บทที่ 1 พิมพ์ลดาเกิดใหม่

“เหตุฉุกเฉิน! เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงบนถนนดาวตก ผู้บาดเจ็บอาการสาหัส!”

“คุณผู้หญิงครับ! อดทนอีกหน่อยนะครับ รถพยาบาลกับตำรวจกำลังจะมาแล้ว!”

ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำมันที่ฉุนกึก ตัวรถบิดเบี้ยวกลายเป็นเศษเหล็กไปแล้ว เศษกระจกแตกกระจายเกลื่อนไปทั่ว

ปลายจมูกและในปากมีแต่กลิ่นเลือด กลิ่นสนิมที่เข้มข้นทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้

เธอไม่เคยเห็นภาพที่น่าสยดสยองเช่นนี้มาก่อน

สติเริ่มเลือนลาง เธอคิดอย่างเลื่อนลอยว่า เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว?

ทำไมหน่วยกู้ภัยถึงมาถึงช้าขนาดนี้?

เบื้องหลังอุบัติเหตุครั้งนี้ มีใครจงใจทำให้เกิดขึ้นหรือเปล่า...

คนขับรถหนุ่มเหงื่อแตกพลั่ก เขาประคองหญิงสาวที่ใกล้จะสิ้นใจ มือของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดสดๆ

“ธนภัทร...” หญิงสาวใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ ริมฝีปากแห้งผาก ดวงตาไร้แวว เปล่งเสียงเรียกอย่างแผ่วเบา

เมื่อคนขับได้ยินชื่อนี้ เขาก็ถึงกับตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ

นั่นมันประธานบริษัทใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเมือง เอ ธนภัทร!

ซวยแล้วล่ะ! คนขับรถเครียดจนเส้นประสาทตึงเปรี๊ยะ มือสั่นเทาขณะเลื่อนหาเบอร์ติดต่อของธนภัทรในโทรศัพท์ กดโทรออกไปหลายครั้งกว่าจะติดต่อได้ในที่สุด

“คุณธนภัทรครับ! ภรรยาของคุณประสบอุบัติเหตุรถชน เจ้าหน้าที่พยาบาลมาช้ามากจริงๆ นายหญิงใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ได้โปรดมาช่วยเธอด้วยเถอะครับ!”

“เหรอ? งั้นเธอก็อึดใช้ได้เลยนะ แต่ฉันไม่ว่าง รอให้เธอตายสนิทก่อนแล้วค่อยโทรมาใหม่” น้ำเสียงของผู้ชายในสายเย็นชาเหมือนชื่อของเขา เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามและไร้เยื่อใย

ไม่ทันให้คนขับรถได้มีปฏิกิริยา เสียงสัญญาณสายไม่ว่างก็ดังขึ้น ผู้ชายคนนั้นวางสายไปอย่างไม่ลังเล

ในวินาทีนั้นเอง ความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่ของหญิงสาวก็ดับวูบลง

ธนภัทร คุณอยากให้ฉันตายขนาดนี้เลยเหรอ?

ผลักไสฉันไปสู่ความตาย ทอดทิ้งฉันอย่างไม่ไยดี แม้แต่ความอบอุ่นเพียงน้อยนิดก็ไม่คิดจะมอบให้เลยงั้นเหรอ?

เลือดไหลออกจากร่างกายไม่หยุด แสงสว่างค่อยๆ ถูกความมืดกลืนกิน ลมหายใจของเธอหยุดลงแล้ว

พิมพ์ลดารู้สึกว่าวิญญาณของเธอกลายเป็นเพียงควันจางๆ ลอยออกจากร่าง

เธอในวัยยี่สิบห้าปี จากไปอย่างน่าเศร้าจากอุบัติเหตุรถชนบนไหล่ทางฉุกเฉินของถนนดาวตก

ชาติก่อน เธอคือลูกสาวคนเดียวของตระกูลทองแพ เป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลทองแพ ได้รับการทะนุถนอมเอาใจใส่มาโดยตลอด

แต่เธอกลับไปหลงรักธนภัทร ถึงขั้นคลั่งไคล้จนอยากจะแต่งงานกับเขาให้ได้

แล้วสุดท้ายเป็นอย่างไรล่ะ?

ตระกูลทองแพตกต่ำลง เธอก็มาตายอย่างน่าอนาถข้างถนน

เธอหลับตาลง

หากย้อนกลับไปได้อีกครั้ง เธอจะขอกลับไปเป็นพิมพ์ลดาผู้หยิ่งทะนงคนเดิม

“นายหญิงคะ คืนนี้มีงานเลี้ยงส่วนตัวของท่านประธาน คุณอยากจะใส่ชุดราตรีชุดไหนคะ?”

เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย พิมพ์ลดาก็พลันเงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง

เกิดอะไรขึ้น?

เธอตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาอยู่ในห้องหอของเธอกับธนภัทรได้?

ความเจ็บปวดแล่นแปล๊บที่ศีรษะ เธอขมวดคิ้ว เอามือกุมหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

เธอนึกออกแล้ว งานเลี้ยงเมื่อสี่ปีก่อน

ตอนแรกธนภัทรไม่ได้ตั้งใจจะพาเธอไปด้วย แต่เพราะพวกเขาเพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ จะทำตัวหมางเมินต่อหน้าคนอื่นก็ดูน่าเกลียดเกินไป

“นายหญิง! นายหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

เสียงร้อนรนของน้ำฝนดังเข้ามาในหูของเธอ

พิมพ์ลดาได้สติกลับคืนมา และเข้าใจในทันที

เธอเกิดใหม่แล้ว!

“ฉันไม่เป็นไร” พิมพ์ลดาสงบสติอารมณ์ลง

เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ชี้ไปที่ชุดราตรีสีทองหรูหราอลังการ แล้วยิ้มให้น้ำฝน “ฉันจะใส่ชุดนี้ไป”

ใบหน้าของน้ำฝนแสดงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด สายตาของเธอสลับไปมาระหว่างชุดราตรีชุดนั้นกับพิมพ์ลดา ก่อนจะเอ่ยปากอย่างลังเล “นายหญิงคะ สีของชุดนี้จะไม่สว่างเกินไปเหรอคะ? ท่านประธานเขาคงจะไม่ชอบแน่ๆ เลย...”

พิมพ์ลดาค่อยๆ ส่ายหน้า ขัดจังหวะคำพูดของน้ำฝน “ฝน แค่ฉันชอบก็พอแล้ว”

ชาติที่แล้ว เธอใช้ชีวิตอย่างอึดอัด เพื่อธนภัทรแล้ว แม้แต่ศักดิ์ศรีและความชอบของตัวเองก็ทิ้งไปหมด

เธอรู้ว่าธนภัทรมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ข้างกายชื่ออัญชิสา

อัญชิสาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ปกติจะแต่งตัวเรียบๆ มีแต่สีขาว เทา และครีม

เธอจึงพลอยแต่งตามไปด้วย เพื่อหวังให้ธนภัทรหันมามองเธอบ้างสักครั้ง

ผลลัพธ์คือธนภัทรจูงมืออัญชิสามางานเลี้ยงนี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ ส่วนเธอกับอัญชิสาก็ใส่ชุดสีอ่อนเหมือนกัน คนหนึ่งสีขาว อีกคนสีครีม

อัญชิสากลายเป็นซินเดอเรลล่าในเทพนิยาย ส่วนเธอล่ะ เป็นได้แค่ตัวตลกในสายตาคนอื่น

พิมพ์ลดาคิดเยาะเย้ยตัวเอง ตัวเธอในตอนนั้นช่างโง่เง่าและน่าสมเพชจริงๆ ไม่ตาบอดก็คงสมองกระทบกระเทือน ถึงได้ทำเพื่อผู้ชายที่ดูถูกตัวเองได้ถึงขนาดนั้น

ริมฝีปากแดงระเรื่อของน้ำฝนอ้าออกเล็กน้อย แต่ก็รีบหุบลงในทันที

ในฐานะผู้หญิงวัยเดียวกัน เธอพอจะเข้าใจความรู้สึกของพิมพ์ลดาได้

“เดี๋ยวเธอช่วยเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปจัดการให้หมดนะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ใส่อีกแล้ว”

ในที่สุดพิมพ์ลดาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบในห้อง

น้ำฝนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ดูว่าง่าย “ทราบแล้วค่ะ พี่สาว ขอให้สนุกนะคะ”

ประตูถูกปิดลงอย่างแผ่วเบา พิมพ์ลดามองตัวเองในกระจก

ในตอนนี้เธอยังคงสวยสง่าเปล่งประกาย ใครจะไปคิดว่าอีกไม่กี่ปีต่อมา เธอจะถูกธนภัทรทำร้ายจนซูบโทรมขนาดนั้น?

ไม่ว่าจะอย่างไร เธอจะไม่ยอมให้โศกนาฏกรรมซ้ำรอยอีกเด็ดขาด

สองทุ่มตรง พิมพ์ลดามาถึงงานเลี้ยงก่อนเวลา

เธอสวมชุดราตรียาวเปิดไหล่สีทองอร่าม เนื้อผ้าที่ส่องประกายระยิบระยับขับเน้นเรือนร่างโค้งเว้าอันงดงามของเธอได้อย่างสง่างาม ใบหน้าของเธอสวยสมบูรณ์แบบราวกับรูปสลัก ผิวพรรณเนียนละเอียด ผมยาวสลวยที่ปล่อยสยายลงมานั้นดูนุ่มนวลราวกับน้ำตกสีทอง ดวงตาทั้งสองข้างลุ่มลึกและสดใส ไฝใต้ตาเม็ดนั้นยิ่งเพิ่มความลึกลับและมีเสน่ห์น่าหลงใหล

เมื่อมองจากไกลๆ เธองดงามสง่าราวกับภาพวาดสีน้ำมันของแวนโก๊ะ ทำให้ยากที่จะละสายตา

พิมพ์ลดาก็สังเกตเห็นเช่นกันว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองเธอเขม็ง ในนั้นมีทั้งสายตาที่อยากรู้อยากเห็น เย้าแหย่ และไม่หวังดี

“เหอะ ผู้หญิงคนนั้นก็กล้ามาด้วยเหรอ?” หญิงสาวในชุดราตรีสีน้ำเงินเข้มที่แต่งหน้าจัดจ้านเอ่ยเย้ยหยัน

“แหม ยังไงซะเธอก็เป็นภรรยาหลวงของคุณธนภัทรนี่นา เพิ่งแต่งงานก็ทิ้งเมียไว้ที่บ้าน มันก็ดูจะเกินไปหน่อยมั้ง?” คุณนายวรรณากล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “แต่ว่านะ หน้าตาของเธอก็สวยไม่เบาเลย”

“สวยแล้วมีประโยชน์อะไรล่ะ? คุณธนภัทรก็ยังไม่ชายตามองเธออยู่ดี” ไข่มุกรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เสียงจึงดังขึ้นอีกนิด

คุณนายวรรณาหัวเราะเบาๆ ตุ้มหูที่ประณีตงดงามแกว่งไกวตามการเคลื่อนไหวของเธอ “นั่นสินะ ตอนฉันมา ฉันยังเห็นคุณธนภัทรยืนสวีทกับเมียน้อยของเขาอยู่ข้างนอกเลย เดี๋ยวได้มีเรื่องสนุกๆ ให้ดูแน่”

พอไข่มุกได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ

บทสนทนาของทั้งสองคนดังเข้าหูพิมพ์ลดาครบทุกคำ

พิมพ์ลดารู้สึกขำสิ้นดี ใครจะสนกันล่ะ?

เธอกระแอมเบาๆ หันกลับไปมอง สายตาที่กวาดผ่านคนทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง ราวกับกำลังมองมดสองตัว

มุมปากของเธอยกยิ้มอย่างมีเลศนัย หลังจากมองไปรอบๆ กลุ่มคนที่จ้องมองเธอแล้ว เธอก็หันกลับไปอย่างสง่างาม

ท่วงท่าลื่นไหลเป็นธรรมชาติ แม้ไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่กลับดูทรงพลังอย่างยิ่ง

“น่าสนใจ” ชายหนุ่มจ้องมองแผ่นหลังอันงดงามของพิมพ์ลดา เสียงของเขาแหบพร่า เขาสวมแจ็คเก็ตสีดำ กางเกงยีนส์สีเข้ม ในมือยังถือแก้วไวน์แดงอยู่

คุณชายชาติชายยังคงเคลิบเคลิ้มกับภาพที่งดงามราวกับภาพฝันนั้น เมื่อได้ยินเสียงของศรัณย์จึงได้สติกลับมา “ห๊ะ? นี่แกอย่าบอกนะว่าสนใจผู้หญิงคนนั้นเข้าแล้ว?”

ศรัณย์จิบไวน์แดง

“ถือไว้”

เขาวางแก้วไวน์ลงบนมือของชาติชาย แล้วหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้เพื่อนยืนงงอยู่คนเดียวท่ามกลางสายลม

“เฮ้ย! ไอ้บ้านี่ จะไปไหนอีกวะ!”

ณ ห้องโถงจัดเลี้ยง อัญชิสาควงแขนธนภัทรอย่างเขินอาย เธอสวมชุดกระโปรงสีขาวเรียบๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหม่า “เอ่อ... เหมือนว่าทุกคนจะมองมาทางเรานะคะ ฉัน...ฉันไม่ค่อยชินเท่าไหร่...”

“ไม่เป็นไรหรอก มีฉันอยู่ด้วย ไปงานเลี้ยงแบบนี้บ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินเอง” ธนภัทรปลอบโยน

อัญชิสาพยักหน้าอย่างหวาดๆ

ทั้งสองเดินต่อไปข้างหน้า และก็ได้เห็นหญิงสาวที่เจิดจรัสราวกับดวงอาทิตย์ท่ามกลางฝูงชน

บทถัดไป