บทที่ 5 ตอนที่ 5

“หนูก็ไม่ทราบหรอกค่ะ คุณรันบอกเพียงแต่ว่าจะตามมาทีหลัง และให้หนูไปพบคุณโรมพัทแทนค่ะ แต่เธอฝากของมาให้คุณโรมพัทด้วยนะคะ เหตุผลของการกระทำทุกอย่างของคุณรันน่าจะอยู่ในนั้นค่ะ” แม้จะเป็นเพียงแค่การสันนิษฐานแต่มันก็ทำให้พราวฟ้าคล้อยตามได้

“งั้นเย็นนี้หนูก็ไปดินเนอร์กับพ่อโรมก็แล้วกันนะ เดี๋ยวน้าจะให้พ่อภามขับรถไปส่ง”

“ไม่ต้องค่ะ หนูไปเองจะสะดวกกว่า”

สาวน้อยรีบค้านทันควันเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ผู้ชายแสนอันตรายอย่างภามินอีก ยิ่งอยู่ใกล้หัวใจก็ทั้งเจ็บปวด ทั้งเต้นแรงจนหล่อนเหนื่อยจับจิต

“หนูไปถูกเหรอ ตอนนี้พ่อโรมอยู่พัทยาเชียวนะ”

รำไทยอ้าปากค้าง ใบหน้างามเต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “พัทยาหรือคะ? หนูนึกว่านัดกันที่กรุงเทพฯ เสียอีก”

พราวฟ้าส่ายหน้าอมยิ้มบางๆ “ถ้าเป็นที่กรุงเทพฯ น้าคงเลื่อนนัดแล้วเรียกพ่อโรมกับมาที่บ้านแล้วล่ะ แต่นี่พ่อโรมมีงานด่วนที่พัทยาและต้องอยู่ที่นั่นอีกหลายวันเลยทีเดียว ทีเนี้ยให้พ่อภามไปส่งได้หรือยังจ๊ะหนูรำไทย”

ไม่มีทางเลือก... ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ หรือสำหรับหล่อน...

“ค่ะ น้าพราว...”

ก้มหน้ามองมือตัวเองที่ประสานเอาไว้บนตักนิ่ง หัวใจเต้นรุนแรงปะทะเข้ากับหน้าอก มือไม้เย็นเฉียบเมื่อนึกช่วงเวลาที่จะต้องอยู่กับผู้ชายที่ชื่อภามินอีกครั้ง หากเป็นไปได้หล่อนอยากจะอยู่ให้ไกลจากผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่แทบจะกระชากลมหายใจออกจากปอดของหล่อนจนหมดเพียงแค่ได้สบตา

“ดีมากจ้ะ อย่างนั้นเดี๋ยวน้าจะให้แม่บ้านพาหนูขึ้นไปพักผ่อนนะ นี่แม่ทับทิมมานี่หน่อย” พราวฟ้าพูดกับหล่อนแล้วก็หันไปควักมือเรียกหญิงผมสีดอกเลาร่างท้วม

“มีอะไรให้อิฉันรับใช้หรือคะคุณผู้หญิง”

หญิงผมสีดอกเลาร่างท้วมเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล ขณะชำเลืองมองใบหน้างดงามของรำไทยด้วยความทึ่งจัด ผู้หญิงอะไรสวยบาดตาจริงๆ

“พาหนูรำไทยขึ้นไปพักผ่อนนะ เอาห้องใกล้ๆ กับพ่อภามนั่นแหละ”

รำไทยหน้าแดงก่ำ ขณะที่แม่บ้านวัยชราพยักหน้าและยิ้มอย่างเข้าใจ

“ได้ค่ะคุณผู้หญิง เชิญค่ะคุณรำไทย”

หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกมือไหว้ลาพราวฟ้า และเดินตามหญิงชราร่างท้วมขึ้นบันไดไปอย่างไม่มีทางเลือก

พราวฟ้ามองตามร่างอรชรของรำไทยด้วยสายตาพึงพอใจ “เด็กอะไรเรียบร้อย น่ารักเหลือเกิน อย่างนี้ต้องขอยายมุกมาเป็นลูกสะใภ้อีกสักคนแล้วล่ะ”

ฝ่าเท้าบอบบางของรำไทยค่อยๆ เหยียบย่ำลงไปบนพรมสีเขียวเทอร์ควอยซ์ที่ถูกปูไว้ตลอดทางเดินด้วยความระมัดระวังยิ่งยวดทำราวกับว่าเจ้าพรมราคาแพงระยับนี้จะแตกหักเพราะผู้หญิงไร้ราคาเช่นตนเองอย่างนั้นหากตนเองเหยียบย่ำลงไปแรงๆ

“ห้องนี้คือห้องของคุณภามค่ะ”

แม่บ้านผมสีดอกเลาพูดทำลายความเงียบขึ้น ขณะพาหล่อนเดินผ่านประตูห้องๆ หนึ่งมา และมาหยุดที่อีกห้องหนึ่งที่อยู่ถัดมาเพียงห้องเดียว

“และนี่คือห้องพักของคุณค่ะ คุณรำไทย...”

แล้วแม่บ้านร่างท้วมคนเดิมก็ไขกุญแจห้องตรงหน้า จากนั้นก็เปิดประตูไม้ขนาดใหญ่ออก และก้าวเข้าไปภายในห้อง รำไทยรีบเดินตามเข้าไป

“ห้องนี้ค่อนข้างเล็กไปหน่อยนะคะหากเทียบกับห้องของคุณๆ ทั้งหลาย แต่อิฉันคิดว่าคุณคงอยู่ได้”

ห้องนี้น่ะหรือเป็นห้องแคบๆ ห้องเล็กๆ มันใหญ่โตมากต่างหาก นี่หากเล่นซ่อนหากันในนี้คงต้องใช้เวลานานเลยทีเดียวกว่าจะหากันเจอ

“หนูอยู่ได้ค่ะป้า มันใหญ่โตกว่าที่หนูเคยอยู่อีกค่ะ ขอบคุณมากนะคะป้า...”

รำไทยยิ้มบางๆ ให้กับแม่บ้านวัยชราก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ด้วยความอ่อนน้อม ทับทิมเห็นแล้วก็ตกใจรีบยกมือขึ้นรับไหว้แทบไม่ทัน

“มาไหว้อิฉันทำไมกันคะ คุณเป็นแขกของคุณผู้หญิงนะคะ”

“ก็ป้ามีน้ำใจกับหนูนี่คะ”

ทับทิมมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยความพึงพอใจที่ปิดไม่มิด เด็กสาวคนนี้อ่อนน้อมดีเหลือเกิน แถมยังสวยราวกับนางในวรรณคดีอีก นี่ถ้ามาเป็นนายหญิง ไม่ว่าจะเป็นนายหญิงใหญ่ หรือว่านายหญิงเล็กก็คงจะดีไม่น้อย

“มันเป็นหน้าที่น่ะค่ะ เอ่อ แล้วนี่คุณจะอยู่สักกี่วันล่ะคะ หรือว่าอยู่ตลอดไป”

หญิงสาวรีบส่ายหน้าทันควัน “แค่เดือนเดียวเองจ้ะป้า พอดีน้าพราวให้หนูมาช่วยสอนวิธีทำขนมน่ะจ้ะ”

แม่บ้านร่างท้วมพยักหน้ารับน้อยๆ ขณะเดินไปเปิดหน้าต่างห้องให้ และหันกลับมาจ้องหน้ารำไทยอีกครั้งหนึ่งด้วยรอยยิ้มละไม

“ไม่ยักรู้นะคะว่าคุณยังสาวแบบนี้จะถึงขั้นเป็นอาจารย์สอนทำขนมด้วย น่าทึ่งจังค่ะ อย่างนี้แฟนรักแฟนหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ”

สาวน้อยยิ้มอายๆ “หนูยังไม่มีแฟนหรอกค่ะ... หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือยังไม่เคยมี”

“โห ไม่ได้ยินกับหูไม่เชื่อนะคะเนี่ย คนสวยๆ แบบคุณไม่มีแฟนได้ยังไงกันคะ สงสัยผู้ชายที่โคราชตาบอดกันทั้งเมืองแน่ๆ เลย” น้ำเสียงของทับทิมเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ จนรำไทยต้องย้ำชัดๆ อีกครั้ง

“ไม่มีจริงๆ ค่ะ แล้วหนูก็ไม่ได้สวยขนาดที่ผู้ชายจะมองแล้วเหลียวหลังแบบนั้นหรอกค่ะ”

“อย่าถ่อมตัวหน่อยเลยค่ะ ตั้งแต่อิฉันเกิดจนแก่ปูนนี้แล้วยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวยจับตาเท่าคุณมาก่อนเลย นี่ถ้าคุณโรมพัท หรือคุณ   ภามินได้เห็นนะ อิฉันว่ามีศึกชิงนางแน่ๆ”

รำไทยส่ายหน้าพรืดเลยทีเดียว “หนูไม่อาจเอื้อมหรอกค่ะ แล้วคุณโรมพัทก็มีคู่หมั้นอยู่แล้วด้วย”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป