บทที่ 12: พนัน

คนที่อยู่ใกล้คุณภาวิตที่สุดกระซิบขึ้นเบาๆ

หลายคนขยับเข้ามาดูใกล้ๆ อย่างตั้งใจ

แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่เชื่อ:

“เป็นไปได้ยังไง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่หมอเถื่อนหรอกเหรอ? จะมีความสามารถช่วยคนที่แม้แต่คุณชลลดาก็ช่วยไม่ได้ได้ยังไงกัน?”

“ผู้หญิงคนนี้แค่ถอดเสื้อผ้าก็ช่วยคนได้แล้วจริงๆ เหรอ? ฉันไม่เชื่อหรอก”

“ล้อเล่นอะไรกัน! ผู้หญิงคนนี้ช่วยคนไม่เป็นหรอก”

เสียงไซเรนรถพยาบาลดังขึ้นจากด้านนอก เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์สองสามคนรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับเปลหาม

พิมพ์วดีตรวจสอบอาการของคุณภาวิตอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นจากพื้น แล้วส่งต่อข้อมูลอาการให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์:

“เมื่อสักครู่คนไข้เกิดภาวะหัวใจห้องล่างสั่นพลิ้ว ฉันได้ทำการทุบหน้าอกเพื่อกระตุ้นหัวใจ ตอนนี้หัวใจของคนไข้กลับมาเต้นเป็นปกติแล้ว แต่การรักษาหลังจากนี้ยังต้องให้พวกคุณตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งค่ะ”

เมื่อเห็นท่าทีที่เป็นมืออาชีพของพิมพ์วดี บางคนก็ถึงกับอึ้งไป พวกเขาคิดว่าตัวเองอาจจะเข้าใจเธอผิดไปจริงๆ คุณหนูที่เกิดในตระกูลแพทย์คนนี้มีความสามารถในการรักษาและช่วยชีวิตคนจริงๆ แถมยังเก่งกว่าชลลดาเสียอีก

แต่คนส่วนใหญ่ที่อยู่ด้านหลังซึ่งมองไม่เห็นอาการของคุณภาวิตอย่างชัดเจน กลับไม่เชื่อเลยว่าพิมพ์วดีจะช่วยคุณภาวิตไว้ได้จริงๆ

โดยเฉพาะพวกที่มีอคติกับการที่พิมพ์วดีฉีกกระโปรงและถอดเสื้อผ้า ยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ พวกเขาคิดว่าเธอแค่เสแสร้ง รอให้เจ้าหน้าที่พยาบาลพาคุณภาวิตไป ต่อให้ตอนนั้นคุณภาวิตตายไปจริงๆ พวกเขาก็เชื่อว่าพิมพ์วดีจะโยนความผิดไปให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์

“เป็นไปได้ยังไง? ผู้หญิงคนนี้จะช่วยคนเป็นได้ยังไง?”

“ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน อะไรคือภาวะหัวใจห้องล่างสั่นพลิ้ว ฉันไม่เคยได้ยินเลยว่าคุณภาวิตเป็นโรคหัวใจ”

“ฉันก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน ผู้หญิงคนนี้กำลังโกหกอยู่ พวกคุณอย่าไปเชื่อผู้หญิงคนนี้นะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากฉีกกระโปรงตัวเอง ถอดเสื้อของคุณภาวิต แล้วก็ใช้หมัดทุบคุณภาวิต ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย”

“คุณหมอคะ พวกคุณต้องตรวจให้ละเอียดนะคะ ยืนยันอาการของคุณภาวิตให้แน่ใจ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคุณภาวิตเป็นอะไรไปจริงๆ ผู้หญิงคนนี้จะใส่ร้ายว่าพวกคุณเป็นต้นเหตุการตายของคุณภาวิต แล้วพวกคุณจะเดือดร้อนนะคะ”

“ใช่ ต้องตรวจให้ละเอียด อย่าไปหลงกลผู้หญิงคนนี้”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าพิมพ์วดีกำลังจะทรมานคุณภาวิตจนตายจริงๆ

เธอมองไปรอบๆ แล้วยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “พวกคุณไม่เชื่อว่าฉันช่วยชีวิตคุณภาวิตไว้ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ไม่เชื่อ”

“พวกเราก็คือไม่เชื่อ”

“ในโลกนี้ ฉันเห็นหมอช่วยชีวิตคนมาเยอะแล้ว แต่ไม่เคยเห็นหมอคนไหนช่วยคนแบบเธอมาก่อนเลย ที่ต้องฉีกกระโปรงตัวเองก่อน แล้วค่อยไปถอดเสื้อคนไข้ ถ้าคุณภาวิตรอดชีวิตขึ้นมาได้เพราะวิธีแบบนี้จริงๆ นะ ฉันจะเต้นระบำเปลื้องผ้าให้ทุกคนดูตรงนี้เลย”

พิมพ์วดีฉีกกระโปรงเพื่อให้สะดวกต่อการคุกเข่าบนพรมเพื่อทำ CPR และปลดกระดุมเสื้อของคุณภาวิตเพื่อป้องกันไม่ให้ของตกแต่งบนเสื้อทำร้ายคุณภาวิตตอนที่เธอทุบหน้าอกเพื่อกระตุ้นหัวใจ แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่คนเหล่านี้เห็นกลับเป็นแค่การฉีกกระโปรง ถอดเสื้อผ้า ไม่ใช่การช่วยชีวิต

เดิมทีพิมพ์วดีรู้สึกทั้งขบขันและโกรธกับคำกล่าวหาและความไม่รู้ของทุกคน แต่พอได้ยินว่ามีคนจะเต้นระบำเปลื้องผ้า เธอก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ชักจะสนุกขึ้นมาแล้ว

เธอมองไปยังทิศทางที่มาของเสียงเมื่อครู่ “เมื่อกี้ใครพูดว่า ถ้าฉันช่วยคุณภาวิตไว้ไม่ได้ จะเต้นระบำเปลื้องผ้าโชว์ตรงนี้?”

“ฉันเอง!”

ชายร่างท้วมพุงพลุ้ย อายุราวสามสิบ เดินออกมาจากด้านหลัง เชิดคางมองพิมพ์วดี “ฉันเป็นคนพูดเอง ทำไม ไม่พอใจเหรอ?”

พิมพ์วดีมองเขาแล้วยิ้ม “เปล่าค่ะ ฉันแค่อยากจะถามว่า คุณจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า”

“ได้แน่นอน ผมวัฒนชัยพูดคำไหนคำนั้น ไม่เคยไม่รักษาคำพูด” ชายคนนั้นพูดอย่างผยองอก

“ดี งั้นเรามาพนันกัน ถ้าคุณภาวิตรอดชีวิตเพราะฉันจริงๆ คุณต้องเต้นระบำเปลื้องผ้าให้ทุกคนดูตรงนี้ การจูบกันมันจะน่าดูอะไร สู้เต้นระบำเปลื้องผ้าไม่ได้หรอก ตื่นเต้นกว่าเยอะ”

ขณะที่พิมพ์วดีพูดประโยคนี้ เธอก็เหลือบมองไปทางธนกรและชลลดา

ธนกรไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก เพียงแต่สีหน้าเย็นชาลงกว่าเดิม ส่วนชลลดานั้นจมูกแทบจะเบี้ยวด้วยความโกรธ:

นี่พิมพ์วดีกำลังท้าทายเธออยู่เหรอ?

เมื่อกี้เธอจงใจขัดขวางจูบแรกของเธอกับธนกร

พิมพ์วดีที่น่ารังเกียจ!

เธอคิดในใจอย่างเคียดแค้น สายตาเหลือบมองไปที่คุณภาวิตที่กำลังถูกเจ้าหน้าที่ยกขึ้นบนเปล

ตอนนี้คุณภาวิตนอนนิ่งไม่ไหวติง ดูไม่เหมือนคนที่รอดชีวิตเลยสักนิด

คุณภาวิตคงยังไม่รอดชีวิตหรอกมั้ง?

ชลลดาคิดในใจ พร้อมกับหวังว่าคุณวัฒนชัยคนเมื่อกี้จะยื่นข้อเสนอของตัวเองออกมา ถ้าพิมพ์วดีแพ้ หวังว่าคุณวัฒนชัยจะลงโทษเธออย่างสาสม

คุณวัฒนชัยไม่ทำให้เธอผิดหวัง เขามองพิมพ์วดีแล้วถามว่า:

“ถ้าเธอแพ้ ไม่ใช่แค่เธอจะต้องเต้นระบำเปลื้องผ้าให้ทุกคนดูตรงนี้ แต่คืนนี้เธอยังต้องไปกับฉัน ให้ฉันอยากจะทำอะไรก็ทำได้”

หลายคนในห้องจัดเลี้ยงเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะพวกผู้ชาย

เพราะประโยคสุดท้ายของคุณวัฒนชัย สามารถตีความได้ว่า คุณวัฒนชัยจะพาพิมพ์วดีไป จะลงโทษเธออย่างไรก็ได้ หรือจะตีความว่า คุณวัฒนชัยอยากจะมีอะไรกับพิมพ์วดีในท่าไหนก็ได้ทั้งนั้น

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ธนกรก็หน้าเปลี่ยนสี เขากำลังจะก้าวเท้าออกไปห้าม แต่ชลดาก็คว้าแขนเขาไว้ ทำให้เขาช้าไปก้าวหนึ่ง

และในช่วงเวลาที่ช้าไปเพียงก้าวเดียวนั้น พิมพ์วดีก็ได้ตอบตกลงไปแล้ว “ได้ ฉันตกลง”

ชลลดากอดแขนธนกรไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “พิมพ์จะพนันแบบนี้ได้ยังไงคะ นี่มันเท่ากับยกตัวเองให้คุณวัฒนชัยไปนอนด้วยฟรีๆ เลยไม่ใช่เหรอคะ ธนกร คุณว่า...จะทำยังไงดีคะ”

ธนกรกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เขามองจ้องไปที่เรียวขาขาวที่โผล่ออกมาจากกระโปรงที่ขาดวิ่นของพิมพ์วดี แล้วพูดอย่างเคียดแค้น “นั่นก็เป็นสิ่งที่เธอหาเรื่องเอง! เธอขาดผู้ชาย อยากโดนผู้ชายเอา งั้นไม่ว่าเธอจะโดนผู้ชายทรมานจนเป็นสภาพไหน ก็สมควรแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ชลดาก็ค่อยๆ ก้มหน้าลง เพื่อซ่อนรอยยิ้มที่มุมปาก:

พิมพ์วดี ต่อไปนี้ ธนกรไม่มีทางชอบเธออีกแล้วแน่

เธอตัดใจซะเถอะ

จากนี้ไป ธนกรเป็นของฉันคนเดียว

พิมพ์วดีไม่รู้สีหน้าของธนกร และไม่รู้ความคิดในใจของชลลดา แต่ถึงจะรู้ เธอก็ไม่สนใจ

หลังจากที่รับคำท้าพนันแล้ว เธอก็มองไปที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่กำลังจะออกไป “รบกวนช่วยอธิบายสถานการณ์ของคนไข้ตอนนี้ให้ทุกคนฟังหน่อยค่ะ”

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เธอจึงมองไปที่ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงแล้วพูดขึ้นว่า:

“จากผลการตรวจเบื้องต้น คนไข้เกิดภาวะหัวใจห้องล่างสั่นพลิ้วจริงๆ ค่ะ และได้รับการช่วยเหลือจากคุณผู้หญิงท่านนี้ด้วยวิธีการทุบหน้าอกเพื่อกระตุ้นหัวใจจนรอดชีวิตมาได้ คุณเก่งมากค่ะ โดยปกติแล้ว ไม่มีหมอคนไหนกล้าใช้วิธีนี้ และโอกาสสำเร็จก็น้อยมาก คุณสุดยอดจริงๆ ค่ะ”

ประโยคสุดท้ายพูดกับพิมพ์วดี

พิมพ์วดียิ้ม “ฉันก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกันค่ะ การช่วยชีวิตคนสำคัญที่สุด”

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ยกนิ้วโป้งให้พิมพ์วดีอีกครั้ง แล้วหันหลังเตรียมพาคุณภาวิตออกไป

“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ จะมีใครช่วยคนด้วยการถอดเสื้อผ้าได้”

“ใช่ เป็นไปไม่ได้ หมอพวกนี้ต้องเป็นนักต้มตุ๋นที่พิมพ์วดีจ้างมาแน่ๆ เพื่อร่วมมือกันแสดงละคร”

“ฉันก็ว่าไม่น่าเป็นไปได้ ผมเป็นเพื่อนสนิทของคุณภาวิต คุณภาวิตไม่เคยบอกผมเลยว่าเขาเป็นโรคหัวใจ”

“นักต้มตุ๋น!”

มีคนตะโกนขึ้นมา คุณวัฒนชัยเชื่อในคำพูดนี้เป็นพิเศษ

“นักต้มตุ๋น! นักต้มตุ๋น!”

ผู้คนเริ่มเชื่อคำพูดของคนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก็โดนหางเลขไปด้วย ถูกกล่าวหาว่าร่วมมือกับพิมพ์วดีหลอกลวงผู้คน

“คุณพิมพ์ไม่ใช่นักต้มตุ๋นครับ พ่อของผมเป็นโรคหัวใจจริงๆ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป