บทที่ 7 เมียนิตินัย (100%)
ตอนแรกเซซาเรคิดว่าไอ้หมอหน้าอ่อนนั่นแค่อยากจะกวนประสาทเขา จึงตกปากรับคำว่าจะมาทานข้าวเย็นด้วย แต่ที่ไหนได้มันดันมาจริงๆ
“เอาล่ะ…ย่าว่าเราย้ายไปที่โต๊ะอาหารกันดีกว่า ป่านนี้แม่บ้านคงจัดกับข้าวกับปลาใกล้จะเสร็จแล้วมั้ง มาพ่อเซต ชวนแขกของเรามากินข้าวด้วยกัน”
ครั้นสนทนากันพอหอมปากหอมคอคนแก่ก็เอ่ยขึ้น รายหลังสุดนางสอางค์ไม่ได้อยากจะเชื้อเชิญนักหรอก แต่ด้วยความที่เป็นเจ้าบ้านจึงไม่อาจไปไล่ตะเพิดแขกเป็นเด็กๆ ทำได้เพียงลอบสังเกตการกระทำของอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ หากมีอะไรเกินพอดีก็อาจจะต้องมีการตักเตือนกันบ้าง
หลังจากจูงมือหนูน้อยอัปสรสวรรค์เดินไปยังโต๊ะอาหารตามหลังผู้เป็นย่าซึ่งมีคุณหมอหนุ่มประคองทุกย่างก้าว อ้อนรักก็ขอตัวไปในครัวเพื่อยกอาหารออกมาช่วยแม่บ้าน เสร็จแล้วก็เดินไปล้างมือในห้องน้ำ ครั้นจะหมุนตัวกลับเข้าไปยังโต๊ะอาหาร ร่างอ้อนแอ้นก็ชนเข้ากับใครบางคนตรงหน้าห้องน้ำ
“อุ๊ย!” เสียงหวานใสหลุดอุทานด้วยความตกใจ วินาทีถัดมาดวงตากลมโตก็มองสำรวจแผ่นอกกว้างตรงหน้า ไม่บอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายคือสามีของเธอ
“หึ…ขวัญอ่อนจริงเชียว” น้ำเสียงห้าวห้วนมีแววเหน็บแนมในทีจนคนฟังเผลอชักสีหน้าด้วยความไม่ชอบใจ แค่หมุนไปชนเขาจำเป็นต้องหาเรื่องเธอด้วยหรือ คนอะไรขี้หงุดหงิดจนน่าหมั่นไส้
“หลีกทางด้วยค่ะ”
“จะรีบไปหาไอ้หมอหน้าอ่อนนั่นหรือไง”
“คงใช่มั้งคะ พอดีว่าช่วงนี้ฉันเบื่อคนแก่ เพราะคนแก่ชอบทำตัวงี่เง่า เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล” สาวน้อยเชิดคางขึ้น แล้วเอ่ยตอบโต้อย่างฉะฉานทั้งที่ในใจเต้นโครมคราม ด้วยนึกหวาดหวั่นกับการคุกคามของพ่อตัวโต และท่าทีอวดดีของแม่สาวเรียบร้อยผู้ซุกซ่อนความแสบสันไว้ภายในก็ทำให้คนที่ยืนค้ำหัวอยู่ขบกรามแน่น
“เธอว่าใครแก่!” เซซาเรเค้นเสียงดุกร้าวลอดไรฟัน
“ใครที่ยืนคุยกับฉันก็คนนั้นแหละค่ะที่แก่”
“รวนเก่งแบบนี้พ่อจะปราบพยศให้ครางเป็นลูกหมา”
การเชิดหน้าเอ่ยท้าทายอย่างไม่กริ่งเกรงของแม่ตัวดีทำให้เขาหมดสิ้นความอดทน พ่อหนุ่มมาดดิบเดินย่างสามขุมเข้าหา ทำเอาสาวน้อยถอยกรูดพร้อมละล่ำละลักห้ามปรามเสียงหลง
“อย่านะ!”
“ฉันจะทำซะอย่าง ใครจะทำไม” คนโอหังลอยหน้าเอ่ยอย่างกวนๆ
จากนั้นเขาก็ไล่ต้อนให้เธอไปจนมุมตรงผนังเย็นเยียบโดยปราศจากสายตาของคนในบ้าน ร่างอ้อนแอ้นสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายจงใจทาบฝ่ามือกับผนังแรงๆ เพื่อกักกั้นเธอเอาไว้
ชั่วพริบตาพ่อเจ้าประคุณก็เคลื่อนกายทรงพลังเข้าประชิด แล้วลดใบหน้าหล่อลากไส้ลงมาหา ลมหายใจผ่าวระอุทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ครั้นจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นผลักไสอีกฝ่ายก็จัดการรวบข้อมือกลมกลึงเอาไว้ แล้วจับตรึงเหนือศีรษะ วูบหน้าลงมาชิดจนปากจะติดกับปากของเธออยู่รอมร่อ
“ถอยออกไปนะ” คนหลับตาปี๋ดิ้นรนขัดขืนพร้อมเอ่ยปากขับไล่
“เรื่องอะไรจะถอย” พ่อเจ้าประคุณกระซิบยียวน
“ถ้าไม่อยากถูกแขกมองว่าเสียมารยาทที่ปล่อยให้เขารอนานก็ปล่อยฉัน” อ้อนรักเอ่ยตะกุกตะกักพร้อมพยายามเบี่ยงหน้าหนีจากลมหายใจผ่าวระอุที่คลอเคลียข้างแก้มนุ่ม
“นึกว่าฉันจะสนไอ้เวรนั่นหรือไง มันอยากคิดยังไงก็ช่างหัวมันสิ” พ่อคนเอาแต่ใจลอยหน้าเอ่ยอย่างไม่แยแส ยิ่งแม่ตัวดีดูเหมือนจะแคร์ไอ้หมอหน้าอ่อนนั่นเขาก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาลเป็นเท่าทวี
“นั่นมันเรื่องของคุณ แต่ไม่ใช่ฉัน เพราะฉันเป็นคนมีมารยาทรู้จักกาลเทศะ” อ้อนรักลืมตาขึ้นมองหน้าอีกฝ่าย แล้วสวนกลับอย่างฉะฉาน
“หึ…มีมารยาทหรือทนห่างไอ้เวรนั่นไม่ได้กันแน่” เซซาเรเอ่ยเสียงขุ่น
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด” สาวน้อยไหวไหล่เบาๆ อย่างท้าทาย ความจองหองที่ถูกเจ้าตัวซุกซ่อนไว้ภายใต้ท่าทีหน่อมแน้มทำให้พ่อคนเจ้าอารมณ์กัดฟันกรอดๆ
“เจอกันตอนเช้าคงไม่หนำใจสินะ ถึงได้นัดเจอกันตอนเย็นอีก”
“ฉันจะเจอกับใครทำไมคุณต้องเดือดร้อนด้วยคะ ทีผู้หญิงของคุณยังมาเฝ้าได้ทั้งวันเลย” สาวน้อยเชิดหน้าเอ่ยเสียงแข็งๆ ด้วยท่าทางอวดดี ทั้งที่ในใจเต้นไม่เป็นส่ำกับความใกล้ชิดระคนคุกคามอันน่าหวาดหวั่น
“เขามาปรึกษาเรื่องธุรกิจ ไม่ได้มาเฝ้า”
“เอาธุรกิจมาบังหน้ามากกว่ามั้งคะ” อ้อนรักไม่รู้ตัวว่าเสียงของตัวเองเจือไว้ซึ่งการประชดประชัน
“อย่ามาทำเป็นหึง เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ เธอมันก็เป็นได้แค่เมียตีทะเบียนที่รอวันฉันเขี่ยทิ้งเท่านั้นจำไว้” วาจาเชือดเฉือนหัวใจที่หลุดออกมาจากปากหยักให้เธอหมดสิ้นความอดทน
“งั้นก็เขี่ยฉันทิ้งซะสิคะ ฉันจะได้ไปให้พ้นๆ หน้าคุณเสียที” คนขี้ใจน้อยเชิดคางขึ้นพร้อมเอ่ยท้า นัยน์ตาไหวระริก
“หึ…คงคิดจะไปซบอกไอ้หมอหน้าอ่อนนั่นสินะ”
“ฉันจะไปซบอกใครมันก็เรื่องของฉัน” คราวนี้เธอตั้งใจรวนคนพาลบ้าง
“ถ้าจะปากดีขนาดนี้ก็อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยให้เธอไปเสวยสุขกับไอ้หน้าไหนง่ายๆ” เซซาเรประกาศกร้าว ใบหน้าคร้ามคมถมึงทึงชวนขนลุก
“คนใจร้าย! ฉันเกลียดคุณ!” สาวน้อยตัดพ้อเสียงเครือ
คำว่า ‘เกลียด’ ที่หลุดออกมาจากกลีบปากนุ่มเรียกเสียงคำรามกระหึ่มให้กระเด็นออกมาจากลำคอแกร่ง
“อย่าได้บังอาจมาพูดว่าเกลียดผัวตัวเอง”
“คุณไม่ใช่ผัวฉัน อย่างมากคุณก็เป็นได้แค่ผัวตีทะเบียนเท่านั้น” วาจาอวดดีที่แม่เมียจอมรั้นเอามาย้อนกลับทำให้เซซาเรแทบจะอาละวาดให้ลั่น
“ต้องให้ฉัน ‘เอา’ เธอก่อนใช่ไหม ถึงจะสำนึกได้ว่าฉันเป็นผัวเธอ” จอมโมโหร้ายเอ่ยด้วยท่าทางกราดเกรี้ยว
“หยาบคาย! คนไร้หัวใจ!”
เซซาเรของขึ้นทุกทีที่คำด่าทอแสลงหูพรั่งพรูออกมาจากปากจิ้มลิ้ม
“หุบปาก!” น้ำเสียงกร้าวกระด้างตวาดลั่น
“ไม่!” คราวนี้เธอออกอาการรั้นจนเขาหัวเสียสุดฤทธิ์
“อ้อนรัก! ฉันบอกให้หุบปาก!”
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน” ท่าทีถือดีไม่จบไม่สิ้นทำให้ความอดทนเซซาเรขาดสะบั้นลงในบัดดล
“ปากดีเรียกร้องสิทธิ์ยิกๆ แบบนี้ พ่อจะ ‘ยัดเยียด’ สิทธิ์ให้ฟ้าเหลือง” เขาขยับร่างทรงพลังเข้าบดเบียดร่างเย้ายวนหอมกรุ่น เปลี่ยนมารวบมือของคนตัวเล็กด้วยมือเดียว ส่วนอีกมือก็ลนลานปลดกระดุมเสื้อยัยตัวร้ายที่ยั่วจนเขาของขึ้นแบบกู่ไม่กลับ ครั้นไม่ทันใจก็กระชากจนกระดุมกระเด็นกระดอนไร้ทิศทาง
“คนลามก! ฉันเกลียดคุณ!” อ้อนรักดิ้นรนขัดขืนขณะร้องประณามอีกฝ่ายน้ำตาคลอ และคำด่าทอที่พรั่งพรูออกมาจากปากอวบอิ่มก็เหมือนทำให้ไฟโทสะของเขายิ่งโหมกระพือขึ้นแบบไร้ขีดจำกัด
“บอกแล้วไง ว่าอย่าบังอาจพูดว่าเกลียดผัวตัวเอง” เขาเค้นเสียงห้าวกระด้างด้วยความงุ่นง่านเต็มอัตรา ก่อนจะตะปบมือเข้าที่ทรวงสล้างที่ยังมีบราเซียร์ห่อหุ้ม ทำเอาแม่สาวไร้เดียงสาสะดุ้งเฮือก
