บทที่ 3 เจ้าจันทร์คือสนมเอกของกรุงยักษา (๒)
“เอ่อ คือกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ” เพราะไม่รู้จะใช้ภาษาอะไรดี เลยเลือกที่จะใช้ภาษาไทยปัจจุบันใส่ซะเลย เธอคิดว่าถ้าเปลี่ยนไปยังเรื่องอื่นอาจจะพอมีความหวังที่อีกฝ่ายไม่จับตนกินทั้งตัวได้
“เมื่อสักครู่นี้ ข้าบริกรรมคาถาเพื่อมาสำแดงตัวที่นี่ให้ไวเชียว” เขาคงหมายถึงท่องคาถาวาร์ปมาสินะ แต่ยักษ์หนุ่มไม่พูดเปล่า เขาขยับตัวมาชิดเข่าเล็กๆ ของเธอที่ชันขึ้นหวังปกปิดสะโพกไม่ให้เขาลวนลามได้ หากไม่เป็นปัญหากับสุวรรณราพณ์มือปลาไหลเลยสักนิด “เจ้างดงามจริงๆ งดงามยิ่งกว่าตองนวลที่ควรจะงามที่สุดในบรรดาสนมของข้า”
“... ขอบคุณ” เอ่ยคำขอบคุณทั้งที่ไม่รู้จะขอบคุณไปทำไม เพราะอีกฝ่ายกำลังตะล่อมเธอหวังจะรวบหัวรวบหางเชียวนะ
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณของเจ้า เป็นเสพสังวาสร่วมกันกับข้าได้หรือไม่” ฝ่ายนี้ก็ไม่ยอมแพ้ พอเห็นว่าสาวเจ้าไม่เล่นไปตามน้ำของตน เลยชิงกล่าวคำขอมีเซ็กซ์กับเธอแบบโต้งๆ เสียเลย “ไหนๆ พระบิดาของเจ้าก็ยกเจ้าให้ข้าเสียแล้ว”
พูดแกมบังคับแล้วก็ขยับใบหน้าหล่อเหลาชิดพวงแก้มนวล ชิงหอมฟอดใหญ่อย่างหลงใหล
“อะ!” มธุรสหน้าแดงก่ำ เธอเสียความบริสุทธิ์ทางแก้มให้ยักษ์โหดหื่นตรงหน้าไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่โดนหอมแก้มจากผู้ชายหน้าตาดีตั้งแต่ชาติที่แล้วยันชาตินี้เลยเชียวนะ!
“หอมเหลือแสน” เขากล่าวชม ฉีกยิ้มอย่างพึงใจกับปฏิกิริยาที่แสนน่ารักจากสาวเจ้า
“...”
“อยากรู้เหลือเกิน ว่าเวลาที่เจ้าอยู่ใต้ร่างของข้า จักงดงามสักเพียงใด”
พระพุทธเจ้าคะ หนูกำลังถูกยักษ์ลวนลามเจ้าค่ะ!
ปฏิกิริยาช่างน่าดูชมเสียจริง ตื่นกลัวตัวสั่นเหมือนกวางป่าที่กำลังจะถูกพรานไล่ล่า
รอยยิ้มกำกวมปรากฏบนใบหน้าของสุวรรณราพณ์อย่างพอใจ เขาชื่นชอบนางมากทีเดียว
เพราะเจ้าจันทร์คือหญิงสาวผู้ที่เข้ามาชุบชีวิตเขาในวัยเด็กเมื่อร้อยปีก่อน
ถ้าให้เล่าขี้คร้านว่าคงจะยาวเป็นแน่แท้ เขารอเธอมาเป็นร้อยปี เข้าใกล้สตอล์กเกอร์เธอด้วยการแปลงกายเป็นทหารในวังก็หลายครา บางทีก็แปลงกายเป็นสนมของพระบิดาของเธอ บางครั้งก็เป็นสาวรับใช้สักนางที่คอยปรนนิบัติรับใช้เวลาที่เธอชำระเรือนกาย
ในเพลานั้นแทบจะหักห้ามใจไม่ไหว ร่างกายเล็กๆ แต่ทรวงช่างใหญ่โตเป็นลูกแพร์สวยงามเหลือล้น ผิวขาวนวลเนียนผ่อง กลิ่นกายหอมราวกับดอกไม้แรกแย้ม ทรวดทรงที่โค้งมนสมกับสตรีเพศสูงศักดิ์
กระหายเหลือเกิน อยากได้เป็นเมียเอกจนแทบทนมิไหว
หลังจากที่ได้ยินข่าวคราวว่าเจ้าจันทร์ล้มป่วยด้วยพิษไข้ประหลาด สุวรรณราพณ์ทรงกริ้วยิ่งนักที่บิดาบังเกิดเกล้าไม่สามารถช่วยอะไรลูกสาวได้เลย ทั้งที่เป็นกษัตริย์ครองเมืองแต่ช่างโง่เขลาเบาปัญญา เลยคิดก่อการรุกราน ฆ่าคนเป็นบาปเป็นเบือเพื่อชิงนางมารักษาที่เมืองยักษ์
แต่ทว่าเจ้าจันทร์กลับฟื้นจากพิษไข้ประหลาด เธอจ้องมองเขาเหมือนคนแปลกหน้าเสียอย่างนั้น
ก็ว่าจะยืดเวลากินอาหารรสหวานมื้อนี้ไปก่อนเสียหรอก แต่เห็นจะมิได้ เพราะสาวเจ้ากำลังลืมเลือนเขาผู้เป็นเนื้อคู่แต่ชาติปางก่อนของเธอจากพิษไข้ประหลาดเสียแล้ว
สุวรรณราพณ์รอเธอมาร้อยกว่าปีจนเธอมาเกิดใหม่ รอจนเธอโตเป็นสาวแตกเนื้ออ่อนสุกงอมพร้อมกินถึงได้ช่วงชิงไปจากเมืองเกิด
จะไม่รีรอคอยท่าให้เสียเพลาท่าเยอะอีกแล้ว
ว่ากันว่าธุลีในน้ำ (หรืออสุจิ) ของยักษ์นั้นมีพิษพอที่จะช่วยให้ร่างกายนั้นซาบซ่าน ชาเปรี้ยะไปทั้งตัว ในขณะเดียวกันก็เป็นพิษชนิดพิเศษที่สามารถรักษาโรคหายากที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ในร่างกายมนุษย์
ถ้าปลดปล่อยมันในตัวเจ้าจันทร์ เธอคงจะหายดีในเร็ววัน
คิดเข้าข้างตัวเองอย่างหน้าไม่อาย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วยักษ์หนุ่มแค่เพียงต้องการร่วมรักกับเธอทบช่วงเวลาร้อยกว่าปีที่รอคอยเธอมาตลอดก็เท่านั้น ในเมื่อนงเยาว์มาอยู่ตรงหน้าเช่นนี้แล้ว จะไม่ตีเมืองส่วนตัวของเธอให้แตกพ่ายนั้นคงจะเป็นไปมิได้
ร่างกำยำขยับตัวเข้ามาชิดใกล้ มธุรสย่นคอหนีเมื่อไม่มีที่ดิ้นรนให้สามารถหลบหลีกไปที่ใดได้อีก ตัวของสุวรรณราพณ์ใหญ่โตกำยำมาก แค่เพียงใช้แขนใหญ่ๆ นั้นทาบหัวเตียงปิดทางหนีของเธอแล้ว คนตัวเล็กก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกเสียจากนั่งกระถดถอยตัวสั่นอยู่ที่หัวเตียง
“เจ้าจันทร์ยอดรักของข้า” มือหนาเชยคางมนขึ้นมา กดริมฝีปากหยักได้รูปจูบที่แก้มข้างขวาจนร่างเล็กสั่นเกร็ง ไออุ่นของเขาช่างเร้าอารมณ์ มันรุนแรงดึงดูด เหมือนไม่ใช่คนปรกติ “เจ้าช่างไร้เดียงสาราวกับนกน้อย”
“... อื้อ เดี๋ยว!”
“ข้าหลงใหลเจ้าเหลือเกิน เจ้าที่บริสุทธิ์งดงามถึงเพียงนี้ ข้าจักมิทำร้ายเจ้าดอก” สิ้นคำนั้น ร่างกำยำก็เบียดชิดริมฝีปาก โลมเล้ามธุรสด้วยการรุกรานกลีบปากบาง เขาแค่แตะเบาๆ พอให้ใจของมธุรสกระสันต้องการมากกว่านี้
สัมผัสอุ่นวาบจากริมฝีปากบุรุษเพศนั้นทำให้สาวเจ้าอ่อนเคลิ้มตาม มธุรสนั้นในชาติก่อนยังอ่อนต่อโลกกับเรื่องเพศ ในขณะที่สุวรรณราพณ์นั้นมีหลายเมียจนช่ำชอง สนมหลายๆ คนของเขาเป็นงานยิ่งกว่าเธอนัก
แต่สุวรรณราพณ์กลับไม่ขัดข้องหมองใจกับความไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ผุดผ่องของแม่นกน้อยของเขาเลยแม้แต่เพียงนิด นั้นเพราะมันเป็นสัญญาณว่าเขากำลังจะได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอ
เธอที่มีเขาเป็นผู้ชายคนแรก กับร้อยกว่าปีที่เขารอคอย มันวิเศษสุดๆ ไปเลยไม่ใช่หรือ
“อื้ม... คุณ เดี๋ยว อะ” เสียงหวานกังวานราวกับนกที่ร้องเรียกตัวผู้ในยามเช้า เสียงหวานใสเสียจนอยากเย้าหยอก สุวรรณราพณ์กดเรียวลิ้นลงไปเมื่อเธอเผลออ้าปากเรียกชื่อเขา และทำตราประทับร่างกายเธอผ่านรสจูบอันดุเดือด
รสชาติจูบของเขาทำให้มธุรสคิดอะไรมิออก ในสมองของเธอขาวโพลน เป็นความฝันที่สมจริงเหลือเกิน สัมผัสได้ถึงน้ำลายและปลายลิ้นหยอกเย้าในปาก พร้อมกับมือใหญ่ที่ค่อยๆ ปลดสไบของเธอออกอย่างแนบเนียน
“ดะ... เดี๋ยวค่ะ” เธอผลักแผงอกกำยำนั่นออกเมื่อเขาตั้งท่าจะปลดเกาะอกด้านในออกด้วย มือเล็กสัมผัสกับความแข็งแกร่งราวกับกำแพงยักษ์ของเขา ทำให้มือถึงกับสั่น “ฉะ... ฉันยังไม่พร้อม”
“ไม่พร้อมกระไรหรือ ในเมื่อสีหน้าของเจ้าช่างยวนใจข้าถึงเพียงนี้” คนตัวเล็กใต้ร่างใหญ่หน้าแดงก่ำเมื่อถูกบุรุษที่ชำนาญการกว่าเธอเย้า เธอเม้มริมฝีปากแน่น เพราะถึงจะเป็นความฝัน แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้จูบกับผู้ชาย (แถมเป็นผู้ชายที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วย)
มันรู้สึกดีเสียจนมิอยากหยุด แต่เธอก็เป็นกังวลกับอะไรหลายๆ อย่าง
“ยะ... อย่างน้อย” มธุรสเอ่ยเสียงแกว่งๆ
“...”
“อย่างน้อยก่อนทำ ก็สวมถุงยางอนามัยก่อนได้มั้ยคะ?”
สุวรรณราพณ์ถึงกับอึ้งตะลึงงันเมื่อได้ยินภาษาถิ่นที่ไม่คุ้นเคย ถุงยางอนามัยนั้นคืออะไร ไม่เคยได้ยินผ่านหูผ่านตามาก่อนเลย
“เจ้าหมายถึงกระไรรึ” ถามด้วยสีหน้าสงสัย จะว่าไปเจ้าจันทร์ตั้งแต่ฟื้นพิษไข้ประหลาดก็ดูแปลกพิกลขึ้น พูดภาษาถิ่นเมืองเกิดของตนออกมาบ่อยๆ ทำให้รู้สึกสับสน
จริงด้วยสิ ถึงจะเป็นความฝันแต่ฉากก็เซ็ตมาอยู่ในยุควรรณคดี ถุงยางอนามัยในยุคนั้นคงยังไม่ผลิตหรอกมั้ง
มธุรสคิดในใจแล้วยิ้มอ่อน
“ท่านมีมาตราการป้องกันการมีเซ็กซ์จากอะไรบ้างเหรอคะ” หลังจากนั้นก็ถามคำถามเป็นทางการออกไป ถ้าให้สดไม่ป้องกันใดๆ มันอาจจะเสี่ยงและเป็นอันตรายต่อตัวเธอมากกว่าเขา เผลอๆ อาจจะตั้งครรภ์เด็กตัวยักษ์เหมือนอีกฝ่าย จนเบ่งออกมาไม่ไหวโจ๊ะโม๊ะฉีกขาดจนตาย หรือไม่อย่างร้ายแรงที่สุดก็ติดเชื้อ
ก็ดูเขานุ่งลมห่มฟ้าสิ ไม่น่าจะมีกางเกงในกันความชื้นหรอก ท่าทางกลับจากสงครามตีเมือง (เพื่อล่อหญิง) ก็คงจะถอยทัพกลับมาเลย เนื้อตัวก็ยังไม่ได้อาบไม่ได้ทำความสะอาดอะไร คงมอมแมมไปด้วยฝุ่นดิน
ได้ยินมาว่าช่องคลอดของหญิงสาวนั้นบอบบางและติดเชื้อง่ายมาก ทางที่ดีที่สุดควรยืดอกพกถุงก่อนทุกครั้ง
“มาตราการ? เซ็กซ์? มันคือกระไร ข้ามิรู้จัก” คนตัวใหญ่เลิกคิ้วสงสัย มธุรสถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ช่างเถอะค่ะ” ก่อนจะหลับก็ไม่ได้พกถุงยางอนามัยวางไว้ใต้หมอนบนเตียงคนไข้ซะด้วย ถึงจะเป็นความฝันแต่ก็น่าเสียดาย คิดว่าจะได้ลิ้มรสชาติสุขสมฟีโรโมนคลั่งเป็นครั้งแรกแล้วเชียว “เรานอนกันเถอะค่ะ หรือยังไงถ้ามีเรือนเล็กๆ ให้ฉันนอนคนเดียวได้ก็ดี”
สุวรรณราพณ์ขมวดคิ้วตีสีหน้าดุดันทันที อุตส่าล่าถอยไม่ยอมเสพสังวาสกับสนมคนใหม่อีกคนเพื่อตรงมาหาเธอแต่เพียงผู้เดียว ใยจึงตัดรอนสัมพันธ์สวาทกันอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้
“แต่ข้าปรารถนาเจ้าเหลือแสน เจ้าจันทร์ยอดรัก” แน่นอนว่ายักษ์หนุ่มไม่ยอมแพ้ เอื้อมมือหนาพลิกหลังมือไล้ไปตามเรียวแขนเปลือยของสาวเจ้าอย่างเว้าวอนกลายๆ “คืนนี้ถ้าไม่ได้ร่วมรักกับเจ้า ข้าคงแทบมอดมลาย”
อะไรจะเว่อร์ปานนั้น เจ้าจันทร์เบ้ปากคิดในใจแล้วชักไหล่หลบเพราะสยิวจนขนลุกซู่
“ขอโทษนะคะ แต่ฉันง่วงจริงๆ เดินทางมาก็ไกล เหนื่อยไม่ไหวจริงๆ ค่ะ” พูดพลางปิดปากแสร้งหาวหวอดไปหนึ่งกรุบ การอ้างว่าง่วงเป็นการกระทำที่สิ้นคิดอย่างมาก แต่เธอก็แอบคิดว่าดูอีกฝ่ายจะหลงใหลคนที่เธออยู่ในร่างถึงขนาดนี้ อย่างน้อยก็คงยินยอมไม่แตะต้องได้เพราะว่าสาวเจ้าง่วงหงาวหาวนอนไร้เรี่ยวแรงจะสานต่ออยู่แล้วละน่า
แต่มธุรสนั้นยังอ่อนประสบการณ์ที่จะเดาเชิงบุรุษเพศมากนัก โดยเฉพาะกับคนที่เลือดร้อนและเอาแต่ใจดั่งสุวรรณราพณ์ตนนี้
มิเคยมีหญิงสาวผู้ใดปฏิเสธยักษ์หนุ่มรูปงามเช่นเขา สนมที่ผ่านมา แค่เพียงโอ้โลมแค่นิดหน่อยก็ยินยอมเสียแล้ว แต่เจ้าจันทร์ที่เขารอคอยมาตลอดหลายปีกลับไม่มีทีท่าจะสมยอมเขาเลยแม้แต่นิด
“เจ้ามิควรปฏิเสธข้าตั้งแต่หนแรกแล้วเจ้าจันทร์ เจ้ามิมีสิทธิ์นั้น” สุ้มเสียงดุกร้าวเมื่อยักษ์หนุ่มหมดความอดทน เขาคว้าต้นแขนขาวแล้วบีบแน่นจนมธุรสต้องเบ้หน้า ขยายร่างใหญ่ขึ้นอีกพร้อมกับเคี้ยวโค้งงอ หวังข่มขู่อีกฝ่ายให้ร่วมเสพสวาทกับตน “เจ้าเป็นเพียงแค่เชลยของเมืองที่เจ้าจากมา บิดาของเจ้าขายเจ้าให้เป็นเมียข้า”
“...!!”
“เจ้ามีแต่สิ่งเดียวที่จะเปิดปากเอ่ยได้ นั่นคือเพรียกหาข้ายามที่อยู่ใต้เรือนกายของข้าเท่านั้น”
นี่มันไม่ต่างอะไรกับคำพูดก่อนจะเยเย้มารูโจ้ของพระเอกนิยาย SM เลยสักนิด!
ทอล์กท้ายบท
คือดูไม่ออกเลยอ่ะว่าชอบเค้าเเค่ไหน 55555
เรื่องนี้อิงตามบทหรือคาร์เเรคเตอร์จากในวรรณคดีเป็นส่วนใหญ่
ตัวละครจึงมีส่วนนิสัยที่อิหยังวะไม่เป็นไปตามสมัยนิยมในครรลองยุคปัจจุบัน
มีตรรกะประหลาดที่สมัยปัจจุบันรับไม่ได้ หรือไม่ยอมรับ อย่างเช่น หลายเมีย เป็นต้น
การล่าอาณานิคม ฆ่าฟัน ล้วนอยู่ในขนบสมัยนั้น เเละเเน่นอนว่ามีเหตุผลรองรับทุกการกระทำ
หากมีส่วนไหนทำให้ไม่ถูกใจขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ
เรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์อะไรนะ นับเป็นยูนิเวิร์สหรือโลกคู่ขนานได้เลย
เราเเต่งตามอารมณ์ + จินตนาการล้วนๆ จ้า
