บทที่ 8 ไม่มียางอาย

หลังรับประทานอาหารเสร็จศศิณีก็ใช้ให้ลูกชยตัวดีพาลูกสะใภ้คนโปรดไปดูหนังสักเรื่อง โดยต้องถ่ายรูปส่งมาให้เธอดูด้วยเพื่อยืนยันว่าศิวัฒน์ทำตามที่เธอสั่ง

“ตั้งแต่รู้จักเธอชีวิตฉันก็ไม่เคยสงบเลย”

“คุณแน่ใจเหรอ” ฉัตรนลินทร์ย้อน

“แน่ใจสิ เธอมันตัววุ่นวายเลยรู้หรือเปล่า”

“ลองคิดกลับกันบ้างสิคะ ว่าบางทีอาจจะเป็นผลจากการกระทำที่ผ่านมาของคุณหรือเปล่า ชีวิตของคุณถึงได้เป็นแบบนี้” เธอพูดเสียงเรียบจนคนฟังก็เผลอคิดตาม

“เธอจะไปรู้อะไร” สุดท้ายเขาก็ไม่ยอมรับตัวเอง

“ค่ะ”

“ค่ะอีกแล้ว” เขาตวัดสายตามองเธอ เพราะรู้ดีว่าถ้าฉัตรนลินทร์ตอบแบบนี้แสดงว่าเธอไม่อยากเถียง

เมื่อทั้งคู่มาถึงห้าง ศิวัฒน์ก็เดินไปยังหน้าโรงหนังโดยมีฉัตรนลินทร์เดินตามไปห่าง ๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่ชอบมาโรงหนังเพราะคนเยอะ เธอไม่ชอบสถานที่แออัดสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเธอก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอาชีพที่เธอทำก็ต้องอยู่ในสถานที่แออีดไปด้วยผู้คนอยู่บ่อยครั้ง

“เธอไปเลือกสิจะดูเรื่องอะไร” เขาชี้ให้เธอดูจอด้านหน้า

“ฉันไม่ชอบดูหนัง” เธอบอกออกไปตรง ๆ

“ทำไมเธอไม่บอกแม่ว่าเธอไม่อยากดู ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”

“ถึงฉันพูดคุณคิดว่าคุณแม่ของคุณจะยอมเหรอ” แม้จะเพิ่งรู้จักกับศศิณีไม่นาน ฉัตรนลินทร์ก็พอจะรู้ว่าศศิณีเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครขัดใจ

“เธอมันน่าเบื่อจริง ๆ” เขาส่ายหัวเบา ๆ

“ค่ะ”

เธอก็อยากให้เขาเบื่อเธอนั่นแหละ หลังแต่งงานเขาจะได้ไม่มายุ่งกับเธอ

“เลือกเอาสักเรื่องเถอะ”

“เอาเรื่องที่กำลังเข้าฉายดีกว่า จะได้ไม่ต้องรอนาน” เธอมองไปยังจอที่บอกเวลาฉายหนังอีกรอบ ก่อนจะชี้ไปยังเรื่องที่กำลังเข้าฉายล่าสุด

“อืม”

ศิวัฒน์เดินไปซื้อตัวหนังไม่นานเขาก็เดินกลับมาพร้อมตั๋วหนังสองใบ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่แล้วส่งภาพไปให้แม่ของเขา

“เสร็จไปเรื่องหนึ่ง เหลือในโรงหนังอีก แม่นะแม่” ศิวัฒน์พึมพำ

แต่ก็ทำให้ฉัตรนลินทร์แอบขำ ผู้ชายคนนี้อายุเลขสามแล้ว แต่ก็ยังให้แม่บงการทุกอย่าง เท่าที่เธอสังเกตไม่เชิงว่าเขาเป็นลูกแหง่หรอก แต่อาจจะเป็นเพราะเขายังเกรงใจและให้เกียรติแม่ของเขาก็เท่านั้น

“พี่ไตร” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังมจากด้านหลังของพวกเขา

เธอวิ่งเข้ามากอดเอวของศิวัฒน์จนคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็พากันหันมอง

“มาดูหนังไม่เห็นชวนกันเลย” แล้วสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ฉัตรนลินทร์ก่อนจะทำหน้าบึ้ง “ทำไมต้องมากับแม่คนนี้คะ ไหนว่าไม่ได้คิดอะไรกับมันไง”

“แล้วใครบอกว่าพี่คิดล่ะ”

“ไม่คิดแต่มาดูหนังด้วยกันเนี่ยนะ เกลไม่ยอม” เธอแสดงท่าทีไม่พอใจ

“ไม่เอาครับ อย่าโกรธมันเป็นคำสั่งของแม่”

“แม่พี่นี่ก็ดีนะ อายุก็เยอะยังมานั่งบงการเรื่องแบบนี้อยู่อีก”

“...” ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นฉัตรนลินทร์ตวัดสายตามองเกวลิน

“ทำไม ฉันพูดผิดตรงไหน” เธอเชิดหน้าใส่ฉัตรนลินทร์

“ไม่รู้ตัวเลยเหรอคะ ว่าที่พูดน่ะคือการลามปามผู้ใหญ่” ฉัตรนลินทร์หันไปเผชิญหน้ากับเกวลิน “ฉันไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมคุณแม่ถึงไม่รับคุณเป็นลูกสะใภ้”

“เธอพล่ามอะไร” ศิวัฒน์ตะคอกใส่ฉัตรนลินทร์

“คุณก็แปลกนะ ตอนเธอว่าแม่ของคุณทำไมถึงไม่ห้ามล่ะคะ พอฉันปกป้องแม่ของคุณ คุณกลับตวาดใส่ฉัน ฉันมองคุณผิดไปจริง ๆ”

“นี่เธอ อย่ามาอวดเก่งนะ” เธอพูดเสียงดังจนคนที่อยู่บริเวณนั้นให้ความสนใจ “จะอวดเก่งแค่ไหนก็ยังได้ชื่อว่าแย่งสามีชาวบ้านนั่นแหละ”

“...” ฉัตรนลินทร์เม้มปากเข้าหากันแน่น เพราะข้อกล่าวหาข้อนี้เธอไม่มีทางแก้ต่างได้เลย ทั้งคู่คบกันส่วนเธอคือคนอื่นที่กำลังเข้ามาแทรกระหว่างพวกเขา

"คงจะฝันหวานอยู่สินะว่ากำลังจะได้แต่งงานกับผู้ชายหล่อรวยแบบนี้" เธอพูดพลางเกาะแขนของศิวัฒน์

"..."

"เมียแต่งหรือจะสู้เมียที่เขากกกอดบนเตียงทุกคืน"

“พอแล้วเกล คนมองใหญ่แล้ว” พอพูดแบบนี้ศิวัฒน์เองก็ต้องเอ่ยห้ามเธอ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดต่อหน้าคนมากมายแบบนี้

“มองเยอะ ๆ แหละดีจะได้รู้ว่าอาจารย์มหาลัยชื่อดังกำลังจะแย่งสามีชาวบ้าน ไม่มียางอายจริง ๆ”

“เธอจะไปไหน” ศิวัฒน์เรียกขึ้นเมื่อเห็นว่าฉัตรนลินทร์กำลังจะเดินไป

ฉัตรนลินทร์ทนฟังคำพูดพวกนั้นไม่ได้อีกต่อไป เธอต้องไปจากตรงนี้

“กลับบ้าน” เธอตอบโดยไม่หันไปมอง

“ยังกลับไม่ได้” เขาเดินเข้าไปรั้งแขนของเธอ

“ห้ามมันทำไมคะ” เกวลินรีบเข้าไปแกะมือของศิวัฒน์ออกจากแขนของฉัตรนลินทร์

“พี่ยังไม่เสร็จธุระนะเกล” เขาหันไปตวาดใส่เกวลิน

“พี่ก็เหมือนกัน เกลไม่คิดว่าพี่จะเป็นลูกแหง่แบบนี้” เธอต่อว่าศิวัฒน์ด้วยความโกรธ หลายครั้งแล้วที่เขาเอาแต่อ้างว่าเป็นคำสั่งของแม่ เธอไม่เข้าใจจริง ๆ โตขนาดนี้แล้วทำไมไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง

“พอเถอะเกล ใจเย็นหน่อยนะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป