บทที่ 14
ทันทีที่รชาแต่งตัวเสร็จ ฉากกั้นที่อยู่ข้างหน้าเธอก็ค่อยๆ เลื่อนสูงขึ้น จากนั้นเธอกับอีกสองคนข้างหน้าก็แบ่งปันพื้นที่เดียวกันอีกครั้ง
ขณะที่รถขับไปอย่างเร็ว ภายในรถก็เงียบมาก มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษเป็นครั้งคราว
รชายกหัวขึ้นและมองภคิณซึ่งอยู่ข้างหน้าเธอ ในขณะนี้เขากำลังจดจ่ออยู่กับการอ่านงบประมาณในมือ
"มองอะไร" จู่ๆ ภคิณที่กำลังก้มอ่านงบประมาณ ก็ถามโดยไม่เงยหน้าขึ้น
รชาสะดุ้ง เธอแตะหน้าอกเบาๆ และพูดจาเอาใจว่า "อ๋อ ฉันแค่กังวลเรื่องงบประมาณอะค่ะ"
“ไม่ต้องกังวล ผมตรวจสอบดูคร่าวๆ แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” ภคิณปิดแฟ้มงบประมาณทันที
“แน่ใจนะคะว่าดูผ่านๆ เลยไม่มีปัญหา” รชาเลิกคิ้วและมองเขา
แค่ไม่นานนี้เองที่เขาถืองบประมาณอยู่ในมือ โดยปกติคนทั่วไปจะใช้เวลาเป็นวันกว่าจะอ่านจบ นับประสาอะไรกับการตรวจสอบว่าไม่มีข้อผิดพลาด
ในตอนนั้นเอง ภัทร คนขับรถพ่วงตำแหน่งผู้ช่วยพิเศษของภคิณ จู่ๆ ก็หันมาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณรชา คุณคงยังไม่รู้ แต่ท่านประธานจบการศึกษาสาขาบัญชีจากจุฬาฯ ท่านจบปริญญาโทจากสาขาบัญชีของมหาวิทยาลัยเทกซัสที่ออสตินด้วย ท่านสอบผ่านซีพีเอตั้งแต่อายุยี่สิบห้าปี”
เมื่อได้ยินคำพูดของภัทร เธออดไม่ได้ที่จะมองภคิณด้วยความชื่นชม "คุณผ่านซีพีเอตอนอายุยี่สิบห้าเหรอ"
รชาคิดมาตลอดว่าภคิณเป็นทายาทเศรษฐีรุ่นสองที่ไร้การศึกษาและไม่รู้เรื่องรู้ราวคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เธอเคยคิดว่าเขาไม่มีอะไรเลยนอกจากใบหน้าหล่อเหลา รชานึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นนักเรียนชั้นนำที่สำเร็จการศึกษาจากจุฬาฯ และจบปริญญาโทสาขาบัญชีของมหาวิทยาลัยเท็กซัสในออสติน ซึ่งเป็นสาขาบัญชีที่ดีที่สุดในโลก เขาสอบซีพีเอผ่านตอนอายุยี่สิบห้าปี นั้นทำให้เขากลายเป็นคนอายุน้อยที่มีพรสวรรค์
โอ้โห! การสอบซีพีเอผ่านเป็นความฝันของรชาตลอดมา น่าเสียดายที่หลายปีหลังจากเรียนจบ เธอสอบผ่านเพียงสองวิชาเท่านั้น เธอตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ให้กับตัวเองว่า เธอต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ผ่านซีพีเอก่อนอายุสามสิบให้ได้
ภคิณเหลือบมองดวงตาที่ชื่นชมของรชา และเขาก็ดึงหน้าตึงแล้วเอ่ยว่า "ตราบใดที่คุณจบสาขาบัญชีและทำงานหนักพอ คุณก็สอบซีพีเอผ่านได้ แม้ว่าคุณจะมีแค่ความสามารถธรรมดาๆ ก็ตาม"
คำพูดของเขาทำให้รชาขมวดคิ้ว
นั่นหมายความว่าไง เขากำลังด่าเธอว่าโง่ทางอ้อมหรือเปล่า
รชาเก็บสายตาอันชื่นชมกลับคืนทันที และเธอมองตรงไปข้างหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง เธอคิดในใจว่า “เรื่องนั้นจะดีสักแค่ไหนเชียว บางทีพ่อแม่ของเขาอาจจะใช้เส้นสายให้เขาได้เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชิงหวาและมหาวิทยาลัยที่อเมริกานั่น! ถึงแม้ว่าการสอบซีพีเอจะเข้มงวด แต่บางทีเขาอาจจะผ่านแค่เพราะโชคช่วย"
ในรถเงียบสนิท เพียงแต่ภคิณจะหันหลังกลับและสำรวจรชา
รชาเปลี่ยนเป็นชุดทำงานสีดำที่มีเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่ข้างใน ผมหยักศกเล็กน้อยของเธอขดอยู่ด้านหลัง และเธอยังสวมต่างหูสีทองคู่หนึ่งซึ่งทำให้เธอดูสง่าและเป็นมืออาชีพ
ด้วยหางตาของเธอ เธอเห็นเขามองดูเธออยู่ รชาก้มศีรษะลงและสำรวจดูตัวเอง กลัวว่าภคิณจะไม่พอใจ อย่างไรก็ตามการประมูลในวันนี้ก็ถือเป็นโอกาสสำคัญ
ภคิณมองไปทางอื่นและไม่พูดอะไร เพียงหลังจากนั้นรชาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ชุดของเธอคงจะเหมาะสมแล้วในวันนี้
“คุณไม่ได้ทานข้าวเช้า คุณหิวไหม” จู่ๆ ภคิณก็ถามขึ้น
หลังจากได้ยินเช่นนั้น รชาก็อึ้งไป เธอคิดในใจว่า “เธอทำงานยาวมาทั้งคืนแล้ว ทำไมตอนนี้เธอจะไม่หิว”
แต่เธอยังคงส่ายหัวและแสร้งยิ้ม "ฉันไม่หิวค่ะ"
แต่คราวนี้ท้องของเธอส่งเสียงประท้วง
ในเตอนนี้เธออายจริงๆ เธอก้มลงมองไปที่ท้องของตัวเองและสาปแช่งในใจ "ทนอีกหน่อยไม่ได้หรือไง นี่มันน่าอายมากนะ"
เมื่อเขาได้ยินเสียงท้องร้องของเธอ ภคิณก็กระตุกปากราวกับว่าเขากำลังยิ้มอย่างแผ่วเบา หากเขานับว่านั่นเป็นรอยยิ้ม
ทันใดนั้น ภคิณก็โยนบางอย่างใส่เธอ
รชาก้มศีรษะของเธอลงและหยิบมันขึ้นมา ปรากฎว่าเป็นขนมปังซูชิ
เมื่อเธอเห็นขนมปังซูชิ รชารู้สึกว่าน้ำลายของเธอกำลังจะหยดลงมา เธอจะหิวเกินไปแล้ว!
"ยังเหลืออีกห้านาที เธอควรรีบกินให้เสร็จ" ภคิณก้มมองนาฬิกาและเอ่ย
แม้ว่าท่าทางของเขาจะน่ารำคาญ แต่รชาบอกตัวเองว่า "ฉันปล่อยให้ปวดท้องไม่ได้ ฉันต้องเรียนรู้ที่จะยอมคนอื่น"
ครู่ต่อมา รชาฉีกกระดาษห่อออก ก้มหน้าลงและเริ่มกินอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเอง
ปกติการกินขนมปังแบบนี้จะทำให้คนสำลักได้ เมื่อเธอกินไปได้ครึ่งทาง รชาแตะหน้าอกของเธอและรู้สึกว่ามีขนมปังติดอยู่ตรงนั้น
เธอพยายามอย่างหนักที่จะกลืนมันลงไปขณะที่เธอกลอกตาไปมา แต่เธอกลืนมันไม่ได้ เธอไม่สามารถแม้แต่จะพูด
เมื่อเห็นฉากนี้จากหางตา ภคิณดูกังวลเล็กน้อย ภัทรซึ่งขับรถอยู่ข้างหน้าบังเอิญหันหลังมามอง
ภคิณขยิบตาให้เขา ภัทรหยิบขวดน้ำทันทีและยื่นไปให้ “คุณรชา น้ำครับ!”
รชารีบคว้าขวดน้ำแร่ เปิดฝา จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและดื่มไปครึ่งขวด
ในที่สุด รชาก็ทุบหน้าอกเธอเองและคิดกับตัวเองว่า "โชคดีที่ฉันไม่สำลักตาย!"
วินาทีถัดมา เธอเงยหน้าขึ้นมองภัทรและขอบคุณเขาอย่างจริงใจ "ขอบคุณนะคะ!"
ภคิณชำเลืองมองเธอจากหางตา และเขาก็อดยิ้มไม่ได้ แต่แล้วเขาก็ดึงหน้าตึงต่อทันที
รชาเหลือบมองภคิณแล้วกลอกตาไปที่เขา เธอก่นด่าในใจว่า “อิตานายทุนตัวร้าย ใจเขาดำจริง ๆ ขณะที่พนักงานแทบจะสำลักตาย เขาไม่อาสาจะช่วยเลย ดูเหมือนว่าจริงๆ แล้วคุณภัทรซึ่งอยู่ชนชั้นใช้แรงงานเหมือนเธอต่างหากที่เป็นคนที่ไว้ใจได้”
การประมูลครั้งนี้ดึงดูดบริษัทขนาดใหญ่ที่มีอำนาจหลายแห่งในเมือง
ประธานจากบริษัทดังกล่าวทั้งหมดฟังผลประมูลกันอยู่ในห้องประชุม รชากำลังรออยู่บนม้านั่งตรงทางเดินพร้อมกับผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ จากบริษัทต่างๆ
เมื่อสักครู่รชาถูกเรียกไปตอบคำถามสองสามข้อ เธอคิดว่าคำตอบของเธอไม่เลวทีเดียว เพราะเธอสังเกตเห็นว่าใบหน้าของภคิณดูอ่อนโยนลง ใบหน้าพึงพอใจนี้ทำให้เธอมีความมั่นใจขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้เธอสามารถตอบคำถามต่อไปได้อย่างราบรื่น
นาฬิกาบนทางเดินแสดงเวลาว่าตอนนี้บ่ายโมงแล้ว แต่การประมูลยังไม่เสร็จสิ้น
รชารู้สึกวิตกมาก เธอกลัวว่าหากพวกเขาแพ้การประมูล ภคิณ ชายเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจคนนั้นจะระบายความโกรธของเขาใส่เธอ แล้วเธอจะต้องออกจากบริษัทจริงๆ
