บทที่ 5 ตอนที่ 2 (30%)
ตอนนี้สองสาวได้เดินทางมาถึงอิตาลีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พอลงเครื่องเท้าเหยียบแผ่นดินอิตาลีปุ๊บ เดินออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า ก็มีหญิงชายคู่หนึ่งเดินเข้ามาทักสองสาวแสบทันที คุยกันไปคุยกันมา ปรากฏว่าผู้มาใหม่ทั้งคู่ นั่นก็คือธีรทัศและนาฏรดา เป็นรุ่นพี่ร่วมสถาบันและศิษย์เก่ารุ่นบุกเบิกของมหาลัย
คุยกันพอหอมปากหอมคอ ทั้งหมดก็ขึ้นรถของบริษัท ไปยังที่พักพนักงานในเครือวาเลนติอาโน่ รถขับมาเรื่อยๆตามถนนเส้นหลักใจกลางกรุงโรม โชคดีช่วงเวลานี้รถไม่ติดมาก ทำให้สองสาวได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศที่สวยงามสองข้างทาง
เวลาผ่านไปประมาณเกือบชั่วโมง รถก็แล่นเข้ามาถึงเขตนิคมอุตสาหกรรมของตระกูลวาเลนติอาโน่ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตปริมณฑล เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ทั้งสองสาวพยายามชะโงกหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง มันดูใหญ่โตสมคำร่ำรือ แค่หน้าทางเข้านิคมก็สุดอลังการแล้ว อีกอึดใจต่อมารถก็แล่นเข้ามาถึงที่พักของพนักงานในเครือของวาเลนติอาโน่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวนิคมมากนัก สามารถเดินไปทำงานได้อย่างสบาย
ทันทีที่รถจอดหน้าตึกสูงกว่าห้าชั้นบนพื้นที่กว้างใหญ่ การตกแต่งดูดีและมีสไตล์ เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสองสาวถึงกับเบิกตากว้างอุทานเสียงดัง กับที่ที่เปรียบเป็นบ้านหลังใหม่ ตลอดเวลาสองปีที่ต้องทำงานอยู่ที่นี่ ภายหลังจึงได้รู้ว่าทางบริษัทเลี้ยงดูพนักงานทุกคนเป็นอย่างดี เพราะมีนโยบายว่า สิ่งที่ทำให้องค์กรพัฒนาและก้าวหน้ามากที่สุด ก็คือมันสมองและสองมือของมนุษย์ หากพนักงานทุกคนได้รับการเอาใจใส่และได้รับสวัสดิการที่ดีจากองค์กร พวกเขาก็จะรู้สึกว่าองค์กรเห็นความสำคัญของตน มันจะเป็นตัวผลักดันให้เขาเหล่านั้นตั้งใจทำงาน และรักบริษัทเมือนเป็นบริษัทของตัวเอง ด้วยแนวคิดนี้แหละที่ทำให้บริษัทก้าวหน้าจนไม่มีใครทัดเทียมได้
ตกเย็นของวันรุ่งขึ้น รุ่นพี่ก็มารับสองสาวไปงานเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งเป็นอภินันทนาการจากเหล่าบรรดาพี่น้องร่วมสถาบันเดียวกันนั่นเอง พอไปถึงร้านอาหารก็เห็นโต๊ะที่เป็นคนไทยอยู่โต๊ะเดียว ท่ามกลางฝรั่งหัวแดงที่รายล้อมอยู่หลายโต๊ะ ร้านนี้เป็นร้านอาหารไทย มีสารพัดเมนูบรรดาอาหารไทย อยากกินอะไรก็สั่งเจ้าของร้านโลด พี่แกสามารถจัดให้ได้ตามใจอยาก
เมื่อสองสาวแนะนำชื่อเสียงเรียงนาม และนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย พี่ๆ ทุกคนในกลุ่มต่างก็แนะนำตัว ว่าชื่ออะไร เป็นศิษย์เก่ารุ่นไหนของมหาลัย ทำงานตำแหน่งอะไร ทำให้พวกเธอรู้ว่ารุ่นพี่ส่วนมากที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ เป็นรุ่นบุกเบิกของมหาลัยทั้งนั้น อายุอานามสาบสิบอัพกันถ้วนหน้า เป็นเมเนเจอร์ก็หลายคน ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ทำงานมาอย่างโชกโชน เมื่อได้รู้จักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็พากันลงมือกินข้าวไปคุยกันไป เสียงหัวเราะดังออกมาเป็นระยะ
กว่าจะอิ่มหนำสำราญก็เกือบสี่ทุ่ม พี่ๆ ทั้งหลายจึงชวนไปเที่ยวต่อที่ผับดังอันดับหนึ่ง ซึ่งมีแต่ผู้ดีมีเงิน ไฮโซไฮซ้อเท่านั้นถึงจะเข้าได้ เพราะแค่ค่ามิกเซอร์ก็แพงลิบลิ่วแล้ว แต่ขอโทษทีเถอะรุ่นพี่บอกว่ามีปัญญาจ่าย โดยพูดติดตลกว่า ‘ถึงจะไม่ได้เป็นเซเลบแต่ก็มีเงินเก็บอยู่เต็มกระเป๋า’ ใจจริงแล้วสองสาวก็ไม่ได้อยากไปเลยซักนิด เพราะแก็งค์พวกเธอไม่ชอบย่างกรายเข้าไปในที่อโคจรซักเท่าไหร่ อย่างมากก็แค่ร้านคาราโอเกะ แต่ไม่อาจขัดศรัทธาได้ มันเสียมรรยาทอย่างแรงพี่เขาอุตส่าห์เลี้ยงต้อนรับทั้งที
คืนนี้เลโอและลูเซียส สองหนุ่มเพื่อนซี้ก็มาที่นี่เช่นกัน จากที่นัดกันว่าจะมาเมื่อวานกลายเป็นเลื่อนมาวันนี้ เพราะต่างคนต่างก็เคลียร์งานจนไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหน วันนี้จึงมาซะหน่อยเถอะเพราะงานที่คั่งค้างอยู่เสร็จสิ้นแล้ว ถ้าได้แม่เสือสาวไปร่วมทำกิจกรรมเข้าจังหวะ ออกกำลังกายก่อนนอน ให้คลายเครียดซะหน่อยคงจะดีไม่หยอก
ทั้งสองเปลี่ยนบรรยากาศไม่นั่งโซนวีไอพีเช่นทุกครั้งที่มา แต่เลือกนั่งโต๊ะมุมสุดที่ลับตาคน เพื่อซุ่มมองเหยื่อหากเห็นถูกใจก็จะออกล่าทันที แต่ยังไม่ทันได้ล่าเหยื่อก็มีนางมารมาผจญซะแล้ว ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน สองสาวขาประจำของพวกเขา เจสซิก้ากับโรสลีนนั่นเอง ทั้งสองเดินฉีกยิ้มอันเซ็กซี่ให้ชายหนุ่มทั้งสองมาแต่ไกล
“เอาวะเพื่อน แม่เสือสาวมาประเคนถึงที่ เธอคงคันถ้าไม่ได้เกาคืนนี้คงทรมานแย่” ลูเซียสพ่อหนุ่มนักรัก มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของกิจการบ้านพักตากอากาศสุดหรู พูดด้วยความคะนองปากและยักคิ้วให้เพื่อนรัก
“เออ…ก็ว่างั้น ดีเหมือนกันอยากปลดปล่อยเต็มทน” เลโอพูดออกมาอย่างเห็นด้วย เพราะอยากปลดปล่อยอย่างแรง ตอนนี้จะกับใครก็ได้ทั้งนั้นเขาไม่เกี่ยงอยู่แล้ว
ที่ทั้งสองหนุ่มยังคบกับสองสาวยืด ก็เพราะทั้งสองเคารพในกติกาของพวกเขา ไม่เข้ามาวุ่นวายก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว แต่หารู้ไม่ว่าทุกอย่างล้วนเป็นการสร้างภาพทั้งนั้น สองสาววางแผนหวังไปไกล ขนาดฝันอยากเป็นนายหญิงของสองตระกูลต่างหากล่ะ
“ขอเราสองคน นั่งด้วยได้ไหมคะ” เมื่อเยื้องย่างร่างแสนเย้ายวนใจมาถึงโต๊ะที่สองหนุ่มนั่งอยู่ก่อนแล้ว ก็เอ่ยขออนุญาตอย่างออดอ้อนทันที
“ได้ซิคนสวย เชิญเลยครับ” ลูเซียสตอบเสียงทุ้ม แล้วเลโอก็เริ่มสั่งเครื่องดื่มมาบริการหญิงสาว
เมื่อเริ่มเมากันทั้งสองคู่แล้ว แต่ละคู่ก็เริ่มนัวเนียกัน เจสซิก้าลูบไล้ต้นขาของเลโออย่างยั่วเย้า ปลุกปั่นอารมณ์สวาทของชายหนุ่มผู้ร้อนรักให้เริ่มปะทุขึ้น ชายหนุ่มเองก็ไม่น้อยหน้าใช้ลิ้นหนาตวัดเลียติ่งหูพร้อมห่อลิ้นแหย่เข้าไปภายในสร้างความซ่านสยิวให้หญิงสาว จนต้องเผลอร้องครางออกมาอย่างลืมตัวว่าตนยังอยู่ในที่สาธารณะ
