บทที่ 2 Chapter 2

“รสโชคดีที่เจอคนอย่างเจ้านายของคุณ”

ความอิจฉาริษยา ความรุ่มร้อนยามพูดถึงญาติสาวไม่มีอีกแล้ว หากจะมีบ้างก็คงเพียงหมั่นไส้เล็กๆ กับสิ่งที่เดนิมกระทำ

ผู้หญิงทั้งโลกก็คงรู้สึกแบบที่พราวพิลาสกำลังรู้สึกเวลานี้ หากมีผู้ชายแบบเดนิมสักครึ่งค่อนโลก ผู้หญิงส่วนมากคงมีแต่ความสุข แม้เขาจะดุดันและร้ายกาจบ้าง หากกับคนที่รัก ผู้ชายร้ายกาจแบบเดนิมก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาพร้อมจะรักและปกป้องคนรักได้ดีมากมายขนาดไหน ใครไม่รู้สึกอิจฉาก็แปลกละ หญิงสาวคิดแล้วยิ้ม สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือ ในความอิจฉาก็ระคนไปด้วยความยินดีกับญาติสาวที่ในที่สุดก็ได้คนดีๆ มาเป็นคู่ครอง

“ไม่รู้ว่าฉันจะโชคดีแบบนั้นบ้างหรือเปล่า”

“โอ... พูดอะไรอย่างนั้น ผมมั่นใจเลยล่ะว่า มิสต้องโชคดีแน่”

“ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ อย่างน้อยๆ วันนี้ฉันก็โชคดีได้เพชรเม็ดโตแถมน้ำงามไม่มีที่ติ คุณว่ามั้ยมิสเตอร์ซุนนูร์”

หนุ่มเจ้าบ้านหัวเราะ ในความคิดเขา ใบหน้างดงามกับรอยยิ้มสว่างสดใสของสาวเจ้าดูจะมีราคามากกว่าหินในมือเธอเสียอีก ไม่มีชายใดในโลกนี้บังอาจมองข้ามไปได้แน่ เขามั่นใจ

เอี๊ยด!!!

เสียงหัวเราะประสานกันกับบรรยากาศสบายๆ หยุดชะงักทันที เสียงลากล้อของรถคันหน้าอันเกิดจากการเหยียบเบรกกะทันหัน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหวีดร้องกับเสียงกัมปนาทบาดลึกแทรกแซงแสงแดดอันแรงกล้าในยามเที่ยงวัน

“เกิดอะไรขึ้น!! ”

พราวพิลาสรีบยัดของในมือลงกระเป๋า ใบหน้าตื่นตระหนกกับน้ำเสียงร้อนรนเมื่อมองไปยังคันหน้าพบว่ามันเสียหลักแฉลบไปข้างทางซึ่งเป็นผืนทราย ฝุ่นสีแดงฟุ้งตลบ แต่ยังพอมองเห็นกลุ่มคนในเสื้อผ้าสีดำแบบชาวทะเลทราย บดบังหน้าตาด้วยผ้าสีเดียวกัน กระโดดลงมาจากรถกระบะคันหนึ่งที่วิ่งเข้ามาขวาง และที่น่าตกใจคือทุกคนมีอาวุธครบมือ

“เราถูกปล้น”

ซุนนูร์กัดฟันตอบ ตาวาวกล้าเคร่งเครียด เพราะความประมาทเลินเล่อของเขาเองที่พาทุกคนมาตกที่นั่งลำบาก กว่าจะรู้ตัว ทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว

คนชุดดำบางส่วนกระจายกันมายังรถคันหลัง ปืนเอ็มสิบหกในมือยกขึ้นเล็งมาในรถ เสียงสั่งรัวเร็วดังตามติด

พราวพิลาสตกใจเกินกว่าจะแปลคำพูดนั้นได้ ร่างสาวนั่งตัวสั่นตาเบิกกว้าง อาการขวัญหนีดีฝ่อเป็นเช่นนี้เอง เมื่อเธอไม่ทำตาม กระจกข้างรถจึงถูกทุบเต็มแรง

เพล้ง!!

“กรี๊ด!!! ”


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะจะคาตา มันหาได้สร้างความตื่นเต้น น่าตื่นตาตื่นใจเหมือนเวลาดูภาพยนตร์แอ็กชันบู๊ล้างผลาญ หัวใจในอกเต้นระทึกราวกับว่าในนั้นอัดแน่นด้วยภูเขาไฟลูกใหญ่ที่คุคั่งด้วยประจุลาวาร้อนและพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกวินาที หญิงสาวทำอะไรไม่ถูก จะดิ้นรนหนีหรือกรีดร้องให้คนช่วย ภาพตรงหน้าก็ไม่หายไปเหมือนเวลาฝันร้ายที่พอตื่นทุกอย่างกลับเป็นปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในเสี้ยววินาทีหวาดหวั่นนั้น ร่างบอบบางระเหิดระหงถูกกระชากจนปลิวถลาไปหาหนุ่มอาหรับเจ้าถิ่น เสียงเขาพูดอะไรสักอย่างที่เธอจับใจความไม่ได้ก่อนจะถูกกระชากลงจากรถฝั่งเดียวกับซุนนูร์ พวกผู้จู่โจมปิดหน้าเหลือเฉพาะลูกตาดุกร้าว คนหนึ่งกระแทกด้ามปืนใส่ศีรษะผู้จัดการหนุ่ม เลือดสดๆ แข่งกันไหลปรี่ลงมาตรงข้างแก้มเขา พวกมันอีกคนก็อัดซ้ำไปที่ท้องจนซุนนูร์ตัวงอก่องอขิง แล้วดวงตาดุดันนั้นตวัดมาทางเธอซึ่งยืนตัวสั่น

ซุนนูร์เห็นมันเอื้อมมือมาหาร่างบาง เขาถลันเข้าขวางหน้าไว้ เบี่ยงร่างเล็กไปซ่อนเบื้องหลัง เสียงห้วนคำรามใส่กลุ่มคนตรงหน้า ก่อนที่พวกมันจะตะคอกกลับมา พร้อมกับทำท่าถลันเข้าหา ในช่วงนาทีวิกฤตินั้น เสียงระรัวปืนดังขึ้นอีกชุด ชายชุดดำชะงัก ซุนนูร์อาศัยจังหวะนั้น ผลักร่างหญิงสาวออกห่าง

พราวพิลาสเซถลาเข้าหารถ แรงเหวี่ยงผลักดันร่างกายปะทะตัวรถ ศีรษะกระแทกกับเหล็กประตูทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือนฉับพลัน แม้เสียงหวีดร้องจะเรียกความสนใจจากชายหนุ่ม เขาไม่อาจทำอะไรได้ เมื่อมีกลุ่มคนอีกชุดเข้ามาสมทบ ท่ามกลางแสงจ้าของดวงตะวัน ความรางเลือนค่อยๆ ขาดหาย และกลายเป็นความมืดมิดในที่สุด เธอกรีดร้องสุดเสียง...

ไม่!!!

ร่างบางทะลึ่งพรวด ดวงตาคู่สวยด้วยความหวั่นหวาดรีบกวาดตามองไปรอบๆ หลังปรับสายตาให้ชินกับสภาพแวดล้อม เหงื่อกาฬมากมายขับออกมาทั่วกายจนรู้สึกชื้นชุ่ม หากสิ่งที่เห็นทำให้หญิงสาวขมวดคิ้ว

เธอฝัน...

สภาพแท้จริงแล้ว พราวพิลาสพบว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนผืนผ้านุ่มๆ ผืนใหญ่ภายในโดมที่ทำด้วยผ้าเนื้อหนา จากลักษณะที่เห็นเธอเดาว่าเป็นกระโจมชาวทะเลทรายแบบที่เธอเคยเห็นผ่านตามาก่อน เหตุการณ์สดใหม่ในความทรงจำ กระตุ้นเตือนให้หญิงสาวรีบตะลีตะลานลุกขึ้น เมื่อสำนึกได้ว่า เธอถูกจับตัวแน่แล้ว คนอื่นๆ อยู่ที่ไหน ซุนนูร์เป็นอะไรหรือเปล่า

“โอ๊ะ”

การขยับตัวเร็วเกินไป ศีรษะที่ได้รับการกระแทกจึงเกิดอาการมึนงง หน้ามืด เซแซดทรุดลงบนผ้าอีกครั้ง หากกระนั้นพราวพิลาสก็รีบยกมือปิดปากกั้นเสียงตัวเองไว้ ก่อนที่เสียงของเธอจะเรียกความสนใจจากบุคคลไม่พึงประสงค์ ร่างบางพยายามลุกขึ้นช้าๆ กระทั่งยืนได้มั่นคง

เธออยู่ที่นี่ไม่ได้ ต้องรีบไปก่อนที่พวกมันจะกลับมา หญิงสาวเคลื่อนกายผ่านม่านสีทึบออกมาชั้นนอกสอดส่ายตามองระแวดระวัง ไร้วี่แววสิ่งมีชีวิตใดในกระโจมหลังนี้ กระเป๋าใบเล็กวางอยู่มุมหนึ่ง มันเป็นของเธอนั่นเอง หญิงสาวเคลื่อนกายเบาๆ ไปคว้าเอามาสะพายไว้ทันที

บทก่อนหน้า
บทถัดไป