สาม
สับสน เจ็บปวด และโกรธเกรี้ยว... นั่นคือสามอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามาในชั่วไม่กี่วินาทีขณะที่ฉันจ้องมองข้อความของมาร์โค
เขาพูดบ้าอะไรของเขากันนะ ฉันคิดในใจขณะพยายามโทรหาเขาอีกครั้ง เสียงสัญญาณดังขึ้นครู่หนึ่งก่อนที่สายจะถูกตัดทิ้งทันที
ฉันรู้สึกว่าหัวใจบีบรัดอย่างเจ็บปวด เป็นไปไม่ได้ มาร์โคจะมาบอกเลิกฉันแบบนี้ไม่ได้ เราคบกันมาตั้งหลายปี เรื่องบ้าๆ นี่ไม่มีทางเป็นเรื่องจริงได้หรอก
ฉันต้องไปเจอเขา คุยกับเขา และทำให้แน่ใจว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องล้อเล่น... แค่เรื่องล้อเล่นจริงๆ!
ฉันมุ่งหน้าไปที่ตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนจากชุดนอนแล้วพรวดพราดออกจากห้อง ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องไปถึงที่พักของเขาให้ได้ในไม่กี่วินาทีและไปเอาคำตอบที่ฉันสมควรจะได้รับ
พ่อเห็นฉันตอนกำลังจะออกจากบ้าน แต่ท่านก็ไม่ได้พยายามจะรั้งฉันไว้เลย ราวกับว่าท่านรู้ว่าฉันจะไม่ทำอย่างที่อเลเซียทำ และฉันเองก็รู้ตัวดีว่าฉันจะไม่ทำแบบนั้น
ฉันเข้าไปในรถแล้วเหยียบมุ่งหน้าไปยังเพนต์เฮาส์ของเขา โชคดีที่มันเป็นช่วงเช้ามืด รถจึงไม่ติดเลย นั่นหมายความว่าฉันไปถึงที่นั่นได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
ในเวลาไม่นาน ฉันก็มายืนอยู่หน้าเพนต์เฮาส์ของมาร์โค ทุบประตูห้องของเขาอย่างแรงด้วยกำปั้น
“ให้ตายสิ ไม่ยักกะจำได้ว่าสั่งรูมเซอร์วิสไปนะ”
ฉันได้ยินเขาพึมพำ และวินาทีต่อมาประตูก็เปิดผางออก ทันทีที่เขาเห็นหน้าฉัน สีหน้าของเขาก็ซีดเผือด แล้ววินาทีต่อมาความตื่นตระหนกก็เข้ามาแทนที่
“วาล คุณมาทำอะไรที่นี่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ แล้วก็...”
“อธิบายมา” ฉันแทบจะยื่นโทรศัพท์จ่อหน้าเขา “นี่มันหมายความว่ายังไง”
เขามองข้อความนั้น ลูบท้ายทอยตัวเองแล้วถอนหายใจ “วาล ฟังนะ ฉัน...” ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสียงหนึ่งก็ขัดจังหวะขึ้น
“มาร์โคเหรอคะ ใครมาน่ะ”
ทันใดนั้นเลือดในกายฉันก็เย็นเยียบเมื่อได้ยินเสียงนั้น
ฉันจำเสียงนั้นได้ รู้จักดียิ่งกว่าฝ่ามือตัวเองเสียอีก และราวกับยาพิษที่ค่อยๆ ซึมซาบเข้าสู่อวัยวะภายใน ฉันมองอเลเซียที่ปรากฏตัวออกมาจากด้านหลังของมาร์โคในชุดเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งของเขา
“ที่รัก ใคร...” เธอชะงัก ดวงตาเบิกกว้างทันทีที่เห็นฉันยืนอยู่ตรงนั้น “อ๋อ”
ฉันมองสลับไปมาระหว่างคนทั้งสองด้วยความงุนงง พยายามเมินความเจ็บปวดที่กัดกินในอกชั่วขณะเมื่อความจริงเริ่มปรากฏ
“นานแค่ไหนแล้ว” เป็นคำเดียวที่ฉันถามออกไปได้
ทั้งสองคนเงียบไปสองสามวินาทีก่อนที่อเลเซียจะเอ่ยปาก “หนึ่งปี”
ตาฉันเบิกกว้าง หนึ่งปีเหรอ แล้วแฟนของเธอล่ะ เขาจะไม่... โอ๊ะ!
ความจริงอีกอย่างหนึ่งก็กระจ่างขึ้นมา และนั่นคือความจริงที่ว่ามาร์โคคือผู้ชายที่เธอเคยพูดถึงมาตลอด
ฉันรู้สึกทั้งคลื่นไส้และโกรธในเวลาเดียวกัน “แกฟันทั้งฉันทั้งน้องสาวฉันพร้อมกันเลยเหรอ” ฉันถาม พลางจ้องเขม็งไปที่มาร์โคซึ่งพยายามหลบสายตาฉัน “ใช่ไหมล่ะ?!”
“วาล ได้โปรดฟังฉันก่อนนะ”
พอเขาเริ่มต้นด้วยคำพูดนั้น ฉันก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นเรื่องจริง
“ให้ตายเถอะมาร์โค!” ฉันตวาด “ในบรรดาคนทั้งหมดที่แกจะนอกใจฉันไปหาได้ แกเลือกน้องสาวของฉันเองเนี่ยนะ! แล้วแก” ฉันหันไปหาอเลเซีย “แกทำแบบนี้ได้ยังไง มาฟันคู่หมั้นของพี่สาวตัวเอง ทิ้งครอบครัวไปอย่างไร้ค่าแบบนี้”
“อย่ามาเล่นบทนางเอกผู้เคราะห์ร้ายหน่อยเลย วาเลนติน่า แกทำตัวเองทั้งนั้น แกมัวแต่ยุ่งกับเรื่องของตัวเองจนลืมไปเลยว่าแฟนของแกต้องการอะไร จะมาโทษพวกเราที่...ตกหลุมรักกันได้จริงๆ เหรอ” คำพูดสุดท้ายถูกเอ่ยออกมาขณะที่เธอกอดแขนมาร์โคไว้ “ส่วนเรื่องการแต่งงานที่เหมือนคำสาปนั่น ถ้าแกคิดว่ามันง่ายนัก ทำไมไม่มาสลับตำแหน่งกับฉันล่ะ เราเป็นฝาแฝดกันนี่นา แค่สลับบทบาทกันหน่อยมันจะเสียหายตรงไหน”
“ไปตายซะอเลเซีย” ฉันตวาดกลับ พร้อมจะกระโจนเข้าไปข่วนหน้าหล่อน แต่มาร์โคก็รั้งฉันไว้ในวินาทีนั้น
“อย่ามาสร้างเรื่องที่นี่ วาเลนติน่า” เขาเตือน และภาพการหักหลังตรงหน้าก็ยิ่งทิ่มแทงใจฉันให้ลึกลงไปอีก
“ฉันจะบอกพ่อเรื่องนี้” เป็นคำพูดเดียวที่ฉันเอ่ยออกมาได้
อเลเซียยิ้มเยาะใส่ฉัน “ไปสิ ไปบอกท่านเลย” เธอกลอกตา “ก็ราวกับว่าพ่อไม่รู้เรื่องอยู่แล้วงั้นแหละ”
คำพูดนั้นเหมือนหมัดที่ต่อยเข้าที่ท้อง และรอยยิ้มของอเลเซียก็กว้างขึ้น
“ท่านรู้ทุกอย่าง วาลี่ที่รัก และฉันพนันกับแกได้เลยว่าท่านก็รู้ด้วยว่าฉันอยู่ที่ไหน”
เธอพูดคำเหล่านั้นด้วยความมั่นใจเสียจนทำให้ฉันรู้สึกเหมือนคนโง่และตระหนักถึงความจริงที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นเรื่องจริง พ่อของฉันไม่ใช่คนไร้ความสามารถขนาดนั้น ถ้าท่านอยากจะรู้ว่าอเลเซียอยู่ที่ไหน ท่านคงหาเจอได้ในไม่กี่นาที
ท่านแค่... ท่านแค่ไม่อยากเสียลูกสาวคนโปรดไป
สีหน้าของฉันคงจะฟ้องทุกอย่าง เพราะอเลเซียหัวเราะร่าเหมือนไฮยีน่า “เข้าใจแล้วสินะ” เธอหันไปจูบแก้มมาร์โคอย่างไม่อาย “ฉันจะไปรอที่ห้องนอนนะ ที่รัก” เธอหันมามองฉันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วพูดว่า “ขอให้สนุกกับชีวิตใหม่นะ วาเลนติน่า”
เมื่อเธอไปแล้ว มาร์โคก็พูดขึ้น “ในเมื่อคุณก็รู้แล้วว่าผมอยากจะเลิก เราอย่ามายืดเยื้อกันอีกเลย จบกันตรงนี้แหละ เดี๋ยวผมจะส่งของของคุณทั้งหมดไปให้ ไม่ต้องมาเอาเอง”
พูดจบเขาก็ถอยกลับไปแล้วปิดประตูกระแทกใส่หน้า ทิ้งให้ฉันยืนนิ่งราวกับรูปปั้น... ซึ่งอันที่จริงฉันก็อยากจะเป็นอย่างนั้นอยู่หรอก เพราะฉันมั่นใจว่ารูปปั้นคงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดและโกรธแค้นมากมายเท่าที่ฉันกำลังเผชิญอยู่
มันคือการหักหลังที่เจ็บแสบที่สุด จากทั้งน้องสาว พ่อ และพี่ชายของฉันเอง ไม่เคยมีความเจ็บปวดครั้งไหนที่มันทรมานเท่านี้มาก่อน
ฉันใช้เวลาอยู่สักพัก แต่ในที่สุดก็รวบรวมสติแล้วขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้าน โรงพยาบาลก็โทรเข้ามา
“คุณเดอ ลูกาคะ เราพยายามติดต่อคุณพ่อของคุณอยู่ แต่ท่านไม่รับสาย ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเบอร์ติดต่ออื่นของท่านไหมคะ”
“ไม่ค่ะ แต่ถ้ามีข้อความอะไรจะฝากถึงท่าน ฝากไว้กับฉันได้เลย เดี๋ยวฉันจะบอกท่านให้เอง”
“รับทราบค่ะ คือ...เป็นเรื่องของคุณแม่ของคุณค่ะ”
หัวใจฉันหล่นวูบเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ ทำให้ฉันกำพวงมาลัยแน่นขึ้น และรู้สึกราวกับว่าลำคอตีบตัน
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“อาการของท่านทรุดลงเมื่อคืนนี้ และเราจำเป็นต้องทำการรักษา แต่ไม่สามารถทำได้หากไม่มีค่าใช้จ่าย รบกวนแจ้งให้ท่านทราบเรื่องนี้ด้วยนะคะ”
ฉันกัดฟันกลั้นน้ำตาแล้วแจ้งกับทางโรงพยาบาลไปว่าจะแจ้งให้พ่อทราบก่อนจะวางสายไป พอถึงตอนนั้น ฉันก็ขับรถเข้าสู่ถนนส่วนบุคคลของคฤหาสน์ของตระกูลพอดี
ทันทีที่ลงจากรถ ฉันก็บุกพรวดเข้าไปในห้องทำงานของพ่อ ที่ซึ่งคนรับใช้บอกว่าท่านอยู่ในนั้น
“พ่อคิดว่าลูกจะไม่มีวันรู้เหรอ” ฉันถามด้วยความเดือดดาล พลางมองท่านที่วางแฟ้มซึ่งกำลังอ่านอยู่ลง แล้วหันมาสนใจฉัน “พ่อคิดว่าลูกจะไม่มีวันรู้เหรอ” ฉันถามย้ำ
“ตรงกันข้ามเลย พ่อรู้ดี พ่อรู้เหมือนกับที่รู้ว่าพอแกรู้ความจริง แกก็จะตระหนักได้ว่าแกกำลังจะทำให้ครอบครัวที่รักแกต้องตกอยู่ในอันตราย เพื่อผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้รักแกเลย”
“โกหกทั้งเพ” ฉันสบถ
“พ่อก็รู้เหมือนกันว่าโรงพยาบาลจะโทรหาแกถ้าพ่อไม่รับสาย แล้วจะเอายังไงล่ะ วาเลนตินา จะแต่งงานกับลูกา หรือจะให้พ่อมีเหตุผลที่จะหยุดจ่ายค่ารักษาพยาบาลของรีเบคกา”
“นั่นเมียพ่อนะคะ!” ฉันตวาดกลับไป พลางมองพ่อที่จ้องมองฉันกลับมาด้วยสายตาไร้ความรู้สึก
“แล้วไง”
คำๆ นั้น... คำถามเดียว ก็เพียงพอแล้วที่จะบอกให้ฉันรู้ว่าฉันคือความหวังเดียวของแม่ ความหวังสุดท้ายของท่าน และทันทีที่ฉันปฏิเสธ มันก็เท่ากับจบเกมสำหรับท่าน
“แค่ปีเดียวเท่านั้น วาเลนตินา พอถึงตอนนั้นพ่อก็คงหาเงินมาใช้หนี้ได้มากพอแล้ว” คำพูดของท่านควรจะทำให้ฉันใจชื้นขึ้น แต่กลับยิ่งทำให้สถานการณ์ดูเป็นจริงมากขึ้น
ในปีหน้า ฉันจะต้องแต่งงานกับอันธพาลแก่ๆ หัวล้านเถิก แถมไอ้นั่นก็ยังใช้การไม่ได้อีกต่างหาก ถ้าหากฉันอยากให้แม่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป
ไม่เคยมีครั้งไหนที่ฉันเกลียดชีวิตตัวเองได้มากเท่ากับในวินาทีนี้เลย
“ตกลงไหม จะทำหรือจะให้พ่อโทรหาโรงพยา—”
“ลูกจะทำค่ะ” ฉันพูดแทรกขึ้นมา ไม่รอให้ท่านพูดคำขู่จนจบประโยค ซึ่งฉันรู้ดีว่าท่านทำจริงแน่
ท่านยิ้มจางๆ “แกเลือกถูกแล้ว” ท่านลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบแฟ้มฉบับหนึ่งติดมือมาด้วย ซึ่งเป็นแฟ้มที่บรรจุรายละเอียดของสัญญา และท่านก็ยื่นมันมาให้ฉัน
ขณะรับแฟ้มมา ฉันก็อดถามไม่ได้ “เขารู้เรื่องนี้หรือยังคะ”
“ยัง” พ่อยอมรับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แต่เดี๋ยวเขาก็จะรู้ และเมื่อถึงตอนนั้น เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับ มันไม่ใช่แค่เรื่องของเรา แต่มันเกี่ยวกับอาณาจักรและอำนาจของเขาด้วย เขาถอนตัวตอนนี้ไม่ได้หรอก”
ถ้อยคำของท่านลอยอยู่ในอากาศราวกับคำพิพากษาประหารชีวิต ไม่มีทางหนีพ้น ไม่มีทางออก
ความจริงของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นถาโถมเข้าใส่ฉันในคราวเดียว และฉันก็รู้สึกคลื่นไส้ตีตื้นขึ้นมา ฉันต้องหันหน้าหนีจากพ่อ พลางกำแฟ้มในมือไว้แน่นเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว ขณะที่ภาระหนักอึ้งของสถานการณ์กดทับลงบนบ่าราวกับคีมเหล็ก
“วาเลนตินา” พ่อพูด น้ำเสียงของท่านอ่อนลง แทบจะเรียกได้ว่าอ่อนโยน “พ่อรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่แกต้องการ แต่บางครั้งเราก็ต้องทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำเพื่อครอบครัว เพื่อคนที่เรารัก”
ฉันหลับตาแน่น พยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมา เรื่องทั้งหมดนี้... ฉันไม่สมควรต้องมาเจออะไรแบบนี้เลย แต่ฉันต้องทำ อย่างน้อยก็เรื่องแต่งงาน เพื่อแม่ของฉัน
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ บังคับตัวเองให้ปัดเป่าความกลัวและความไม่แน่นอนทิ้งไปจากใจ นี่คือความจริงของฉันแล้วในตอนนี้ ไม่ว่าฉันจะชอบหรือไม่ก็ตาม ฉันกำลังจะกลายเป็นภรรยาของลูกา คารูโซ ชายที่น่าเกรงขามที่สุดในเนเปิลส์
“ลูกเข้าใจค่ะ พ่อ” น้ำเสียงของฉันเจือไปด้วยยาพิษ ความโกรธ และความเจ็บปวด ซึ่งทั้งหมดนั้นพ่อทำเป็นไม่สนใจและเพียงพยักหน้ารับ
“ดี เดี๋ยวพ่อจะให้คนเตรียมชุดไว้สำหรับการนัดพบพรุ่งนี้” ท่านเดินผ่านไปพลางตบไหล่ฉันเบาๆ “อย่าทำให้พ่อผิดหวังล่ะ วาเลนตินา ถ้าไม่ใช่เพื่อครอบครัวนี้ ก็จงทำเพื่อแม่ของแก”
พูดจบ ท่านก็เดินจากไป ทิ้งให้ฉันจมอยู่กับความจริงที่แสนบีบคั้นหัวใจว่าชะตาชีวิตของฉันได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
