บทที่ 10 ตอนที่ 10

ด้วยที่มารันไม่ได้สั่งห้ามมา ทำให้รำไทยบอกกับโรมพัทไปจนหมดเปลือก “เห็นว่าจะไปภูเก็ตน่ะค่ะ บอกว่าจะไปพักที่บ้านต่างอากาศของพ่อณน”

โรมพัทลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับหญิงสาว เขายิ้มบางๆ ให้และดึงร่างอรชรเข้าไปกอด รำไทยตกใจ แต่ก็คงไม่เท่ากับภามินที่นั่งอ้าปากค้าง ใช่เขาตกใจ แต่ความรู้สึกที่ตามมาก็คือหมั่นไส้สุดขีด จนในที่สุดก็ไม่สามารถทนนั่งอยู่ได้ ต้องรีบลุกขึ้นและจ้ำอ้าวเดินออกไปจากร้านอาหารอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

“ขอบใจมากนะรำไทย”

รำไทยยืนนิ่งงัน มองร่างสูงใหญ่ของโรมพัทที่เดินหายไปจากสายตาแล้วด้วยความมึนงง อยู่ๆ ก็ดึงหล่อนเข้าไปกอดซะงั้น แล้วจู่ๆ ก็เดินจากไป ทิ้งให้หล่อนยืนสับสนอยู่เพียงคนเดียว หญิงสาวถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกไปนอกจากร้านอีกคน

ลานจอดรถขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากชายหาดนัก หญิงสาวเร่งฝีเท้าเดินกลับไปยังรถของภามินที่ตัวเองจำได้อย่างแม่นยำว่ามันจอดนิ่งอยู่ตรงไหนด้วยความร้อนใจ เพราะตอนนี้มันก็สามทุ่มกว่าแล้วคงไม่มีรถโดยสาร หรือแท็กซี่คันไหนสามารถขับไปส่งหล่อนที่กรุงเทพฯ ได้อย่างแน่นอน

เมอร์เซเดสเบนซ์สปอร์ตสีดำจอดอยู่ตรงหน้า และตรงที่คนขับก็มีร่างสูงใหญ่ของภามินนั่งนิ่งอยู่ ใจสั่น มือสั่น แต่ก็จำต้องเดินไปหยุดข้างรถคันงาม

“ขึ้นมาสิ เพราะหากช้าอีกนิดฉันทิ้งเธอไว้ที่นี่แน่”

และไม่ต้องให้คนตัวโตพูดซ้ำขึ้นอีก สาวน้อยรีบดึงบานประตูรถให้เปิดออก จากนั้นก็แทบจะกระโดดขึ้นมานั่งเคียงข้างเขา รถคันหรูแล่นปรู๊ดออกไปจากลานจอดรถอย่างรวดเร็ว เร็วจนรำไทยต้องรีบคว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับร่างกายเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว

“ฉันคิดว่า... เอ่อ แม้มันจะดึกแล้ว แต่คุณก็ไม่ควรขับรถเร็ว...แบบนี้”

ที่กล้าพูดออกไปก็เพราะกลัวต่อความเร็วของรถที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถทำให้คนตัวโตหยุดแสดงอภินิหารลงเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังพ่นวาจาเลือดเย็นใส่หน้าของหล่อนอย่างไม่ปรานีอีกต่างหาก

“รู้ไหมว่าฉันสะอิดสะเอียนต่อการที่มีเธอนั่งข้างๆ แค่ไหน ดังนั้นฉันถึงต้องขับรถเร็วแบบนี้ เพื่อให้ถึงบ้านให้เร็วที่สุดยังไงล่ะ”

สะอึกอยู่ภายในอก พูดไม่ออกเอาซะดื้อๆ รำไทยเม้มปากอิ่มของตัวเองแน่น ชำเลืองมองคนตัวโตผ่านม่านน้ำตาด้วยความตัดพ้อ ก่อนจะบังคับให้ตัวเองมองเมินออกไปนอกกระจกรถแทน

นี่ภามินเกลียดชังหล่อนถึงเพียงนี้เชียวหรือ...

ความเงียบกัดกินไปทั่วทั้งรถระดับพรีเมี่ยมอยู่นานนับชั่วโมง ก่อนที่มันจะมาจอดสนิทที่ลานหน้าตึกใหญ่ของคฤหาสน์อิสรเกษม หญิงสาวรีบปลดเข็มขัดนิรภัย กำลังจะก้าวลงจากรถแต่พ่อคนตัวโตแสนเลือดเย็นก็เอียงหน้าเข้ามากระซิบวาจาเหี้ยมเกรียมข้างหูเสียก่อน และเมื่อได้ฟังมันก็ทำให้รำไทยยิ่งเจ็บช้ำทวีคูณ

“หวังว่าเธอจะรู้นะว่าตัวเองควรจะอยู่ตรงไหน... อย่ามาวุ่นวายกับฉัน หรือแม้แต่กับพี่โรมอีกเด็ดขาด เพราะหากเธอไม่เชื่อฟัง ฉันนี่แหละจะเป็นคนพิพากษาโทษของเธอเอง จำเอาไว้รำไทย...”

“ฉันไม่อาจเอื้อมเช่นนั้นหรอกค่ะ...”

ซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้สุดความสามารถแต่หางเสียงที่ตอบโต้ออกไปก็ยังสั่นเทาจนน่าสังเวชใจอยู่ดี

“ฉันจะเชื่อคำพูดของเธอ ก็ต่อเมื่อเธอรีบไปจากที่นี่ซะ กลับไปอยู่ในที่ที่เธอจากมา”

คนตัวโตที่ถนัดเหลือเกินกับการทำให้คนอื่นเจ็บช้ำพูดจบ ก็รีบผละลงไปจากรถทันที ทิ้งให้รำไทยนั่งน้ำตาซึมอยู่เพียงลำพัง

หล่อนมันต่ำต้อยนักหรือไง ทำไมจะต้องมาดูถูกกันแบบนี้ด้วย...

รำไทยยกมือป้ายน้ำตาที่มันกำลังล้นออกมาจากขอบตาจนแห้ง ก่อนจะก้าวลงจากรถ กำลังจะรีบวิ่งขึ้นห้องพัก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพราวฟ้ายืนรออยู่ที่ห้องโถง

“เอ่อ... คุณน้า”

“มีอะไรกันหรือเปล่าหนูรำไทย ทำไมพ่อภามถึงทำหน้าราวกับไปกินรังแตนมาแบบนั้น”ถามพร้อมๆ กับสังเกตสีหน้าของเด็กสาวไปด้วย และก็ได้เห็นความโศกเศร้าในดวงตาคู่งามนั้นอย่างมากมายนัก

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราไม่ได้พูดกันสักคำ...”

ก้มหน้าพูดปดออกไปเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย หล่อนตั้งใจแล้วว่าจะรีบๆ สอนพราวฟ้าทำขนมตามที่ตั้งใจเอาไว้ จากนั้นก็จะรีบกลับบ้านทันที จะไม่มีวันอยู่ให้รกหูรกตาใครอีกเด็ดขาด

“อย่างนั้นหรือ เอ่อ แล้วเรื่องของพ่อโรมกับหนูมารันล่ะเป็นยังไงบ้าง”

เจ้าของชื่อฝืนยิ้มบางๆ “ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ คุณโรมเธอมีเหตุผล...”

พราวฟ้าพยักหน้าน้อยๆ แล้วถอนใจออกมา “งั้นหนูก็ไปพักผ่อนเถอะ ท่าทางจะเพลียกับการเดินทางไม่น้อย ดูสิหน้าซี๊ดซีด...”

“ขอบคุณค่ะคุณน้า งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ”

ร่างอรชรของรำไทยเดินหายขึ้นชั้นบนไปแล้ว พราวฟ้าจึงหันมาพูดกับทับทิมที่ยืนเงียบๆ อยู่ด้านหลังด้วยน้ำเสียงกังวลใจ

“ฉันว่าหนูรำไทยคงเจอฤทธิ์เดชของพ่อภามมาแน่ๆ เลย ถึงได้เซื่องซึมแบบนี้ ฉันล่ะเบื่อกับพฤติกรรมเอาแต่ใจสุดกู่ของพ่อลูกชายตัวดีคนนี้จริงๆ เมื่อไหร่นะจะหายจากโรคอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ สักที”

“โรคนี้มีเมียก็คงหายมั้งคะคุณผู้หญิง” ทับทิมเสนอแนะ พราวฟ้าเลิกคิ้วสูงลิบเลยทีเดียว

“มีเมียเหรอ? แล้วผู้หญิงคนไหนจะทนอารมณ์ร้ายของมันได้ เห็นที่ควงๆ อยู่แต่ละคนก็อยู่ได้แค่ไม่เกินเจ็ดวันก็ถูกพ่อตัวดีตะเพิดไปทุกราย”

ความกังวลใจดังเจือปนออกมาพร้อมๆ กับน้ำเสียงของพราวฟ้า ทับทิมอมยิ้มนัยน์ตาแพรวพราวด้วยความคิดแปลกประหลาด

“เราก็หาผู้หญิงที่จะสามารถรองรับอารมณ์ของคุณชายเล็กให้ได้สิคะ อาจจะจ้างเป็นเงินก็ได้”

“แล้วฉันจะไปหาผู้หญิงคนนั้นได้ที่ไหนกันล่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป