บทที่ 5 บทที่ 5
ละอองฝนตื่นขึ้นมาในยามอรุณรุ่งของเช้าวันใหม่ที่เคล้าคลอไปด้วยเสียงนกร้องจิ๊บๆ และเพียงแค่ร่างเล็กขยับเบาๆ ก็ต้องรีบสูดปากออกมาด้วยความเจ็บร้าวไปทั้งกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อมือและปลายคางที่ถูกมือแข็งแรงบีบจนแทบจะแตกหักเมื่อคืนนี้ เธอถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะลุกไปเปิดไฟแล้วก็ต้องนิ่วหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าข้อมือเล็กๆ ของตัวเองมีรอยเขียวจ้ำๆ ซึ่งนั่นก็เป็นหลักฐานชั้นดีว่าเมื่อคืนนี้เธอเจอการคุกคามมาจริงๆ แต่สาวน้อยก็ไม่มีเวลาจะมาอนาทรต่อความเจ็บของตัวเองมากนัก ด้วยหน้าที่ในครัวยังรออยู่
ร่างบอบบางลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว แล้วออกไปช่วยงานในครัวอย่างที่ทำเป็นปกติทุกวันหลังจากเสร็จเธอก็ต้องไปช่วยเสิร์ฟอาหารและคอยอำนวยความสะดวกที่โต๊ะ ก่อนจะกลับเข้ามานั่งกินในครัวคนเดียว เจ้าของบ้านไม่ได้บอกให้เธอทำงานนี้ แต่คนที่ออกคำสั่งก็คือ ‘คุณ’ โดยให้เหตุผลว่าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ซึ่งละอองฝนก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด สาวน้อยกลับรู้สึกโล่งใจเสียอีกที่ไม่ต้องนั่งร่วมโต๊ะอาหารเพราะเธอคงจะกลืนข้าวไม่ลงถ้าถูกสายตาดุๆ ของเมสันจ้องมองเหมือนคาดโทษอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งตอนอยู่ที่ประเทศไทยเธอก็ตื่นมาช่วยยายกับน้าทำอาหารเพื่อไปขายที่ตลาดเป็นประจำอยู่แล้ว
เมื่อได้เวลาละอองฝนก็ช่วยแม่บ้านและสาวใช้ลำเลียงอาหารออกมาตั้งโต๊ะ พอเจ้านายทั้งสามนั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันครบ สาวใช้ก็ทำหน้าที่เสิร์ฟอาหาร ส่วนละอองฝนทำหน้าที่รินน้ำให้ทุกคน
“นั่นข้อมือไปโดนอะไรมาน่ะออม ทำไมมันถึงได้เขียวคล้ำแบบนั้น”
แพรวดาวถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าข้อมือเล็กๆ ของลูกสาวมีร่องรอยฟกช้ำตอนที่เธอยื่นมือมารินน้ำ
“เอ่อ...คือ...เมื่อคืนออมนอนละเมอตกเตียงค่ะ แขนก็เลยฟาดกับขอบเตียง” สาวน้อยจำต้องพูดปดกับผู้เป็นมารดา และอดที่จะปรายหางตาชำเลืองมองไปทางต้นเหตุไม่ได้ เห็นเขาทำหน้านิ่งขรึมเงียบเฉยเหมือนกับหุ่นยนต์ก็ยิ่งใจไม่ดี
“แน่ใจเหรอ?” แพรวดาวหรี่ตาลงแคบๆ ด้วยความสงสัยมากขึ้นเมื่อเห็นละอองฝนมองไปทางเมสัน“แต่คุณว่าร่องรอยมันเหมือนกับถูกกระชากนะ”
“จริงๆ ค่ะคุณ” ละอองฝนพยายามทำเสียงหนักแน่น แล้วก็ถอยห่างออกไปยืนข้างๆ โต๊ะอาหารเพราะไม่อยากโดนซักไซ้ไปมากกว่านั้น ด้วยกลัวว่าจะแสดงพิรุธออกมาให้แพรวดาวได้เห็น เนื่องจากปกติเธอเป็นคนที่โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย
“ก็แล้วไป แต่อย่าให้คุณรู้นะว่าแอบไปทำอะไรโดยที่ไม่บอกคุณ”
คนเป็นแม่สำทับเสียงเข้ม ทั้งขู่ลูกสาวและเหมือนตั้งใจจะให้กระทบไปถึงคนที่นั่งทำหน้าตายอยู่ตรงข้ามกลายๆ
“ละอองฝนก็คงจะชอบ ‘แอบ’ ทำอะไรเหมือนอย่างที่คุณชอบนั่นแหละ”
เมสันที่นั่งนิ่งอยู่นานพูดขึ้นด้วยเสียงห้าวดุดัน ริมฝีปากหยักเหยียดได้รูปคล้ายจะเยาะ
“คุณเมสัน!”
แพรวดาวที่ทำเสียงเข้มอยู่เมื่อครู่นี้หน้าซีดเผือดลง กลัวเขาจะพูดในสิ่งที่เธอไม่อยากให้พูด ไม่อย่างนั้นเธอกับละอองฝนคงจะได้ระเห็จออกไปจากบ้านหลังนี้เป็นแน่ เพราะคำพูดของลูกชายที่เป็นคนจริงจังอย่างเมสันต้องน่าเชื่อถือมากกว่าภรรยาใหม่อย่างเธออยู่แล้ว
“มีอะไรที่พ่อไม่รู้หรือเปล่า?” ไวแอตหันไปทางเมสันเมื่อรู้สึกว่าหัวข้อสนทนานั้นเริ่มกำกวมและอยู่นอกเหนือจากเรื่องที่เขารู้
“ผมว่าให้ภรรยาของพ่อตอบเองจะดีกว่านะ”
“เอ่อ...คือคุณเมสันคงจะหมายถึงเรื่องที่แพรวแอบถักเสื้อกันหนาวให้คุณน่ะค่ะไวแอต” แพรวดาวรีบหาทางออกให้ตัวเองทันที
“ความจริงแพรวตั้งใจว่าจะเซอร์ไพรส์วันเกิดของคุณ แต่พอดีคุณเมสันไปเห็นเข้าเสียก่อน ก็เลยไม่เซอร์ไพรส์เลย”
คำตอบของผู้เป็นภรรยาทำให้ท่าทีเคลือบแคลงสงสัยของไวแอตเปลี่ยนไปโดยพลัน ใบหน้าและน้ำเสียงที่ดูเครียดๆ เมื่อครู่นี้กลายเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาทันที
“อย่างนั้นเองหรอกเหรอที่รัก”
“ค่ะ...แต่สงสัยแพรวต้องหาของขวัญให้คุณใหม่แล้วล่ะค่ะ” แพรวดาวได้ทีรีบทำเสียงและสายตาอ้อนๆ ใส่สามี
“ไม่เป็นไรหรอกที่รัก คุณอุตส่าห์ตั้งใจทำให้ทั้งที...”
ไวแอตบอกอย่างอ่อนโยนรักใคร่ ในขณะที่คนมีชนักติดหลังแอบระบายลมหายใจออกมาเบาๆ เป็นเชิงโล่งอกที่เอาตัวรอดจากสถานการณ์นั้นไปได้อย่างหวุดหวิด
ละอองฝนที่ยืนฟังเงียบๆ รู้สึกสงสารและเห็นใจไวแอตยิ่งนัก แต่จะให้โกรธเกลียดผู้เป็นแม่นั้นเธอก็ทำไม่ได้ สาวน้อยลอบมองไปทางเมสันอีกครั้ง เห็นประกายตาของเขามีร่องรอยการเหยียดหยามเจืออยู่อย่างเปิดเผย ก็ยิ่งสะท้อนใจในการกระทำของมารดาเหลือเกิน
“แล้วนี่แกจะไปรับเทเรซ่ากับธัญญ่าเลยหรือเปล่า” ไวแอตเอ่ยถามลูกชายหลังจากรับประทานอาหารเช้าอิ่มแล้วโดยยกกาแฟขึ้นมาจิบขณะรอคำตอบ
“ผมคงไม่ไปเอง พอดีผู้จัดการฟาร์มโทร.มาบอกว่าเมื่อคืนพรีมโรสตกลูก ตัวนี้เป็นลูกของเจ้าเฮดีส ผมก็เลยว่าจะแวะไปดูสักหน่อย ส่วนเทเรซ่ากับธัญญ่าเดี๋ยวผมจะให้เอเดรียนไปรับ”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ เห็นม้าสำคัญกว่าคู่หมั้น” ผู้เป็นพ่อนิ่วหน้าเป็นเชิงประชดลูกชายคนเดียวออกมาตรงๆ
“ใครไปรับก็มาถึงเหมือนกันนั่นแหละ ผมขอตัวก่อนนะ”
ว่าแล้วร่างกำยำก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินไปหยิบเอาหมวกปีกใบใหญ่แบบคาวบอยที่แขวนอยู่หน้าประตูทางออก ก้าวดุ่มตรงไปขึ้นรถจี๊ปซึ่งจอดอยู่หน้าคฤหาสน์ ก่อนจะเหยียบคันเร่งและบังคับพาหนะคู่ใจไปยังฟาร์มโดยไม่คิดจะไยดีอะไรอีก
“ที่คุณคุยกับคุณเมสันเมื่อครู่นี้หมายความว่ายังไงเหรอคะไวแอต”
แพรวดาวรีบหันมาถามสามีด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างไม่ชอบใจเมื่อรู้ว่าคู่หมั้นของเมสันกำลังจะมาที่นี่
“เทเรซ่ากับธัญญ่าจะมาอยู่กับเราสักระยะ”
