บทที่ 5 ช่วยด้วย!
“ขนมมาแล้วค่า เด็กๆ” พูดจบหนูหน่อยก็วางถาดขนมเอาไว้ตรงกลางก่อนจะไปเตรียมน้ำหวานสีต่างๆ ใส่แก้ว พร้อมกับเสิร์ฟให้กับเพื่อนๆของคุณหนูดีที่มาในงานวันเกิดเย็นนี้
“ขอบคุณค่ะ พี่หนูหน่อย โอ้โห! ขนมอร่อยจังเลยค่ะ ฝีมือแม่เปิ้ลของพี่หนูหน่อยเนี่ย สุดยอดเลยนะคะ” คุณหนูดีพูดอย่างดีใจหลังจากที่เด็กน้อยหยิบขนมเม็ดขนุนเข้าปากอย่างอร่อย
หนูหน่อยเลยยิ้มให้กับความฉลาดและน่ารักของคุณหนูแก้มยุ้ยตัวเล็กที่ช่างรู้จักพูดเอาใจ จนแม่เปิ้ลของเธอถึงกับรักและหลงเอามากๆ เลยด้วย
ยิ่งค่ำก็ยิ่งมีครอบครัวของเพื่อนๆ หนูดีที่ต่างก็ทยอยกันเข้ามาร่วมงานเพิ่มเติมอีก ซึ่งหลายคนก็เป็นเด็กในหมู่บ้านเดียวกันส่วนอีกหลายคนก็เป็นบรรดาลูกของลูกน้องของสุพจน์ทั้งนั้น เพราะเขาค่อนข้างจะมีหน้าตาในสังคมเอามากๆ นอกจากจะเป็นถึง CEO ของบริษัทผลิตน้ำมันแห่งหนึ่งในประเทศแล้ว ครอบครัวของวาสินียังเป็นผู้ดีเก่าที่มีหน้ามีตาในสังคมอยู่แล้วด้วย
ผ่านไปไม่นาน ตอนนี้ทั้งงานมีแต่เสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่ต่างวิ่งเล่นและกินขนมกันอย่างมีความสุข ซึ่งทำให้หนูหน่อยรู้สึกว่าหนูดีช่างเป็นเด็กที่โชคดีมากๆ ที่มีโอกาสได้จัดงานเลี้ยงวันเกิดแบบนี้
ซึ่งถ้าเป็นเธอเอง คงทำได้แค่มีเค้กถ้วยอันละ 10 บาท กับกอดคนอุ่นของแม่เปิ้ลเท่านั้น แต่สำหรับเธอนั่นก็มีความสุขมากพอแล้ว
จากนั้นอาหารที่ถูกทำเสร็จก็เริ่มทยอยออกมาเสิร์ฟเรื่อยๆ จนตอนนี้ทั้งตัวเธอและแม่เปิ้ลก็ช่วยกันเสิร์ฟอาหารกันจนเหนื่อย ในขณะที่คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงที่ยืนอยู่บนเวทีก็กำลังจะเริ่มร้องเพลง Happy Birthday กันแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นเด็กๆ ก็ช่วยกันร้องเพลงตามจนครบรอบ ก่อนที่คุณหนูดีจะเป่าเทียนที่ปักอยู่บนเค้ก 5 เล่มตามจำนวนอายุ
"แฮปปี้เบิรฺดเดย์ ทู้ ยู อธิษฐานแล้วก็เป่าเลยนะจ๊ะ"
'ปู่ดดด!' ปากเล็กๆ ห่อเป็นวงกลม ก่อนจะพ่นลมที่ออกมาจากกระพุงแก้มเพื่อเป่าเทียนให้ดับทุกเล่ม
"ดีมากจ๊ะ.. คนเก่งของแม่" วาสินีก็ดึงตัวหนูดีเข้าไปกอด จนหนูหน่อยได้แต่ยืนน้ำตาซึม ก่อนที่แม่เปิ้ลจะเดินมาโอบที่ไหล่ของเธอเบาๆ จากนั้นสองแม่ลูกก็มองหน้ากันโดยที่ไม่พูดอะไร เพราะทุกอย่างมันถูกบอกผ่านทางสายตาแล้ว
'จุ๊บ!!' วาสินีก้มลงไปหอมแก้มหนูดี ท่ามกลางเสียงปรบมือของคนที่มาร่วมงาน
หลังจากนั้นงานเลี้ยงก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงสามทุ่ม เด็กๆ หลายคนต่างก็เริ่มทยอยกลับบ้านหมดแล้ว จนตอนนี้เหลือแค่เพียงวาสินีกับสุพจน์และก็ผู้ชายอีกสองคนที่น่าจะเป็นเพื่อนกันเท่านั้นที่ยังคงนั่งดื่มกันต่อ ส่วนหนูดีนั้นแม่เปิ้ลรับอาสาพาไปอาบน้ำเพื่อเข้านอนแล้ว
สำหรับหนูหน่อยก็ยังคงทำหน้าที่คอยดูแลเจ้านายของบ้านอยู่แม้ว่าจะเหนื่อยแต่เธอก็ยังไม่ยอมพัก เพราะไม่อย่างนั้นแม่เปิ้ลก็ต้องมาเป็นคนดูแลเอง ซึ่งแม่เปิ้ลก็ต้องเหนื่อยมาตั้งแต่บ่ายแล้วเธอเลยอยากให้พักผ่อนมากกว่า
และในระหว่างนั้นเธอก็สังเกตว่าคุณผู้ชายมักจะแอบมองมาที่เธอไปบ่อยๆ แถมยังแกล้งจับมือหนูหน่อยตอนที่รับแก้วอีกด้วย จนเธอรู้สึกอึดอัดใจที่จะต้องไปเสิร์ฟน้ำให้กับสุพจน์อีก ไหนจะมีสายตาของวาสินีที่มองเขม้นคอยจับผิดอยู่ตลอดเวลาอีก
จนกระทั่งเกือบๆ ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วหนูหน่อยที่นั่งหลับอยู่ตรงเก้าอี้พลาสติกก็ถูกเรียก
"หน่อย!! ตื่นได้แล้ว" เสียงนั้นทำให้เธอถึงกับสะดุ้งลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้มือขยี้ตาตัวเองแล้วเห็นว่าวาสินีกำลังยืนอยู่ตรงหน้าโดยมีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่
"ค่ะ คุณผู้หญิง"
"มัวมานั่งหลับอยู่ได้ เห็นไหมว่าแขกกลับไปหมดแล้ว เดี๋ยวเธอไปเก็บของให้เรียบร้อยนะฉันจะไปนอนแล้ว"
"ค่ะ.. ได้ค่ะคุณผู้หญิง" หนูหน่อยรับคำเสร็จก็รีบเดินไปเก็บโต๊ะ ก่อนจะหันไปมองดูสุพจน์ที่เดินโอบไหล่วาสินีเข้าบ้าน แต่ก็ยังหันกลับมาส่งสายตาเจ้าชู้ใส่หนูหน่อยอีก จนเธอต้องรีบหลบตาก้มลงไปมองที่โต๊ะทันที
'เปรี้ยงงงง!!!'
"ว้ายยย!!" หนูหน่อยร้องออกมาอย่างตกใจที่อยู่ๆ ฟ้าก็ร้องเหมือนฝนจะตก ก่อนที่เธอจะมองดูดาวบนฟ้าแล้วพบว่าตอนนี้ดาวหายไปหมดแล้ว เพราะถูกเมฆก้อนใหญ่เคลื่อนมาปกคลุมเกือบหมด
เธอจึงต้องรีบเก็บของเข้าบ้านให้เสร็จก่อนที่ฝนจะตกไม่งั้นพรุ่งนี้อาจจะถูกวาสินีดุเอาได้ แล้วก็จะต้องเดือดร้อนถึงแม่เปิ้ลอีก ซึ่งกว่าทุกอย่างจะเสร็จก็เกือบจะตีหนึ่งแล้วด้วย หนูหน่อยเลยรีบเข้าห้องเพื่อจะได้อาบน้ำเพราะขืนเธอนอนไปทั้งแบบนี้สงสัยจะนอนไม่หลับแน่ๆ
และก็เป็นธรรมดาที่ห้องคนรับใช้ที่หนูหน่อยอยู่มันจะไม่มีห้องน้ำในตัวทำให้เธอต้องเดินไปอาบน้ำที่ห้องน้ำรวมด้านหลังตัวบ้าน ซึ่งเธอก็รีบๆ อาบพอลวกๆ รวมทั้งแต่งตัวด้วยชุดนอนเก่าๆ อย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้ร่างกายมันต้องการจะพักผ่อนแล้วจริงๆ
ทันทีที่หนูหน่อยเข้ามาในห้องแล้วและกำลังจะปิดประตู แต่ก็ถูกมือของใครบางคนดันเอาไว้ ก่อนที่ร่างของคนที่ดันประตูจะอาศัยแรงที่มากกว่าค่อยๆ ดันให้ประตูเปิดกว้างมากขึ้น จนกระทั่งเขาสอดตัวเองเข้ามาในห้องได้สำเร็จ
"เออ.. คุณผู้ชายมีอะไรจะใช้หนูหน่อยเหรอคะ?" หนูหน่อยถามขึ้นด้วยสายตาที่หวั่นวิตก ด้วยสัญชาตญาณ เธอจึงรีบใช้ผ้าเช็ดตัวมาปิดบังหน้าอกตัวเองทันที
"มีสิ! ฉันอยากจะใช้เธอทั้งตัวเลยแหละหนูหน่อย" เขาพูดพร้อมกับหันไปปิดประตูห้องแล้วล็อกลูกบิดเอาไว้
'คลิ๊ก!!'
"มะ.. หมายความว่ายังไงค่ะ นะ.. หนูหน่อยไม่เข้าใจ" หญิงสาวเริ่มพูดเสียงสั่น พร้อมกับเดินถอยหลังในขณะที่สุพจน์ก็ก้าวมาข้างหน้าในท่าทีที่คุกคาม
"ฉันก็หมายความว่า ฉันต้องการให้เธอมาร้องครางที่ใต้ตัวของฉันไงล่ะ หึหึ" พูดจบสุพจน์ก็จู่โจมเข้าหาหนูหน่อยจนตอนนี้เธอถึงกับล้มลงไปบนที่นอน
หนูหน่อยพยายามจะดิ้นจนสุดแรง แต่เพราะเป็นแรงของผู้หญิงแถมยังถูกร่างหนักๆ ของเขาทับลงมาอีก เท่ากับยิ่งดิ้นเธอก็ยิ่งรู้สึกถึงท่อนลำที่แข็งตึงอยู่กลางกายของสุพจน์มันกำลังบดบี้กับร่องสาวเธออยู่พอดี
"อื้อออ.. อย่าค่ะคุณผู้ชาย อย่าทำหนู ไม่งั้นหนูหน่อยจะร้องตะโกนให้คนมาช่วยจริงๆ นะคะ" เธอส่งเสียงขู่แต่ก็ดูเหมือนสุพจน์เองจะไม่ได้สนใจเพราะความกระสันอยากได้ลิ้มรสเด็กสาวตรงหน้ามันบังตาเขาจนหมดแล้ว
"ต่อให้เธอร้องยังไงก็ไม่มีใครตื่นมาช่วยเธอหรอก ป่านนี้ฤทธิ์ยานอนหลับของฉันคงทำให้ทุกคนหลับสบายไปจนถึงเช้านั่นแหละ เพราะงั้นเธอยอมมาเป็นของฉันซะดีๆ ดีกว่า แล้วเธออยากจะได้อะไรฉันจะให้เธอเอง" ใบหน้าที่อวบอูมของสุพจน์แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย
ก่อนที่เขาจะซุกหน้าเข้าไปสูดดมกลิ่นกายที่หอมหวานของหญิงสาวที่กลิ่นสบู่เด็กจางๆ นั้นมันช่วยทำให้อารมณ์กำหนัดของเขามันพุ่งสูงมากขึ้น
'ฟอดดด!!'
"ช่วยด้วย แม่จ๋า แม่ช่วยหนูหน่อยด้วย" หนูหน่อยพยายามเบี่ยงหน้าหนีเพื่อตะโกนขอความช่วยเหลือจากแม่เปิ้ลที่นอนอยู่ห้องข้างๆ อย่างสุดเสียง แต่ก็เปล่าประโยชน์
'ตุ๊บ!!'
"อุก!!" หนูหน่อยร้องออกมาด้วยความจุกแน่นที่แผ่ซ่านไปทั่วท้อง หลังจากที่ถูกหมัดหนักๆ ของสุพจน์ชกเข้าที่ท้องเมื่อครู่ทำเอาเธอแทบจะหายใจไม่ออก
สุพจน์รุกหนักขึ้นด้วยการกระชากเสื้อนอนตัวบางๆ จนกระดุมกระเด็นหลุดออกไปเผยให้เห็นทรวงอกขาวที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างยั่วสายตา ที่เหลือมีเพียงแค่เสื้อชั้นในเก่าๆ เท่านั้นที่ขวางกั้นอยู่
"หึหึ.. ใช่อย่างที่คิดสินะ เธอขาวมากๆ เลยนะหนูหน่อย แถมยังน่าดูดอีกด้วย เอี๊อก!!" สุพจน์พูดด้วยเสียงหื่น ก่อนที่เขาจะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ จากนั้นก็ซุกไซร้หน้าลงไปที่สองเต้าที่เต่งตึง ก่อนจะใช้ปากกัดเสื้อชั้นในนั้นจนขาดเผยให้เห็นปลายยอดอกสีชมพูสวย จนเขาแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะก้มหน้าลงไปดูดเม้มแล้ว
