บทที่ 9 9

“พี่ชายแกไม่อยู่หรอก สงสัยจะงอนแม่” คุณสายพิณโยนหนังสือวางลงบนโต๊ะแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางอ่อนใจ

“งอนอะไรล่ะครับ” พิพัฒน์หันมาถามเมื่อปิดตู้เย็นไว้เหมือนเดิมแล้ว

“แม่บังคับให้ตาภีมหาเมียน่ะสิ”

“อะไรนะครับ” คราวนี้พิพัฒน์แทบจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเลยทีเดียว ใครๆก็รู้ว่าภีรวัทน์น่ะเจ้าชู้ขนาดไหน การที่จะให้พี่ชายเขามาแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนสักคนจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก..

“แม่อยากอุ้มหลานนี่ตาพัฒน์” คุณสายพิณถอนหายใจออกมา ดวงตามองเหม่อออกไปด้านหน้าอย่างคนที่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ในขณะที่พิพัฒน์เดินมาทรุดลงนั่งข้างๆมารดาแล้วกอดเอวที่เริ่มอวบของแม่ไว้แล้วพูดออกมาเสียงเรียบแต่แฝงร่องรอยความขันเอาไว้ว่า

“ผมเดาไม่ออกเลยจริงๆว่าเรื่องนี้จะจบยังไง!”

“ปล่อยหนูไปเถอะนะคะ หนูไม่เอาเงินแล้ว หนูไม่อยากทำงานแบบนี้” เสียงร่ำไห้ของเด็กสาววัยไม่เกิน20ปีดังขึ้นแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ก๋วยจั๊บรู้สึกสงสารขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย

“เสี่ยอู๊ดเขาจะเปิดซิงแกเป็นคนแรกก่อนที่จะส่งแกไปให้ผู้ชายคนอื่น อย่าร้องแล้วเข้าไปเรียนรู้การเป็นนางบำเรอในห้องซะโดยดี” ก๋วยจั๊บพูดด้วยใบหน้าเหี้ยมๆ แววตามีแต่ความสะใจและเห็นแก่ตัวเมื่อผลักร่างบอบบางของหญิงสาวเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูลงท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเด็กสาวผู้โชคร้าย

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดปล่อยหนู”

“แกทำได้ดีมากไอ้ก๋วยจั๊บ” จุรีที่ยืนมองอยู่ด้านหลังมาพักใหญ่พูดขึ้น ดวงตาของสาวใหญ่จ้องไปที่ประตูที่ปิดสนิทอยู่ด้วยแววตาที่ไม่มีความเห็นใจคนเพศเดียวกันเลยสักนิด

ป่านนี้เสี่ยคงจะจัดการกำหราบยัยเด็กคนนั้นได้แล้ว เพราะตอนนี้...ทุกอย่างในห้องดูเงียบกริบ ไม่มีเสียงกรีดร้องอีก

“ขอบคุณที่ชมครับ” ก๋วยจั๊บยกมือขึ้นลูบหัวโล้นๆมันๆของตัวเองด้วยท่าทางเขินๆก่อนจะตาพองด้วยความตื่นเต้นจนหนวดแทบจะกระดิกเมื่อเห็นจุรีหยิบกระเป๋าเงินออกมา

“ฉันให้เงินพิเศษแก”

“ขอบคุณคร้าบ” ก๋วยจั๊บก้มลงไหว้ก้นกระโด่งพร้อมกับเอื้อมมือไปรับธนบัตรก่อนจะชะงัก

“รับไปสิ” จุรีพูด ในขณะที่ก๋วยจั๊บทำหน้าแปลกๆชอบกล

“เอ่อ...20บาทเองเหรอครับ”

“ช่วยไม่ได้นี่ยะ ผู้หญิงที่แกหามามันไม่สวยนี่นา ถ้าแกอยากได้เงินพิเศษให้เยอะกว่านี้แกก็ต้องไปหาผู้หญิงสวยๆที่จะมาเป็นสินค้าชั้นดี ไม่ใช่หน้าตาขี้เหร่ๆแบบนั้น”

ที่สวนเล็กๆหน้าบ้านสีฟ้าหลังน้อย ข้างๆบ้านถูกประดับด้วยดอกไม้พื้นบ้านมากมายหลายสีสัน บริเวณบ้านน้อยหลังนี้ดูจะมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อมีเสียงใสๆของผู้หญิงคนหนึ่งดังสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ

“ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

“หุบปากเลยนะ เสียงหัวเราะของคุณมันอุบาทว์ชะมัด” ภีรวัทน์เค้นเสียงขู่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ รองเท้าหนังคู่แพงมีเจ้าคางคกน้อยนั่งอยู่ แถมเจ้าสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำยังเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตากลมบ๊องแบ๊วน่ารักอีกต่างหาก

“มาว่าฉันหัวเราะอุบาทว์งั้นเหรอ งั้นฉันไม่ช่วยคุณแล้ว เชิญยืนสบตากับคางคกต่อไปเถอะ” ว่าพลางหญิงสาวก็ทำปากยื่นแล้วสะบัดหน้าทำทีจะก้าวเข้าไปในบ้าน

“ดะ เดี๋ยวสิ” เขาร้องเรียกเสียงอ่อยจนพีระดาต้องยิ้มกริ่มพร้อมกับหันมามองเขาด้วยท่าทีเป็นต่อ

“ถ้าอยากให้ฉันช่วยเอามันออกให้ คุณก็ลองขอร้องฉันหวานๆก่อนสิ”

“หวานๆงั้นเหรอ” คราวนี้ภีรวัทน์ยิ้มเจื่อนๆทันที ยิ่งเห็นท่าทางเหมือนผู้ชนะของเธอแล้ว เขาก็ยิ่งไม่อยากยอมแพ้ แต่เมื่อก้มลงมองเจ้าคางคกน้อยแต่พุงป่องที่ส่งสายตามาให้ราวกับสาวน้อยที่พบรัก เขาก็ตัดสินใจได้ว่า...

เขาควรจะขอร้องเธอ!!

“ช่วยเอามันออกให้ผมหน่อยสิครับ”

“นี่ขอร้องแล้วเหรอคะท่านเศรษฐี ต้องมีจ๊ะๆจ๋าๆด้วยสิ คุณนี่พูดจาไม่น่ารักเอาซะเลย” พีระดาทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ เล่นเอาเขาต้องกัดฟันกรอดเลยทีเดียวก่อนที่ดวงตาคู่คมสีน้ำตาลเข้มจะพราวระยับขึ้นมาเมื่อคิดอะไรออกมาได้บางอย่าง

“เมียจ๋า ช่วยผมหน่อยเถอะ”

“แค่กๆๆๆๆๆๆ” คราวนี้พีระดาหน้าแทบจะคะมำกับคำพูดของเขา ดวงตากลมโตสบกับดวงตาคมวิบวับก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายเมินหลบหน้า พวงแก้มฉีดสีระเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“ใครเป็นเมียคุณกัน”

“คุณไง” เขาชี้นิ้วมาทางเธอพลางทำหน้าซื่อๆ

“ฉันกับคุณเป็นคนแปลกหน้ากัน” ปากเล็กๆยื่นออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความขัดเขินของตัวเอง

“แต่อีกไม่กี่วันเราจะแต่งงานกัน” เขาย้อนกลับมาหน้าตาย

“แต่มันเป็นการแต่งงานตามหน้าที่ ไม่ใช่เพราะความรัก” พีระดายังพยายามเถียงข้างๆคูๆ

“ไม่ว่าจะแต่งงานเพราะอะไร แต่ยังไงคุณก็ต้องเป็นเมียผมอยู่ดี”

พีระดาเม้มปากแน่นเมื่อไม่รู้ว่าจะเถียงเขากลับไปยังไงก่อนจะหมุนร่างเปิดประตูเข้าไปในบ้านทันทีพร้อมกับพูดออกมาอีกประโยคหนึ่ง เป็นประโยคที่ทำให้เขารู้สึกอยากบีบคอเล็กๆนั่นให้หักคามือซะเหลือเกิน..!!

“เชิญคุณอยู่กับคางคกไปเถอะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป