บทที่ 14 14
ลลิลกระตุกวูบกับคำนั้น เธอกำลังจะขืนตัวออกห่างแต่เขากลับใช้ฝ่ามือหนากดต้นคอของเธอให้ใบหน้าสวยยังคงแนบแก้มเขาเช่นนั้น ร่างเล็กรู้สึกอึดอัดขึ้นมาในทันใดเมื่อรู้สึกว่าเขากำลังบังคับเธอในที
“ทำไมอาพีทคิดว่าลิลจะไม่เชื่อ”
“ฉันรู้ว่าเธอยังสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอยังคิดว่าพ่อของเธอบริสุทธิ์ ฉันแค่อยากให้เธอได้เห็นว่าอิศราทำอะไรไว้บ้างกับครอบครัวและธุรกิจของฉัน และมันมากเกินกว่าที่เธอจะชดใช้แทนได้หมด”
“แต่อาพีทก็ได้ชีวิตของลิลไปแล้ว”
“ฉันต้องการพิสูจน์และให้เธอยอมรับ...ฉันรู้ว่าลึก ๆ เธอยังไม่ยอมรับมัน...ไม่ยอมรับว่าพ่อของเธอก่อเรื่องไว้มากมายขนาดไหนและคนที่ต้องก้มหน้าชดใช้จะได้เห็นความจริง ลาริมาร์...”
เสียงนั้นหนักแน่นหากก็เบาลงแต่คนฟังกลับรู้สึกได้ถึงแรงบีบบคั้นบังคับที่หน่วงหนักขึ้นเรื่อย ๆ ลลิลยังควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่ดี เธอหลั่งน้ำตาและรู้สึกราวกับว่าอ้อมกอดของเขาคือโซ่เหล็กที่พันธนาการเธอไว้มากกว่าจะเป็นการโอบกอดด้วยความรักอย่างที่ชายมีให้หญิงทั่วไป
“ลิลยอมรับค่ะ ยอมรับว่าลิลต้องทำอะไรบ้าง...ถือว่าลิลยอมจำนนต่อข้อเสนอของอาพีททุกอย่าง อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ เพราะถึงยังไงลิลก็ยังยอมรับมันได้อยู่ดี”
“แน่ใจหรือว่าเธอยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ได้”
พัลเลเดียมคลายมือขณะลลิลเอียงหน้ามาทางเขา ดวงตาคู่งามสะท้อนความเจ็บปวด มันเคยส่องประกายสุกใสทว่าบัดนี้หมองหม่นจนเขาก็อดนึกใจหายไม่ได้ เขาอยากซับรอยน้ำตาที่เปียกชื้นบนแก้มสีชมพูกุหลาบนั้นด้วยปลายนิ้วอย่างอ่อนโยน ยิ่งได้กอดร่างนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมแขนก็รู้สึกถึงแรงผลักดันบางอย่างที่ทำให้เขาตื่นตัวและตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลลิลอ่อนหวานและหอมหวานจนเขาอยากก้มลงไปและบดบี้กลีบปากของเธออีกสักครั้ง หากทว่าทิฐิทำให้ความสงสารกลับกลายเป็นแค่เศษผงธุลีล่องลอยในชั่วเสี้ยววินาที ชายหนุ่มขบกรามเบา ๆ เขากำลังบังคับตัวเองไม่ให้ล้ำเส้นแบ่งที่ตั้งใจขีดคั่นเอาไว้เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะก้าวข้าม ลลิลช้อนตามองใบหน้าหล่อเหลาแต่สิ่งที่ทำได้ก็แค่พยักหน้า
“ค่ะ...ลิลยอมรับ แต่ตอนนี้ลิลอยากนอนแล้วค่ะ”
ร่างอรชรผละห่างจากเขาเล็กน้อยก่อนล้มตัวลงนอนตะแคงในท่าหันหลังให้ หญิงสาวกำลังจะหลับตาลงก็ต้องตกใจเมื่อรู้สึกถึงแรงกดจากแขนหนาใหญ่ที่พาดบนตัวเธอ พัลเลเดียมเอนตัวนอนด้านหลัง อกกว้างนั้นแนบสนิทกับแผ่นหลังของลลิลที่สั่นน้อย ๆ เขากอดเธอแนบสนิทและลมหายใจร้อนเป่าอยู่ที่ลำคอของเธอว่าหญิงสาวกลับยังไม่แน่ใจ
เธอเหลือบมองมือของเขาข้างหนึ่งที่ยังมีผ้าพันแผล เขาอาจยังโกรธเธอไม่หายและไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนเพราะตั้งแต่พบกันครั้งนี้ท่าทีของเขาไม่มีอะไรที่ทำให้เธอแน่ใจได้สักอย่าง ร่างบอบบางเริ่มเกร็ง แม้ว่าจะรู้สึกดีขึ้นบ้างเพราะคืนนี้เธอไม่ต้องนอนคนเดียวอย่างที่ผ่านมาแต่นี่ก็เป็นคืนแรกที่พัลเลเดียมกลับมานอนเพนท์เฮ้าส์ของพี่สาวแถมยังมานอนเบียดกับเธออีก น่าประหลาดที่เธอไม่รู้สึกอึดอัดแต่ก็กลัวว่าเขาจะเกิดรำคาญถ้าเธออยากพลิกตัว
“อาพีท...กลับไปนอนบนเตียงเถอะค่ะ”
ลลิลแข็งใจพูดก่อนได้ยินเสียงเขาตอบกลับมาแนบชิดข้างใบหู
“ไม่ชอบหรือที่ผู้ชายนอนกอด หรือว่าอึดอัดที่ถูกผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนกอด”
“ลิลไม่มีแฟนนะคะ”
“พูดไปใครจะเชื่อว่าโตเป็นสาวขนาดนี้แล้วจะไม่เคยคบใครสักคน”
“ลิลเคยชอบ...แต่ไม่เคยคบ”
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”
จบคำถามพัลเลเดียมก็ขยับตัวพร้อมทั้งจับร่างบางให้นอนหงาย ลลิลตกใจกับอารมณ์ของชายหนุ่มที่เปลี่ยนกะทันหัน เขาเลื่อนตัวขึ้นมาอยู่เหนือเธอและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยอย่างคาดคั้น
“บอกมาสิลาริมาร์...ว่าผู้ชายคนนั้น...เป็นใคร!”
“อาพีท...อยู่บนตัวลิลอย่างนี้หายใจไม่ออกนะคะ”
“บอกมาก่อนสิว่าใครที่เธอเคยชอบ ตั้งแต่รู้จักเธอมาไม่เคยเห็นควงใครหรือว่าแอบไปพบกันไม่ให้พ่อเธอรู้”
“พ่อจะรู้หรือไม่รู้มันก็เป็นสิทธิ์ของลิลที่จะคบใครก็ได้นี่คะ”
“อวดดีเกินไปแล้วลาริมาร์”
“โอ๊ย!”
ลลิลร้องเสียงหลงเมื่อเขาพลิกตัวนอนหงายแต่ไม่ยอมปล่อยเธอกลับบังคับให้ร่างบางนอนแนบอยู่บนอกของเขาแทน หญิงสาวพยายามดิ้นรนหากก็เหมือนทุกครั้งที่ไม่เคยสำเร็จแม้พยายามขัดขืน
“อาพีทปล่อยลิลนะ”
“ร้องไปเลยเด็กจอมดื้อ”
ชายหนุ่มเสียงแข็งขณะลมหายใจร้อนเป่ารดปลายคางของหญิงสาว ลลิลหน้าแดงซ่านเมื่อนอนอยู่บนอกกว้างโดยถูกแขนแกร่งกอดกระหวัดรัดร่างเธอเอาไว้ คราวนี้เธอไม่สามารถเบี่ยงหน้าหลบได้และต้องจ้องหน้าเขาตรง ๆ ขณะที่หน้าสวยอยู่ห่างจากใบหน้าคมเข้มแค่คืบ ลลิลหายใจหอบแต่ดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจ
“นี่ถ้าเป็นเด็กตัวเล็กฉันจะจับตีก้นเสียให้เข็ด”
“ลิลโตแล้วนะคะ”
