บทที่ 11 11

“ทำเหมือนไม่เคยกับเรื่องแบบนี้ เธอมันก็ไม่ได้ต่างกับอิสราสักเท่าไหร่ พ่อมักมากส่วนลูกสาวก็คงเป็นเด็กใจแตกที่แกล้งทำเหมือนไม่ประสีประสา”

“อาพีท...พูดเกินไปแล้วนะคะ”

“ยังน้อยไปกระมังกับความร่านที่เธอพยายามซ่อนมันไว้ บางทีตอนนี้อาจจะอยากขึ้นเตียงกับฉันใจแทบขาด แต่ทำเป็นเล่นตัวให้ผู้ชายนึกอยากว่างั้น!”

“อาพีท!”

ลลิลหมดความอดทนและปรี่เข้าหาร่างสูงใหญ่พร้อมทั้งกำหมัดทุบถองลงบนอกกว้างโดยไม่รู้น้ำตาจากไหนถั่งเป็นสายไม่หยุด แต่ยังไม่ทันรัวกำปั้นให้เขาเจ็บข้อมือทั้งสองก็ถูกคว้าไว้ได้ก่อนร่างนั้นจะถูกผลักลงไปนั่งบนเก้าอี้นวม พัลเลเดียมโน้มตัวลงไปหาพร้อมทั้งค้ำยันมือทั้งสองข้างบนพนักวางแขน เสียงร้องไห้ของหญิงสาวดังก้อง เธอเหมือนเด็กตัวเล็กที่กำลังถูกสั่งสอนเพราะความดื้อรั้น

“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้ลาริมาร์”

“ไม่!...ลิลไม่หยุด อาพีทใจร้าย!”

“บอกให้หยุดไง...หยุดส่งเสียงโวยวายเดี๋ยวนี้!”

“ไม่! ลิลเกลียดอาพีท ลิลไม่ใช่เด็กใจแตก ทำไมอาพีทต้องว่ากันขนาดนี้ อาพีทพูดเหมือนไม่เคยรู้จักลิล”

“หยุดร้องไห้...บอกให้หยุด!”

“ไม่!...ลิลเกลียด...”

เสียงหวานแห้งแหบขาดหายเมื่อชายหนุ่มปิดปากเธอด้วยมือหนาใหญ่ เขากดฝ่ามือลงไปเพื่อให้เธอหยุดร้องแต่ร่างแน่งน้อยกลับหอบสะอื้นและกระตุกหลายหน หยาดน้ำตาไหลอาบฝ่ามือหนา ดวงตาของเธอจ้องมองเขาราวกับไม่ยอมแพ้

นี่มันบ้าชัดๆ! เขาเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แต่กลับต้องมาทะเลาะกับเด็กสาวที่พึ่งบรรลุนิติภาวะ ชายหนุ่มขบกรามแน่น พัลเลเดียมนึกโกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการปรามเด็กสาวคนหนึ่งด้วยการปิดปากเพื่อให้เธอเบาเสียงลง แต่ก่อนที่เขาจะเลื่อนมือออกก็รู้สึกเจ็บแปลบบนฝ่ามือแกร่ง ความเจ็บปวดนั้นแผ่ซ่านไปถึงข้อมือขณะใบหน้าหวานกดเกร็งและนัยน์ตาคู่งามที่จ้องเขาอย่างเอาเรื่อง ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ยอมดึงมือกลับและยังคงปิดปากหญิงสาวอยู่เช่นนั้นแม้จะรู้ว่าถูกลลิลตอบโต้ด้วยการกัดมือหนาจนเลือดซึมไหลออกมาและหยดลงบนลำคอของเธอ

พัลเลเดียมนิ่งเหมือนหลักศิลา ใบหน้าของเขาเกร็งเพียงเล็กน้อยราวกับกำลังเก็บกดความเจ็บปวดมีก็แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลขุ่นเข้มที่สะท้อนความคั่งแค้นออกมาทว่าเขาก็ยังปล่อยให้เธอกัดฝ่ามือหนาจนหนำใจ และเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยทำให้ลลิลหยุดตัวเองและสะอื้นออกมา ภาพที่เห็นสะท้อนสะเทือนในความรู้สึกของชายหนุ่ม เขาบีบบังคับให้เธอต้องปวดร้าวแต่หัวใจของเขาเองเริ่มอ่อนแอลงเมื่อเห็นน้ำตาหยดลงบนแก้มนวล

“พอใจหรือยัง ลาริมาร์...เกลียดฉันมากทำไมไม่กัดให้มือขาดไปเลย”

พัลเลเดียมเค้นเสียงออกจากลำคอทั้งที่มือของเขายังปิดแน่นบนปากของหญิงสาว เห็นเพียงดวงตาคู่สวยที่จ้องเขาแต่มันเต็มไปด้วยหยาดน้ำรื้นและความรวดร้าวสาหัสแผ่ออกมา สักครู่มือหนาจึงค่อย ๆ เลื่อนห่างแต่ลลิลถึงกับตาค้างเมื่อเห็นสิ่งที่เธอฝากไว้บนเนื้อหนังของเขา แม้ชายหนุ่มจะไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ กับรอยแผลบนฝ่ามืออาบเลือดแดงฉานและรอยเลือดนั้นก็เปรอะเปื้อนรอบกลีบปากบอบบางและลำคอระหงของร่างเล็กแต่ก็ทำให้ความรู้สึกผิดแล่นปราดขึ้นมาในสำนึกของลลิล

“อาพีท...”

เสียงแผ่วเบาลอดออกมาเบาหวิวจากปากสั่นระริก พัลเลเดียมดึงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อสูทออกมาแล้วซับลงบนฝ่ามือที่เต็มไปด้วยคราบเลือด เขาเหลือบมองหญิงสาวที่ยังนั่งหอบแต่ไร้เสียงสะอื้น

“ถือว่าเราหายกัน...แต่ครั้งต่อไปฉันไม่อภัยให้เธอแน่”

เขาทิ้งน้ำเสียงหนักก่อนหันหลังเดินกลับออกไปปล่อยให้ร่างอรชรนั่งชันเข่าขึ้นและร้องไห้เหมือนเด็กเล็ก ๆ ดูท่าว่าเขาจะโกรธมากและไม่รู้ว่าจะหาทางเอาคืนวันไหน ตอนนี้สิ่งที่หญิงสาวเริ่มเป็นกังวลไม่ใช่ปัญหาของอิสราที่ก่อไว้ แต่กลับกลายเป็นตัวเธอที่ต้องหาทางแก้ปัญหาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพัลเลเดียมซึ่งยิ่งนับวันมันก็มีแต่จะเขม็งเกลียวเหมือนเชือกที่รัดเงื่อนแน่นเข้าหากันทุกที ลลิลนั่งคิดจนไม่เป็นอันทำอะไรแม้แต่จะเก็บกวาดเศษกระเบื้องจากถ้วยกาแฟและจานชามรวมทั้งเศษอาหารที่เลอะเทอะบนพื้น แต่เมื่อเธอรวบรวมสติและทำใจให้สงบลงได้ก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น ร่างบางนึกดีใจว่าอาจเป็นพ่อของเธอแต่เมื่อหยิบขึ้นมาดูกลับเป็นชื่อของใครอีกคน หญงสาวรีบรับสาย

“ว่าไงคะ พี่เนเน่”

เนเน่ หรือ ภิณไลย์ญา รุ่นพี่ที่เคยสนิทสนมกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยและอายุห่างกันเพียงสองปีแต่ภิณไลย์ญาเรียนไม่จบเพราะต้องออกไปทำงานเป็นพริตตี้ส่งเสียเงินให้ทางบ้านที่ขัดสนในช่วงเวลานั้น แต่ทั้งสองก็ยังมีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องและติดต่อถึงกันอยู่เสมอ

“ลิล...เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ลิลอยู่เนเธอแลนด์หรือเปล่าจ๊ะ นี่พี่ลองโทรหา นึกว่าจะโทรไม่ได้เสียแล้ว”

“ลิลอยู่นิวยอร์คค่ะ”

“อ้าว...ไหนว่าเดินทางไปเรียนต่อไงจ๊ะ”

“ลิล...ไม่ได้ไปแล้วค่ะ คือ...มีปัญหานิดหน่อยเลยต้องหยุดการเรียนไว้ก่อน พี่เนเน่สบายดีนะคะ”

“พี่ก็เรื่อย ๆ นะ ก็ต้องทำงานเป็นพริตตี้ มีงานก็มีเงินส่งให้ที่บ้าน บางครั้งก็นึกอยากกลับไปเรียนต่อ แต่คงทำไม่ได้แล้วล่ะ”

“พี่เนเน่เป็นคนสวย สวยมาก ๆ อนาคตพริตตีของพี่ต้องสดใส เป็นพริตตี้ระดับเงินล้าน และวันหนึ่งอาจจะพบคนดี ๆ นะคะถึงจะไม่ได้เรียนต่อก็เถอะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป