บทที่ 4 ตอนที่ 4

เงยหน้าขึ้นปฏิเสธแต่แล้วก็ต้องตกอยู่ในมนต์ขลังของผู้ชายสุดหล่ออีกครั้ง ทั้งคู่สบตากันเนิ่นนาน ก่อนที่ภามินจะเป็นฝ่ายรู้สึกตัวและผละออกห่าง แต่กระนั้นมือใหญ่ก็ยังคงกระชับเอวคอดและต้นแขนกลมกลึงเอาไว้กันเจ้าหล่อนล้มหน้าคว่ำลงไปกับพื้นอีกครั้ง

“น่ารำคาญชะมัด...”

หนุ่มหล่อระเบิดลมหายใจออกมาหนักๆ จากนั้นก็พยุงแกมลากร่างอรชรของรำไทยไปยัดใส่รถสปอร์ตเปิดประทุนของตัวเอง ภามินปิดประตูรถแรงๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นรถและขับเข้าไปในบ้านที่อยู่ห่างจากรั้วเข้าไปเป็นร้อยๆ เมตรด้วยความเดือดดาล แต่ก็ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้อยู่ดีว่าเขาเดือดดาลใครมากกว่ากัน ระหว่างแม่สาวน้อยรำไทยแสนงามคนนี้ หรือว่าตัวเอง?

เพียงแค่อึดใจเดียวรถสปอร์ตสีดำคันงามที่ขับด้วยความเร็วสูงก็เคลื่อนจากหน้ารั้วมาหยุดที่หน้าตึกใหญ่ของคฤหาสน์อิสรเกษม คนตัวโตดับเครื่องรถเปิดประตูออกและรีบก้าวลงไปทันที โดยไม่คิดจะหันมาพูดอะไรกับหล่อนเลยแม้แต่คำเดียว รำไทยนั่งอึ้งอยู่นานกว่าจะก้าวลงมาจากรถได้

“ไม่ได้ไปทำงานหรือพ่อภาม”

เสียงนุ่มอบอุ่นที่หล่อนจำได้ดีว่าเป็นเสียงของคุณน้าพราวฟ้าดังขึ้นด้านใน และมันก็ทำให้รำไทยเป่าปากออกมาด้วยความโล่งอกเลยทีเดียว

ในที่สุดก็ไม่ต้องเคว้งคว้างแล้วเรา...

“ผมลืมเอกสารสำคัญเอาไว้น่ะครับ ก็เลยรีบกลับมาเอา...”

ภามินรีบก้าวเท้าขึ้นบันได แต่แล้วก็ชะงักและหันหน้ากลับมาหามารดาที่นั่งอยู่ในห้องโถงอีกครั้ง

“มีแขกคุณแม่มาครับ อยู่หน้าตึกแนะ”

“ใครหรือพ่อภาม” พราวฟ้าละสายตาจากคู่มือทำขนมหวานขึ้นมองบุตรชายด้วยความสงสัย

ภามินแค่นยิ้มน้อยๆ “ก็คุณแม่นัดใครไว้ล่ะครับ” พูดจบก็ก้าวขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมาตอบคำถามใดๆ ของมารดาอีกเลย

“คนที่นัดไว้หรือ? หนูรำไทยกับหนูมารัน...”

เจ้าของบ้านวัยกลางคนระบายยิ้มออกมา และรีบลุกขึ้นยืน กำลังจะเดินออกไปหน้าตึกแต่ร่างอรชรของรำไทยที่เดินกะโผลกกะเผลกก็ปรากฏตัวขึ้นซะก่อน พราวฟ้าฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

“หนูรำไทย... มานี่มานั่งกับน้านี่จ้ะ”

พร้าวฟ้ารีบชักเชิญเสียงตื่นเต้น รำไทยยกมือไหว้ด้วยความอ่อนน้อม ขณะลากสังขารที่ยังเจ็บอยู่มาทรุดนั่งลงตรงหน้าของพราวฟ้าได้สำเร็จ

“ขาหนูเป็นอะไรไปล่ะ ทำไมเดินกะเผลกพิกล”

รำไทยยิ้มบางๆ ส่ายหน้าน้อยๆ “อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นอะไรแล้ว”

