรักและหนูน้อยอัปสรสวรรค์ ส่วนคนที่จ้องหน้าเขาเขม็งอย่างเซซาเรนั้นคุณหมอหนุ่มจงใจเลิกคิ้วใส่อย่างกวนๆ เขาชอบนักล่ะการปั่นหัวคนปากแข็งที่มักประกาศปาวๆ ว่าไม่รักเมียตัวเองให้ออกอาการหงุดหงิดงุ่นง่านเหมือนหมาบ้า

“อ้าว…พ่อเมศ สวัสดีจ้ะ มาๆ มานั่งข้างย่านี่มา”

“ของฝากครับคุณย่า” หลังจากทรุดกายลงนั่งข้างคนแก่ด้วยกิริยาสุภาพนุ่มนวลชวนเอ็นดู คุณหมอหนุ่มก็ยื่นกระเช้าของฝากในมือส่งให้อีกฝ่าย

“ขอบใจมากจ้ะ ว่าแต่ไปไงมาไงถึงได้มาซะมืดค่ำเชียว หรือว่ามาตรวจอาการคนดี”

“ใช่ครับ ผมมาตรวจอาการลูกหมูน้อยเพราะเกรงว่าคืนนี้จะไม่ได้นอน แล้วก็ตั้งใจว่าจะมาขอข้าวเย็นบ้านคุณย่าทานด้วยครับ” วาจาออดอ้อนคนแก่ของหมอหนุ่มทำให้เซซาเรนึกหมั่นไส้ขึ้นมาครามครัน

“ยินดีมากจ้ะ ยัยอ้อนไปบอกแม่บ้านจัดโต๊ะอีกที่นะลูก เผื่อพี่เมศเขาด้วย”

“อ้อนบอกแม่บ้านไว้ตั้งแต่ตอนสายๆ แล้วค่ะคุณย่า เอ่อ…ที่จริงอ้อนเป็นคนชวนพี่เมศมาทานข้าวบ้านเราเองแหละค่ะ อยากจะตอบแทนที่เขาอุตส่าห์มาตรวจอาการหลานถึงที่ไร่เมื่อเช้านี้ อ้อนต้องขอโทษคุณย่าด้วยนะคะที่ทำอะไรโดยไม่บอกกล่าวคุณย่าก่อน” อ้อนรักเอ่ยอย่างเกรงใจเพราะสำเหนียกดีว่าตนอยู่ที่นี่ในฐานะผู้อาศัย และไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ที่จะตัดสินใจหรือทำอะไรโดยพลการ

“เด็กคนนี้นี่ จะมากังวลอะไรเล่า ย่าไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเสียหน่อย อีกอย่างที่หลานทำมันก็ถูกแล้ว พ่อเมศอุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกลเราก็ต้องตอบแทนน้ำใจเขาบ้าง”

“ขอบคุณค่ะคุณย่า ที่ไม่ถือโทษโกรธอ้อน” แม่สาวหวานคลี่ยิ้มละมุนพร้อมยกมือไหว้อีกฝ่าย กิริยามารยาทงดงาม แถมยังเจียมเนื้อเจียมตัวจนน่าสงสาร ทำให้คนแก่ทั้งรักและเอ็นดูไม่ต่างจากหลานสาวแท้ๆ

จากนั้นนางสอางค์ อ้อนรัก และปรเมศ ก็ผูกขาดการสนทนา โดยมีเซซาเรนั่งหน้าตึงมองเมียที่ไม่เห็นหัวเขาด้วยความไม่พอใจ ส่วนเพชรพริ้งนั้นพยายามเรียกร้องความสนใจจากเขาอย่างเต็มที่ หากแต่เซซาเรกลับไม่ไยดีต่อน้ำคำหวานหูแกมออดอ้อนที่หลุดออกมาจากปากสีแดงสด คนโอหังมองหน้าปรเมศด้วยสายตาแข็งกร้าวไม่เป็นมิตร แต่แทนที่จะกริ่งเกรงอีกฝ่ายกลับยิ้มเย้ย แล้วหันไปคุยกับเมียเขาอย่างสนิทสนม

บทก่อนหน้า
บทถัดไป