บทที่ 2 Chapter 2
5 ปีผ่านไป
“ไม่เอา ไม่กิน ไม่กิน...เพล้ง”
เสียงจานตกกระแทกพื้นดังขึ้นหลังจากเสียงเอาแต่ใจของเด็กชายอัลบาโร เดอมาร์ชีจบลง ลิซ่าส่ายหน้าอย่างระอาในนิสัยของคนที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่สามเดือนใจแทบขาด แต่ก็รู้ว่าตีไม่ได้
ร่วมห้าปีแล้วที่ลิซ่าทำหน้าที่พี่เลี้ยงอัลบาโร เด็กชายที่ถูกเลี้ยงดูด้วยเงินมากกว่าความรัก อัลบาโรได้เงิน ได้ของเล่นมากกว่าได้อ้อมกอดของคนเป็นพ่อ ที่วันหนึ่งแทบจะไม่ได้เห็นหน้ากันเลย เมื่อการเห็นหน้าเป็นเรื่องที่ยาก เรื่องการถูกอุ้มชู หยอกเย้าเล่นด้วยระหว่างพ่อลูกลืมไปได้เลย เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้น การสั่งสอนอบรมบ่มนิสัยจึงไม่มีตามไปด้วย ไม่แปลกที่อัลบาโรมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองแบบสุดโต่ง อยากได้อะไรต้องได้ เกเร ไม่กลัวใคร
การทำลายข้าวของเป็นอีกหนึ่งนิสัยของอัลบาโร ยามไม่ได้ดังใจ ถูกขัดใจ เด็กชายมักทำลายของใกล้มือเสมอ ยิ่งระยะสามเดือนมานี้ยิ่งมีมากขึ้น ดูเหมือนอารมณ์ของอัลบาโรจะรุนแรงมากขึ้นทุกวัน หากไม่มีใครอบรมหรือป้องปราม รับรองได้ว่า เด็กชายจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่นิสัยเลวคนหนึ่ง
“อัลบาโรอยากกินอะไรบอกฉันสิ ฉันจะได้ทำให้กิน” ลิซ่าถามอย่างใจเย็น
“ไม่กิน ไม่อยากกิน” เสียงนั้นยังคงความเอาแต่ใจ
“ถ้าไม่กินก็ไปขึ้นรถ จะได้ไปโรงเรียน”
ลิซ่าบอก อัลบาโรกระโดดลงจากเก้าอี้ คว้าหุ่นยนต์ตัวโปรด ก้าวเดินออกจากห้องทานอาหารไปยังรถยนต์ที่จอดรอหน้าบ้าน เด็กชายก้าวขึ้นไปบน ลิซ่าที่เดินถือกระเป๋านักเรียนก้าวขึ้นรถตามไป โดยมีจัสโก้ทำหน้าที่พลขับ
อีกยี่สิบห้านาทีต่อมา รถยนต์คันเดิมแล่นมาจอดหน้าโรงเรียน อัลบาโรยังไม่ลงจากรถ เด็กชายมองเพื่อนร่วมชั้นเรียนและเพื่อนร่วมโรงเรียนที่ส่วนใหญ่มีพ่อแม่มาส่ง พวกเขาได้รับรอยยิ้ม ได้รับอ้อมกอดและการโบกมือลาจากบุพการี อัลบาโรอิจฉาเพื่อนทุกคน เพราะตนไม่เคยได้รับสิ่งนั้นเลย และอยากสัมผัสสิ่งที่ตัวเองมองเห็นสักครั้ง อยากรู้ว่า ตนจะรู้สึกอย่างไร
“มองอะไรอัลบาโร” ลิซ่าถาม
“ทำไมป๊ะป๋าถึงไม่มาส่งผมบ้างครับ”
ลิซ่าหันมามองหน้าจัสโก้ ที่มีความรู้สึกตรงกันว่า สงสารและเห็นใจอัลบาโรมาก แล้วเข้าใจความรู้สึกของเด็กชายด้วยว่าเป็นอย่างไร ทว่าคำถามนี้อัลบาโรควรถามฟรานเซสโก้มากกว่า
“คุณฟรานโก้งานยุ่งครับก็เลยมาส่งอัลบาโรไม่ได้”
“ป๊ะป๋าก็ยุ่งทุกวัน หลายวันแล้วที่ผมไม่ได้เจอป๊ะป๋า”
ลิซ่าไม่รู้จะพูด จะปลอบอัลบาโรยังไง ไม่ใช่ว่าฟรานเซสโก้จะยุ่งจนไม่มีเวลาให้ลูกชาย ต้องพูดว่าเขาทำตัวไม่ว่างเอง หลังเลิกงานก็ไปเที่ยว ไปสังสรรค์กับเพื่อน พอตกดึกเวลาทั้งคืนก็เป็นของสาวสวยที่เข้ามาในชีวิตแทบไม่ซ้ำหน้า วันหยุดก็ไม่เคยอยู่บ้าน หรือถ้าอยู่ก็ไม่เคยมาดูแลลูก ฟรานเซสโก้จะพักผ่อนอยู่แต่ในห้อง เขาทำตัวเหมือนชายโสด ไม่มีลูกให้ใส่ใจ
“เข้าโรงเรียนเถอะครับ จวนได้เวลาเรียนแล้ว” ลิซ่าตัดบท หากพูดต่อมีหวังเธอได้ร้องไห้เพราะความสงสารเด็กชายเอาแต่ใจแน่นอน
“แล้วจะบอกเรื่องนั้นกับคุณเซสโก้เมื่อไหร่”
จัสโก้ถามลิซ่า หลังจากอัลบาโรลงจากรถแล้ว สีหน้าคนถามหนักใจไม่แพ้คนตอบ
“ฉันจะบอกวันนี้แหละ คุณเซสโก้จะได้หาคนใหม่ทัน” ลิซ่าตอบ ขณะสายตามองไปยังเด็กชายที่ตนเลี้ยงดูมาหลายปี “แต่ฉันไม่คิดว่าจะมีใครทนนิสัยอัลบาโรได้ ขนาดฉันเลี้ยงมาตั้งแต่สามเดือนบางครั้งยังทนไม่ไหว”
น้ำตาลิซ่าคลอเบ้า เรื่องนั้นที่จัสโก้พูดถึงคือ ลิซ่ากำลังจะแต่งงานในเดือนหน้านี้ หากแต่งงานแล้วอยู่เมืองนี้ก็คงไม่เป็นปัญหา ทว่าเธอต้องไปอยู่กับสามีที่โบโลญญา ลิซ่าจึงไม่สามารถทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กต่อไปได้ ลิซ่าเสียใจมิน้อยแต่ก็ต้องเลือกชีวิตคู่ของตน
“เรื่องทนนิสัยคุณอัลบาโรได้หรือไม่ ฉันว่านะ งานนี้ฉันคงหาคนเลี้ยงเด็กจนเหนื่อยแน่ๆ”
มันไม่ผิดไปจากที่จัสโก้พูด ขนาดเขาเองเห็นอัลบาโรมาตั้งแต่เด็ก บางครั้งเห็นฤทธิ์เดชของเจ้านายตัวน้อยแล้วถึงกับส่ายหัว เขายอมรับว่า ลิซ่ามีความอดทนมาก มากกว่าใครในบ้าน พี่เลี้ยงคนใหม่ไม่รู้ว่าจะทานทนอิทธิฤทธิ์ของอัลบาโรได้มากน้อยแค่ไหน อาจทนไม่ได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับหน้าที่ก็เป็นได้
ฟรานเซสโก้ เดอร์มาชี เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสายการบิน ให้บริการเครื่องบินส่วนตัวสุดหรูแก่เศรษฐีทั้งหลายเลิกคิ้วแปลกใจ เมื่อได้รับรายงานจากเลขาว่า ลิซ่าพี่เลี้ยงลูกชายของตนขอเข้าพบ ลิซ่าไม่เคยมาหาเขาที่ทำงาน มีอะไรจะพูดที่บ้านหรือไม่ก็พูดคุยทางโทรศัพท์ การที่เธอมาหาเขาที่บริษัทคงเป็นเรื่องด่วนที่สำคัญ ไม่เช่นนั้นคงไม่มา
“นั่งสิ มาถึงนี่มีธุระอะไร” ฟรานเซสโก้ไม่รีรอ เขารีบถาม
“ฉันจะมาคุยกับคุณเรื่องอัลบาโร”
“คุยเรื่องลูกชายฉัน” เขายิ่งทำหน้าแปลกใจมากขึ้น “เรื่องอะไร”
“คุณคงลืมไปแล้วว่าฉันทำหน้าที่พี่เลี้ยงอัลบาโรแค่สุดสัปดาห์นี้ เพราะฉันต้องเตรียมตัวแต่งงาน ต้องไปจัดการเรื่องบ้านและอีกหลายเรื่อง คุณหาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้หรือยังคะ” ลิซ่าบอกจุดประสงค์ให้เจ้านายหนุ่มรู้ ฟรานเซสโก้อึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง เขาลืมเรื่องนี้เสียสนิท เมื่อลิซ่าเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็รู้ได้ทันที “คุณลืมใช่ไหมคะ”
“ใช่ ฉันลืม” ฟรานเซสโก้ยอมรับตามตรง “เธอมีใครแนะนำไหม”
“มีค่ะ แต่ฉันคิดว่าเธอคงไม่รับงานนี้ เพราะเคยมาหาฉันและเห็นฤทธิ์อัลบาโรหลายครั้ง เพื่อนฉันขยาดที่จะเลี้ยงลูกชายของคุณค่ะ” ลิซ่าบอกตามตรง ฟรานเซสโก้อึ้งไปอีกรอบ เรื่องนิสัยของบุตรชาย เขารู้ดีแต่ไม่ใส่ใจ
“อืม ไม่เป็นไร ฉันหาเองได้” เขาคิดว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาพี่เลี้ยงคนใหม่ มีเงินซะอย่างสบายไปร้อยแปดอย่าง
“ฉันเคยบอกคุณแล้วว่า ให้หาก่อนที่ฉันจะออกสักครึ่งเดือนหรือไม่ก็หนึ่งอาทิตย์ อัลบาโรจะได้ปรับตัวกับพี่เลี้ยงคนใหม่ แล้พี่เลี้ยงก็จะได้เรียนรู้นิสัยใจคอของอัลบาโรไปในทีด้วย คุณหามาวันที่ฉันไม่อยู่ แล้วใครจะสอนงานล่ะคะ”
“ฉันคิดว่า ฉันจัดการได้ แค่พี่เลี้ยงเด็ก หาไม่ยากหรอก”
“ใช่ค่ะ หาไม่ยาก แต่หาที่มีน้ำอดน้ำทนและเลี้ยงลูกคุณได้น่ะสิคะที่ยากกว่า ยากมากด้วย”
ไม่มีใครรู้ข้อนี้ดีเท่าลิซ่า เนื่องด้วยเธอผ่านอะไรมามากมายกับการเลี้ยงเด็กคนนี้ เธอจึงคิดว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพี่เลี้ยงคนใหม่ที่ต้องรับมือเด็กเอาแต่ใจและฤทธิ์เดชสูงอย่างอัลบาโรได้
“ก็หาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอคนที่ทนลูกฉันได้ มีเงินซะอย่าง...สบาย”
เขาทำปากดี ทว่าในใจมีความกังวลสูง ลิซ่าหยุดพูดเรื่องนี้เมื่อเห็นความมั่นใจอันสูงส่งของเจ้านาย เธอเปลี่ยนหัวข้อการพูดคุยไปอีกเรื่องหนึ่ง
“ที่ฉันมาวันนี้ไม่ได้มาพูดแค่เรื่องนี้ค่ะ ฉันหาโอกาสคุยกับคุณหลายวันแล้ว แต่คุณทำตัวไม่ว่างเลย”
“ว่ามาสิ”
“ฉันพูดตรงๆ ในฐานะพี่เลี้ยงอัลบาโร เลี้ยงแกมาตั้งแต่สามเดือนจนถึงตอนนี้ห้าปี ฉันรู้นิสัยอัลบาโรดีทุกอย่างและทนแกได้ ที่แกมีนิสัยแบบนี้ส่วนหนึ่งมาจากคุณ คุณเป็นพ่อ แต่ไม่เคยทำหน้าที่พ่อ ที่คุณเลี้ยงดูแกเพราะคือหน้าที่เท่านั้น คุณไม่เคยให้ความรัก ความอบอุ่นหรือแม้แต่หน้าที่ที่แท้จริงของพ่อ ไม่แปลกค่ะที่ลูกคุณนิสัยแบบนี้ ฉันแนะนำว่าถ้าคุณไม่อยากมีปัญหาเรื่องหาพี่เลี้ยงบ่อยๆ ซึ่งมันเกิดขึ้นแน่ หากคุณไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่คุณทำอยู่ คุณสนใจแกบ้าง ให้ความอบอุ่นกับแกอีกสักนิด แล้วคุณจะไม่มีปัญหาเรื่องหาพี่เลี้ยงลูกมากวนใจ”
ลิซ่ารู้ดีว่า ไม่มีใครหรือสิ่งใดเปลี่ยนแปลงฟรานเซสโก้ได้ เขารักอิสระ ไม่ชอบผูกมัด ยิ่งมีลูกแบบไม่ทันตั้งตัว ลูกที่ไม่ได้เกิดมาจากความตั้งใจหรือความรัก ยิ่งทำให้ความรักความผูกพันไม่มี กลายเป็นคนคุ้นเคยที่แปลกหน้า
ข้อนี้ฟรานเซสโก้รู้ตัวดี เขารู้ว่าตนไม่ใช่พ่อที่ดี หรืออาจพูดได้ว่า เป็นพ่อใครไม่ได้ แล้วไม่รู้ว่า คนเป็นพ่อต้องทำอย่างไร นั่นไม่เท่ากับว่า เขาไม่ใส่ใจทำหน้าที่พ่อ ฟรานเซสโก้สะอึกไปคำโต แย้งลิซ่าไม่ได้เพราะมันคือเรื่องจริง
“วันนี้ฉันไปส่งอัลบาโรที่โรงเรียน แกมองเพื่อนๆ ที่มีพ่อแม่มาส่ง แกมองเห็นเพื่อนอยู่ในอ้อมกอดของพ่อกับแม่ แกอยากซึมซับความรู้สึกแบบนั้นบ้าง ถ้าคุณคิดว่าแกเป็นลูกและไม่ต้องการให้ระยะห่างความสัมพันธ์มีมากขึ้นกว่านี้ ฉันแนะนำให้คุณทำหน้าที่นั้นบ้าง อาทิตย์ละหนึ่งครั้งก็ยังดีค่ะ ให้แกมีความสุขเล็กๆ ในใจบ้าง ฉันสงสารอัลบาโรค่ะ แกไม่ใช่เด็กเลวร้ายอะไร แค่ขาดความรักความอบอุ่นเท่านั้นค่ะ” ลิซ่ายิ่งพูด เอยิ่งสงสารอัลบาโร “คุณย้อนมองดูตัวคุณเองสิคะ ตอนเด็กคุณมีทั้งพ่อและแม่ ได้รับความรักความอบอุ่นจากท่าน คุณมีความสุขหรือเปล่า หากถามตัวเองแล้วได้คำตอบว่ามี อัลบาโรก็ต้องการมันเช่นกันค่ะ แกขาดแม่ไปคนหนึ่งแล้ว อย่าให้แกรู้สึกขาดพ่อ ทั้งที่พ่อไม่ได้จากแกไปไหน อยู่บ้านเดียวกันด้วยซ้ำไป”
ลิซ่าพูดในเรื่องที่ตนอยากพูด เมื่อพูดจบก็สุดแต่ใจฟรานเซสโก้ว่า จะทำอย่างไร เพราะเธอไปข่มขู่หรือเขี่ยวเข็ญอีกฝ่ายไม่ได้ แล้วเรื่องนี้ต้องทำมาจากใจด้วยถึงจะได้ผล
“ขอบใจนะ สำหรับคำแนะนำ”
“เด็กเหมือนผ้าขาวนะคะ อัลบาโรตอนนี้เหมือนผ้าสีหม่นที่ทำให้เป็นสีขาวได้ แต่ถ้าคุณทิ้งขว้างแกแบบนี้ รับรองว่าแกจะเติบโตมาเป็นผ้าสีดำสนิท พอถึงตอนนั้นคนที่จะเสียใจที่สุดก็คือคุณค่ะ” ลิซ่ายังมีคำทิ้งท้ายที่ทำให้ฟรานเซสโก้ถึงกับพูดไม่ออก “แต่คุณอาจไม่เสียใจก็ได้ค่ะ เพราะคุณไม่ใส่ใจ ไม่สนใจผ้าผืนนั้นว่าจะเป็นสีอะไร คุณทำให้แกเกิดมา แล้วเป็นคนขยี้แกให้ต่ำตม ฉันมีเรื่องพูดกับคุณแค่นี้ค่ะ ขอบคุณนะคะที่สละเวลาให้ฉันได้พูด ฉันขอตัวนะคะ”
