บทที่ 13: เริ่มการแสดงของคุณ

พิ้งค์ยอมให้คนมากมายสงสัยในตัวเธอได้ แต่เธอทนไม่ได้เด็ดขาดที่การสงสัยนั้นจะมาขัดขวางการช่วยชีวิตผู้ป่วยของทีมแพทย์

เธอกระวนกระวายใจอยากจะพุ่งเข้าไปห้ามคนที่กำลังกล่าวหาเธอ เพื่อให้ทีมแพทย์นำคุณภาวิตออกไป แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา เสียงนั้นฟังดูรีบร้อนเล็กน้อย แต่แฝงไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้

ห้องจัดเลี้ยงที่กำลังวุ่นวายพลันเงียบสงบลง ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นชายหนุ่มในชุดสูท รูปร่างสูงสง่า แต่ใบหน้ากลับดูงดงามอ่อนโยน เดินเข้ามาจากทางประตู

ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือคินทร์ ลูกชายของคุณภาวิตนั่นเอง

คินทร์ก้าวฉับๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าพิ้งค์ แล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกมา “คุณพิ้งค์ ขอบคุณมากนะครับ คุณช่วยชีวิตพ่อของผมไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมอาจจะไม่ได้เจอพ่ออีกแล้ว”

“คุณคินทร์ไม่ต้องเกรงใจค่ะ นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้ว” พิ้งค์ยื่นมือออกไปเช่นกัน

ตอนนั้นเองเธอถึงได้รู้ว่า ตอนที่ทำการกระแทกหน้าอกให้คุณภาวิตเมื่อครู่นี้ เธอออกแรงมากเกินไปจนข้อนิ้วแดงไปหมด แค่ยื่นมือออกไปก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา

คินทร์เห็นดังนั้น ในใจก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณพิ้งค์มากขึ้นไปอีก มือที่ตั้งใจจะจับก็เปลี่ยนเป็นการประคองแทน เพื่อเลี่ยงไม่ให้โดนแผลของพิ้งค์

หลังจากจับมือกับพิ้งค์สั้นๆ คินทร์ก็หันไปมองชายที่ยืนกรานว่าคุณภาวิตไม่มีโรคหัวใจก่อนหน้านี้ “คุณอาลาภิศครับ พ่อของผมเป็นโรคหัวใจจริงๆ ครับ เพิ่งจะตรวจเจอเมื่อไม่นานมานี้เอง เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องเป็นห่วง เลยไม่ได้บอกใครครับ”

ชายคนนั้นหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย เขารู้แล้วว่าตัวเองเข้าใจพิ้งค์ผิดไป แต่ด้วยความที่พิ้งค์เป็นแค่เด็กรุ่นน้อง เขาจึงไม่กล้าพอที่จะเอ่ยคำขอโทษ ทำได้เพียงพยักหน้าให้คินทร์แล้วหันหลังเดินจากไป

เมื่อเพื่อนของคุณภาวิตจากไปแล้ว ทั้งยังมีคินทร์และทีมแพทย์คอยยืนยันให้พิ้งค์ คนอื่นๆ ต่อให้ในใจจะไม่เชื่อแค่ไหน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ทุกคนจึงพากันปิดปากเงียบ

ส่วนคนที่มองพิ้งค์ในแง่ดีมาตั้งแต่แรก ต่างมองพิ้งค์ที่กระโปรงขาดวิ่นด้วยความทึ่ง

คุณพิ้งค์คนนี้ ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาจริงๆ อย่างน้อยก็เก่งกว่าคู่หมั้นของคุณธนกรคนนั้นเยอะ

ชลลดามองภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงหน้า กำปั้นที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวกำแน่นขึ้นอย่างแรง เล็บที่เพิ่งทำมาใหม่แทบจะหัก

พิ้งค์ทำสำเร็จ

เธอช่วยชีวิตคุณภาวิตกลับมาได้จริงๆ

ทำไมโชคของเธอถึงได้ดีขนาดนี้นะ?

แบบนี้ธนกร...

ชลลดามองธนกรที่อยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล มือทั้งสองข้างที่เกาะแขนเขาอยู่ยิ่งกำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ธนกรจะไม่กลับไปชอบพิ้งค์อีกครั้งเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม?

เขาจะไม่ทิ้งเธอ แล้วหันกลับไปตามจีบพิ้งค์อีกใช่ไหม?

ตอนนี้ธนกรยังไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น

แต่เมื่อมองดูเธอที่กำลังยิ้มและพูดคุยกับคินทร์ พร้อมกับเดินตามส่งคุณภาวิตที่ถูกหามออกจากห้องจัดเลี้ยงไป เขาก็นึกถึงภาพของพิ้งค์ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นมาทันที

ตอนนั้นเธอก็เป็นแบบนี้แหละ มั่นใจ เปล่งประกาย และทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือเรื่องอื่นๆ ก็ทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย

ตอนที่เธอเรียนอยู่ในคณะแพทย์ มีรุ่นพี่มากมายต้องมาขอคำแนะนำจากเธอ เวลาคนในครอบครัวเจอปัญหาเคสยากๆ ทางคลินิก ก็จะมาปรึกษาหารือกับเธอด้วย ยังไม่ทันเรียนจบ เธอก็ได้ตีพิมพ์บทความทางการแพทย์หลายฉบับในวารสารการแพทย์ระดับนานาชาติ แถมยังเป็นชื่อแรกอีกด้วย

เธอควรจะเป็นแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ชลลดาเทียบกับเธอไม่ติดฝุ่นเลย

แต่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่เขาดันลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท กลับจำได้แต่ความเก่งกาจของชลลดา และลืมไปแล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอเป็นอย่างไร

เหมือนจะเริ่มตั้งแต่ตอนที่เธอแต่งงานกับเขา ตั้งแต่ตอนที่เธอทุ่มเทดูแลเขา เอาใจเขาในทุกๆ เรื่อง

เป็นเขาหรือที่ทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้?

พอจากเขาไป เธอก็กลับมาเป็นคนที่เจิดจรัสเปล่งประกายแบบนี้อีกครั้ง

ความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างผุดขึ้นในอกของธนกร ทำให้เขารู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

คุณภาวิตถูกรถพยาบาลนำตัวไปแล้ว เรื่องราวก็ดูเหมือนจะจบลงชั่วคราว พิ้งค์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

เธอก้มลงมองข้อนิ้วที่บวมแดงของตัวเอง ตั้งใจจะไปห้องพยาบาลของโรงแรมเพื่อหาแอลกอฮอล์มาล้างแผลคร่าวๆ

ใครจะรู้ว่าพอขยับตัวเท่านั้น อาการหน้ามืดก็กำเริบขึ้นมา ร่างกายถึงกับทรงตัวไม่อยู่

ปกติแล้วสุขภาพของพิ้งค์ค่อนข้างดี ไม่อย่างนั้นเธอคงเป็นหมอและยืนผ่าตัดนานๆ ไม่ไหว

เพียงแต่ช่วงนี้ที่กำลังมีเรื่องหย่ากับธนกร อารมณ์จึงค่อนข้างแปรปรวน ประกอบกับเมื่อวานดื่มหนักไปหน่อย การพักผ่อนไม่เป็นเวลา อาการหน้ามืดจึงมาเยือน

เมื่อเห็นเธอเป็นเช่นนั้น ธนกรก็ก้าวเท้าออกไปตามสัญชาตญาณ คิดจะเข้าไปประคองเธอ

“ธนกรคะ”

ในขณะนั้นเอง ชลลดาที่กอดแขนธนกรอยู่แล้ว ก็ทิ้งตัวพิงเข้ากับร่างของธนกรทั้งตัว

ชลลดาทำหน้าเจ็บปวดมองธนกร “ธนกรคะ ฉันรู้สึกปวดท้องขึ้นมากะทันหันเลยค่ะ ฉัน...”

ธนกรรู้ว่าเขาควรจะดูแลชลลดา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางพิ้งค์

เมื่อมองไป ก็พบว่าพิ้งค์กำลังพิงอยู่บนร่างของคินทร์

แววตาของธนกรเย็นชาลงในทันที ความรู้สึกดีๆ ที่เพิ่งจะก่อตัวขึ้นต่อพิ้งค์เมื่อครู่นี้ ก็สลายหายไปจนหมดสิ้นเพราะภาพที่เห็น

เธอช่วยคุณภาวิตไว้ก็จริง แต่แล้วยังไงล่ะ?

สุดท้ายก็เพื่อที่จะยั่วยวนคินทร์ ลูกชายของคุณภาวิตไม่ใช่หรือไง

ผู้หญิงแพศยาคนนี้ ช่างคิดแต่จะยั่วยวนผู้ชายอยู่ตลอดเวลาจริงๆ

เธอจะเอาอะไรมาเทียบกับชลลดาได้?

แค่จะถือรองเท้าให้ชลลดายังไม่คู่ควรเลย!

“ชลลดา ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”

ธนกรละสายตากลับมา แล้วช้อนร่างชลลดาขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว ก่อนจะก้าวฉับๆ ออกจากห้องจัดเลี้ยงไป

“คุณพิ้งค์ เป็นอะไรไปครับ? ผมพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลดีกว่านะครับ”

คินทร์ประคองเอวของพิ้งค์ไว้ แล้วถามด้วยความเป็นห่วง

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”

พิ้งค์ส่ายหน้า แล้วยิ้มมุมปากให้คินทร์ สายตาเหลือบมองไปทางธนกรโดยไม่รู้ตัว และเห็นภาพที่เขาอุ้มชลลดาจากไปพอดี

ชลลดาซบอยู่ในอ้อมแขนของธนกร ราวกับจะรับรู้ได้ถึงสายตาของพิ้งค์ เธอเงยหน้าขึ้นมองพิ้งค์ แล้วยกยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย

พิ้งค์ คนที่ธนกรรักยังคงเป็นฉัน เธอไม่มีวันแย่งเขากลับไปได้หรอก

ใบหน้าของพิ้งค์ยิ่งซีดเผือดลงไปอีก

เธอไม่ได้กำลังโกรธชลลดา แต่กำลังโกรธธนกร

ขนาดชลลดาที่เป็นศัตรูยังอุตส่าห์หันมามองเธอ แต่ธนกร ในฐานะสามีของเธอ กลับไม่เคยมองเธออีกเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับว่าเธอเป็นเพียงคนที่ไม่สำคัญจริงๆ

คนที่ไม่สำคัญสินะ

ความคิดนี้ทำให้หัวใจของพิ้งค์เจ็บปวดอย่างรุนแรง

“คุณพิ้งค์ คุณไม่เป็นไรจริงๆ เหรอครับ? หน้าคุณดูซีดมากเลยนะ ผมว่าผมพาคุณไปโรงพยาบาลดีกว่า” คินทร์แนะนำด้วยความเป็นห่วง

“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ” พิ้งค์ละสายตากลับมามองคินทร์ “ฉันเป็นหมอเอง สภาพร่างกายของฉันเป็นยังไงฉันรู้ดีที่สุด คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ รีบไปดูคุณอาภาวิตเถอะค่ะ ทางคุณอาภาวิตต้องการคนดูแลนะคะ เดี๋ยวทีมแพทย์คงต้องตามหาคุณ”

คินทร์ไม่วางใจพิ้งค์ แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ทั้งสองไม่ได้สนิทสนมกัน ประกอบกับตอนนี้เขาก็เป็นห่วงพ่อของตัวเองจริงๆ เขาจึงจากไป

งานเลี้ยงในวันนี้มาถึงจุดนี้ก็หมดความสนุกไปแล้ว หลายคนอยากจะกลับ

แต่พิ้งค์ไม่ยอมให้งานเลี้ยงเลิกราไปง่ายๆ แบบนี้ เธอมองไปที่คุณวัฒนชัยที่พนันกับเธอไว้ก่อนหน้านี้ แล้วยกยิ้มมุมปาก

“คุณวัฒนชัยคะ ฉันช่วยคุณภาวิตกลับมาได้แล้ว คุณเองก็ควรจะทำตามสัญญา เต้นระบำเปลื้องผ้าโชว์ทุกคนได้แล้วนะคะ?”

หลายคนที่เตรียมจะกลับพลันหยุดฝีเท้าลง

เดิมทีคุณวัฒนชัยตั้งใจจะปะปนไปกับฝูงชนเพื่อหนีกลับ แต่เมื่อทุกคนหยุดเดินแล้วหันมามองเขา เขาก็จำต้องหยุดตามไปด้วย

พิ้งค์สั่งให้พนักงานยกเก้าอี้มาตัวหนึ่ง เธอกอดอกนั่งลงในท่าที่สบายๆ แล้วเชิดคางเล็กน้อยไปทางคุณวัฒนชัย

“คุณวัฒนชัยคะ เชิญเริ่มการแสดงของคุณได้เลยค่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป