บทที่ 1 1

หญิงสาวร่างระหงเดินกระฟัดกระเฟียดตรงไปที่รถกระบะ คันเก่าด้วยใบหน้าที่งอง้ำ แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก ชายวัยกลางคนที่เดินตามหลังมา มองแผ่นหลังของคน ร่างบางด้วย สีหน้าที่หนักใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินแซงขึ้นหน้าไปเปิดประตูรถให้สาวงามนั่งด้วยท่าทีที่นอบน้อม

“เชิญครับคุณ” วิธานผายมือที่หยาบกร้านเพราะทำงานหนัก ให้ หญิงสาวหน้าสวยเข้าไปนั่งในรถ

ร่างบางกระแทกก้นงามงอนเข้าไปนั่งอย่างไม่กลัวว่าสะโพกสวยๆของเธอบุบสลายเลยสักนิด พอนั่งได้ร่างบางก็เอาแต่นั่งหน้างอไม่พูดจา จนวิธานไม่กล้าที่จะอ้าปากเพื่อจะชวนเธอคุย

“ อีกไกลไหมลุงกว่าจะถึงไร่แสงตะวัน” ริมฝีปากอิ่มสวยเผยอถามวิธานอย่างหยิ่งๆและถือตัว

วิธานกลืนน้ำลายลงคอเพียงเล็กน้อยก่อนจะบอกเสียงเบาอย่างเกร็งๆ

“ไม่ไกลเท่าไหร่ครับคุณหนู แค่อีกห้าสิบกว่ากิโลก็จะถึงไร่แสงตะวัน”

“ แค่ห้าสิบกว่ากิโล แค่งั้นเหรอลุง ไกลขนาดนี้ยังพูดว่าแค่อย่างนั้นเหรอ อย่างนี้ก้นฉันไม่ด้านเสียก่อนหรอกเหรอ”

วิธานทำคอย่น ไม่กล้าแหล่ตาไปมองเจ้าของเสียงแว้ดๆที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้แต่กลอกตาไปมา

“ แล้วนี่ที่ไร่แสงตะวัน ไม่มีรถที่ดีกว่าคันนี้มารับฉันหรือไง” วกกลับมาเรื่องรถอีกครั้ง หลังจากที่หญิงสาวบ่นก่อนมาขึ้นรถไปรอบแล้ว

“ไม่มีคันไหนว่างเลยครับคุณหนู นอกจากคันนี้”

หญิงสาวหน้าสวยเหยียดริมฝีปากด้วยท่าทางที่แสดงความรังเกียจสภาพเก่าของรถเล็กน้อย นี่หากว่าไม่ติดว่ามีสัญญาข้อตกลงกับบิดาไว้ล่ะก็...เธอไม่มีทางที่จะเหยียบมาบ้านป่าเมืองเถื่อนถึงที่นี่เด็ดขาด

หญิงสาวถอนใจเล็กน้อย เอาเถอะไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็พร้อมจะเดินหน้าให้ได้ความสำเร็จกลับไป คนอย่างเอมวิกาหากถอยและยอมแพ้อะไรง่ายๆนั่นคงไม่ใช่เธอแล้ว

“ ถามอะไรหน่อยสิลุง” จู่ๆหญิงสาวที่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลาก็หันมาถามคนขับข้างกาย

“ จะถามอะไรลุงหรือครับคุณหนู มีอะไรที่คุณหนูอยากรู้เกี่ยวกับที่ไร่ถามมาได้เลยครับ ลุงยินดีที่จะตอบ”

“ ดีจริง ขอถามหน่อย เจ้านายของลุงมีเมียซุกซ่อนไว้บ้าง หรือเปล่า” คำถามที่ตรงเป้าไม่อ้อมค้อมของหญิงทำเอาวิธานคอย่น

“ ไม่มีครับคุณหนู”

“ ไม่มีจริงเหรอ แต่ที่ฉันรู้ว่าคนบ้านนอกนี่เขามีครอบครัวกันเร็วไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวอยากคิดว่าเจ้าของไร่แสงตะวันนี้ก็คงไม่ต่างจากหนุ่มต่างจังหวัดหลายๆคนนักหรอก

“ไม่มีจริงๆครับคุณหนู แต่หากคุณหนูไปถึง คุณหนูจะเห็นเองล่ะครับว่าผมพูดความจริง”

จากคำบอกเล่าของคนขับ เอมวิกาหรี่ตาลงมองหน้าด้านข้างของวิธานเล็กน้อยก่อนจะแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะเธอไม่เชื่อหรอกว่าคนที่อยู่ในไร่กระจอกๆอย่างนายภูตะวันจะเป็นฤษีชีไพรที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีคนไหนเลย และหากเป็นแบบนั้นจริง เธอนี่แหละเอมวิกา จะทำให้นายนั่นตบะแตก และเธอจะจัดการถอดถอนเขาออกจากการเป็นคู่หมั้นไปชั่วนิรันดร์ คิดถึงแผนการที่จะยกเลิกการหมั้นหมายที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อนด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก

วิธานเหลือบมองใบหน้าสวยเป็นระยะๆพลางคิดในใจว่าคู่หมั้นของเจ้านายหนุ่มสติดีอยู่หรือเปล่า เดี๋ยวทำหน้ายิ้ม เดี๋ยวทำคิ้วขมวด และเดี๋ยวทำหน้างอ เจ้านายจะว่าอย่างไรหนอกับคู่หมั้นที่ไม่เคยเจอตัวครั้งนี้

“ ใกล้ถึงหรือยังลุง” เสียงถามดังแว้ดข้างหูทำเอาวิธานสะดุ้ง

“ เอ่อๆ ใกล้แล้วครับคุณหนูเลี้ยวซ้ายนี่ก็เข้าเขตไร่แสงตะวันแล้วครับ”

“ อืม ดีจริงฉันอยากพักอาบน้ำจะแย่แล้ว ปวดเมื่อยทั้งตัว สัญญากับตัวเองเลยว่าฉันจะไม่ขออยู่ที่นี่นาน”

คำสัญญาที่หญิงสาวเอ่ยออกมา วิธานถึงกับยิ้มกว้าง

“อย่าเพิ่งสัญญาแบบนั้นเลยครับ หากคุณหนูได้เห็นความงามตามธรรมชาติของไร่แสงตะวัน และเจ้าของไร่หนุ่มสุดหล่อ คุณหนูจะไม่อยากจากไปไหนนอกจากอยู่ที่ไร่แสงตะวันตลอดกาล”

“ หือ” หญิงสาวขมวดคิ้วเรียวสวยบนดวงตากลมโต

“ถึงขนาดจะอยู่ที่ไร่ตลอดกาลเลยเหรอลุง”

“ ครับ..ใช่” คำตอบที่มาพร้อมกับรถที่เลี้ยวตีโค้งเข้าเขตรั้วของไร่แสงตะวัน เอมวิกาเผลอกายหันไปมองตามทางที่รถวิ่งผ่านมาด้วยความชื่นชม สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นดอกทานตะวันที่กำลังชูช่ออวดความงามท้าสายตาแก่ผู้พบเห็น

“สวยใช่ไหมครับคุณหนู” วิธานถามขึ้นยิ้มๆ

“ใช่สวย” หญิงสาวตอบเหมือนเสียงละเมอ

พอดีกับที่รถวิ่งมาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ครึ่งตึกครึ่งไม้ที่มีรูปทรงสวยงาม

“เห็นไหมละครับธรรมชาติที่สวยงามที่ผมบอกเป็นจริงหนึ่งอย่างแล้ว เหลืออีกอย่างคือเจ้าของไร่สุดหล่อ ซึ่งคุณหนูคงจะได้พบภายในไม่กี่นาทีนี้แล้ว..เชิญครับ”วิธานเปิดประตูรับหญิงสาวด้วยรอยยิ้มกว้าง

เอมวิกาเดินลงจากรถด้วยท่าทางเหมือนละเมอ นี่เหรอบ้านป่าเมืองเถื่อน นี่มันแดนสวรรค์ชัดๆ มองไปทางไหนก็มีแต่ความสวยงามของธรรมชาติและดอกไม้

หญิงสาวเดินตามชายสูงวัยไปอย่างช้าๆผ่านประตูหน้าบ้านเข้ามาอย่างใจลอย โอ..สวรรค์

“ ไร่แสงตะวันยินดีต้อนรับคุณหนูแห่งเมืองกรุง”

เสียงนุ่มทุ้มที่ทักอยู่ตรงหน้าทำเอาหญิงสาวสะดุ้งสุดตัว

“เอ่อ..ค่ะ” ใบหน้าที่หล่อเหลาคมเข้มของชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้คนเก่งอย่างเอมวิกาพูดไม่ออก ขนาดเธอว่าภาษิตแฟนหนุ่มของเธอหล่อบาดใจแล้ว หากมาเทียบกับบุรุษที่ยืนต่อหน้าเธอตอนนี้คงได้ห่างชั้นกันไกล

“ ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเองก่อน” เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนยืนนิ่งไม่พูดอะไรต่อ ชายหนุ่มจึงเอ่ยแนะนำตัว

“ ผมชื่อภูตะวันเจ้าของไร่แสงตะวันแห่งนี้ และเป็นคู่หมั้นของคุณหนูเอมวิกา”

น้ำเสียงที่สุภาพนุ่มนวลของเขาฟังดูน่ายินดีที่รู้ว่าหนุ่มรูปงามคือคู่หมั้น หากไม่ติดขัดตรงใบหน้าที่เฉยชา และดวงตาที่แข็งกระด้างของเขาซึ่งผิดจากน้ำเสียงลิบลับ

บทถัดไป