พราวฟ้าพยักหน้ารับ ก่อนจะทำท่าชะเง้อชะแง้ราวกับมองหาใครบางคน “แล้วนี่หนูรันไม่มาพร้อมกันหรอกเหรอ” คำถามของสตรีต่างวัยตรงหน้าทำเอารำไทยถึงกับต้องก้มหน้าหลบตาเลยทีเดียว

“เอ่อ... คุณรันจะตามมาทีหลังค่ะ”

“แต่หนูรันต้องไปทานข้าวกับพ่อโรมเย็นนี้นี่นา... แล้วจะมาทันเหรอ”

เสียงของพราวฟ้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง รำไทยฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดนัก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น

“คุณรันบอกว่าให้หนูไปแทนค่ะ เธอฝากของมาให้คุณโรมพัทด้วย”

คำตอบของรำไทยไม่ได้ทำให้แค่พราวฟ้าต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจคนเดียว แต่ผู้ชายที่พึ่งเดินลงมาจากบันไดก็ถึงกับต้องเหลียวมองด้วยอีกคน

“หนูหมายความว่ายังไงจ๊ะ น้างงจังเลย...”

“เอ่อ...”

“อย่าบอกนะว่าที่มานี่จะมาเป็นตัวแทนของน้องรันไปดินเนอร์กับพี่โรมน่ะ...”

เสียงกระด้างของภามินที่ดังขึ้นที่ปากประตูห้องโถงทำให้สองสาวต่างวัยหันขวับไปมองพร้อมๆ กับ และก็ได้เห็นความเหยียดหยาม ดูแคลนบนใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มๆ ตา

“ทุเรศสิ้นดี...”

“ทำไมว่าน้องแบบนั้นล่ะพ่อภาม น่าเกลียดจังเลย”

พราวฟ้าเห็นรำไทยหน้าซีดเผือดก็รีบเอ็ดตะโรบุตรชายคนเล็กทันที แต่เจ้าหมอนี่มันยอมฟังใครที่ไหนกันล่ะ ไม่รู้ตอนตั้งท้องหล่อนเผลอกินอะไรแสลงเข้าไป พ่อนี่ถึงได้เอาแต่ใจสุดฤทธิ์สุดเดชแบบนี้

“ความจริงไม่ใช่สิ่งน่าเกลียดนี่ครับ แต่คนที่ทำเป็นหงิมๆ ติ๋มๆ แต่ข้างในเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานมากกว่าครับที่น่าเกลียด ผมไปล่ะ”

ภามินพูดทิ้งท้ายเอาไว้ได้อย่างเจ็บแสบ ก่อนจะพาตัวเองเดินหายออกไป เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มและเคลื่อนตัวออกไปทำให้หล่อนรู้ว่าจอมมารไปแล้ว

พราวฟ้าถอนใจออกมาด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะหันไปปลอบใจรำไทยที่นั่งตาแดงๆ อยู่ข้างๆ ด้วยความสงสารสุดกำลัง

“อย่าคิดมากเลยนะหนูรำไทย ลูกชายของน้าคนนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ ปากร้ายไปเรื่อย แต่เขาไม่มีอะไรหรอกนะ เป็นคนใจดีมากอีกต่างหาก”

แม้จะไม่เห็นว่าภามินจะมีจิตใจดีอย่างที่พราวฟ้าสาธยายแค่ไหน แต่รำไทยก็เก็บความคิดนั้นเอาไว้แต่เพียงในใจ ก่อนจะพยักหน้ารับน้อยๆ ด้วยความเซื่องซึม

“หนูไม่ติดใจอะไรหรอกค่ะ”

“แล้วนี่บอกได้ไหมว่าทำไมหนูรันถึงส่งหนูมาแทนล่ะ ในเมื่อหนูรันต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของพ่อโรม ไม่ใช่หนูสักหน่อย รำไทย...”

หญิงสาวก้มหน้านิ่งอยากจะบอกอยากจะพูดทุกอย่างออกไปแต่ก็ทำไม่ได้จำต้องเก็บไว้ในใจอย่างเดียว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป