บทที่ 1 บทนำ

“พรุ่งนี้แกต้องไปหย่าให้หนูฉัตรให้เรียบร้อย”

“อะไรนะครับ”

“แกฟังไม่ผิดหรอก”

“แม่กำลังเล่นอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้ก็บังคับให้ผมแต่ง มาตอนนี้บอกให้ผมไปหย่า”

“ใช่ ฉันเล่นอยู่แต่ตอนนี้เกมมันจบแล้ว แกเป็นฝ่ายชนะ แกจะพาแฟนแกเข้ามาอยู่ในบ้านก็ได้นะฉันไม่ห้าม”

คำพูดพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นหากวันนั้นศศิณีไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนลูกชาย โดยการบังคับให้เขาแต่งงานกับหญิงสาวที่เธอหาให้

ณ.มหาวิทยาลัยชื่อดัง

สาวสวยหุ่นบางที่อยู่ในชุดเดรสสีฟ้ากระโปรงคลุมเข่า เธอเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยชื่อดัง และเป็นที่รักของนักศึกษา เพราะเธอเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี

“อาจารย์คะ วันนี้หนูขอบคุณมากเลยนะคะที่อาจารย์ช่วยติวให้พวกหนู”

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอหันไปยิ้มให้พวกนักศึกษาปี 4 “ใกล้สอบแล้วตั้งใจอ่านหนังสือกันด้วยนะ”

“ค่า....อาจารย์”

พวกเธอตะโกนตามหลังพลางโบกไม้โบกมือให้อาจารย์สาวสวย

ตี๊ด

หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อความที่ถูกส่งมาจากผู้เป็นแม่

‘ฉัตรลูก ถ้าสอนเสร็จแล้วโทรกลับหาแม่หน่อยนะ’

ฉัตรนลินทร์ หญิงสาววัย 28 ปี เธอเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเป็นอาจารย์ตั้งแตเรียนจบใหม่ๆ เธอสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มาเป็นเวลา 4 ปีกว่าแล้ว ปกติทุกๆ วันหยุดเธอจะกลับไปช่วยงานที่บ้าน แต่เนื่องด้วยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาแม่ของเธอมาขอร้องให้เธอแต่งงานกับลูกชายเจ้าของโรงงานส่งออกขนาดใหญ่ เพื่อรักษาบริษัทรับผลิตเครื่องหนังของพ่อไว้ เธอยังไม่ให้คำตอบพวกเขา ซึ่งสุดสัปดาห์นี้เธอจะต้องกลับไปพูดคุยเรื่องนี้กับผู่ใหญ่ของอีกฝ่าย

“แม่คะ”

‘อาทิตย์นี้กลับมาคุยกันนะลูก’

“ค่ะแม่”

‘แม่ขอโทษ’

“ไม่เป็นไรค่ะ”

หลังวางสายฉัตรนลินทร์ก็ขับรถกลับที่พักของเธอ เธอนั่งทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เธอเกิดมาพ่อกับแม่ของเธอไม่เคยปล่อยให้เธอลำบากเลย เธอมีพร้อมทุกอย่างเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าครอบครัวของเธอเป็นหนี้มากมายแค่ไหน

สุดสัปดาห์ที่ฉัตรนลินทร์ไม่อยากให้มาถึง แต่สุดท้ายเธอก็เลี่ยงไม่ได้ ก็เลยต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป เธอขับรถไปยังร้านอาหารที่แม่ของเธอบอกไว้

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าได้จองโต๊ะไว้หรือเปล่าคะ”

เมื่อเห็นฉัตรนลินทร์เดินเข้าไปในร้านพนักงานต้อนรับก็เดินเข้ามาสอบถาม

“จองไว้ค่ะ”

“กรุณาแจ้งชื่อผู้จองด้วยนะคะ”

“คุณศศิณีค่ะ”

“เชิญด้านนี้ค่ะ” หญิงสาวพนักงานเดินนำหน้าเธอไปยังห้องรับรอง แล้วให้เธอนั่งลงตรงโต๊ะกว้าง “รับน้ำอะไรดีค่ะ”

“เอาน้ำเปล่าแล้วกันค่ะ”

“สักครู่นะคะ”

“ฉัตรนลินทร์ใช่มั้ย”

“ใช่ค่ะ” ฉัตรนลินทร์รีบลุกขึ้นยืนทันที เรื่องมารยาทเธอไม่ได้ขาดตกบกพร่อง เพราะมีอาชีพที่เปรียบเสมือนแม่พิมพ์ เธอจึงมีบุคลิกที่สง่าสามารถเป็นแบบอย่างให้นักศึกษาได้ดีเลยทีเดียว

“ฉันศศิณี” หญิงวัยกลางคนแนะนำตัว

“สวัสดีค่ะคุณศศิณี”

“นั่งเถอะ”

“ขอบคุณค่ะ”

“เข้าเรื่องเลยละกัน” เธอว่าพลางมองสำรวจใบหน้างามนั้นไปด้วย หญิงสาวตรงหน้าสวยไม่แพ้ตอนที่เธอยังสาวเลย

“ค่ะ”

“เธอคงรู้แล้วว่าวันนี้ฉันนัดเธอมาเจอทำไม”

“ทราบค่ะ”

ก่อนมาแม่ของฉัตรนลินทร์บอกเธอทุกอย่างแล้ว

“เธอยินดีจะแต่งงานกับลูกชายของฉันหรือเปล่า” ศศิณีไม่อ้อมค้อม

“ค่ะ”

“หลังแต่งงานฉันจะจัดการเรื่องหนี้สินทั้งหมดให้ครอบครัวของเธอ รวมไปถึงเธอด้วย”

“คุณรู้”

“แน่นอน คนที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ของฉัน ฉันก็ต้องรู้ประวัติสิ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน เรื่องที่เธอต้องรับมือคือลูกชายของฉัน”

“ยังไงคะ” ฉัตรนลินทร์ไม่เข้าใจ

“ฉันบอกตามตรงนะ เพราะตอนนี้เจ้าลูกชายตัวดีมันกำลังติดผู้หญิงน่ะสิ”

นี่คือสิ่งที่ฉัตรลินทร์ไม่รู้ เธอไม่คิดว่าคนที่เธอต้องแต่งงานด้วยจะมีแฟนอยู่แล้ว พอเป็นแบบนี้เท่ากับว่าเธอต้องไปแย่งของ ๆ คนอื่นใช่มั้ย

“เอ่อ...ขอประทานโทษนะคะ ทำไมคุณถึงไม่ให้ลูกชายของคุณแต่งงานกับแฟนของเขาล่ะคะ”

“เพราะฉันไม่ชอบไง” ศศิณีตอบตามตรง ด้วยนิสัยหลายอย่างของหญิงสาวที่เป็นแฟนของลูกชายทำให้เธอต้องส่ายหน้า นี่คือที่มาของการหาลูกสะใภ้ด้วยตัวเอง

“แล้วหนู...” ฉัตรนลินทร์ชี้เข้าหาตัว

“ดีกว่าแม่คนนั้นเยอะ”

ก่อนที่เธอจะเลือกฉัตรนลินทร์ เธอสืบประหวัดว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มาหมดแล้ว ซึ่งเธอก็พอใจเป็นอย่างมาก

“แล้วหนูต้องทำอะไรบ้างคะ”

“ทำให้ลูกชายของฉันรัก ยิ่งมีลูกด้วยกันเร็วๆ ยิ่งดี”

“แต่...”

ฉัตรนลินทร์หลุบตาต่ำลง การจำใจแต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จักว่ายากแล้ว แต่การจพทำให้เขารักคงเป็นเรื่องที่ยากกว่า ไม่ต้องคิดไปถึงมีลูกเลยด้วยซ้ำ

“ฟังให้จบก่อน”

“ค่ะ”

“ฉันรู้ว่าเธอไม่สบายใจ แต่การแต่งงานก็เป็นเรื่องสำคัญของตาไตร หลังจากสามปีหากเธอทั้งสองไม่ได้รักกันฉันจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ”

“ทำไมต้องสามปีคะ”

ฉัตรนลินทร์คิดว่านี่คือทางรอดเดียวของเธอ แต่สามปีมันนานไปหรือเปล่า เธอจะสามารถทนได้ถึงตอนนั้นมั้ย

บทถัดไป