บทที่ 7 7

“ถึงแล้วครับ คุณราม..นั่นไงครับ อชันตารีสอร์ท”

เทวาตัดบทด้วยการชี้ให้รามมองไปยังสิ่งก่อสร้างที่ซ่อนตัวอยู่หลังแมกไม้บนเนินเขาเบื้องหน้า ทางเข้ารีสอร์ทมีป้ายหินแกรนิตขนาดใหญ่ตระหง่านอยู่ พื้นทรายถูกตัดทับด้วยคอนกรีตทอดตัวเป็นทางเข้าไปสู่ที่พักผ่อนแสนหรูหราชื่อว่า อชันตารีสอร์ท ตลอดทางเข้าถูกประดับตกแต่งด้วยต้นปาล์มต้นเตี้ยๆ ลีลาวดีและไม้หายาก แลไปยังเรือนรับรองแต่ละหลังได้รับการออกแบบสไตล์บาหลี

พื้นที่ถูกใช้อย่างคุ้มค่าทั้งบนหาดทรายและบริเวณเนินเขา เรือนไม้สักแต่ละหลังกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบๆ เพื่อตอบรับความต้องการของแขกทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ดูช่างเป็นรีสอร์ทหรูหราสำหรับแขกกระเป๋าหนัก รถคันใหญ่สีดำเข้าไปจอดเทียบบริเวณหน้าอาคารไม้ที่จัดไว้สำหรับรับรองนักท่องเที่ยว แม้จะยังไม่เปิดให้บริการแต่ก็มีพนักงานบางส่วนมาทำงานกันบ้างแล้ว เมื่อลงจากรถรามสัมผัสได้ถึงสายลมอ่อนๆ ที่พัดเอากลิ่นทรายและน้ำทะเลมาแตะจมูก ชายหนุ่มหันไปมองรอบๆ มีรูปแกะสลักแบบอินเดียเรียงรายอยู่ก็ให้นึกสงสัย

“ทำไมคุณแม่ตั้งชื่อที่นี่ว่าอชันตารีสอร์ท”

“เมื่อสามปีที่แล้วคุณหญิงเดินทางไปอินเดีย ท่านไปเที่ยวตามพุทธศาสนสถานโบราณ เห็นว่าท่านประทับใจแคว้นมหาราษฏระ เมืองออรังกบาดมาก ท่านมีโอกาสขึ้นไปเยี่ยมชมถ้ำอชันตาบนที่ราบสูงเดคกัน เป็นถ้ำที่มีสถาปัตยกรรมยิ่งใหญ่มากเลยเก็บความประทับใจกลับมาที่นี่ และตั้งชื่อรีสอร์ทแห่งนี้ตามชื่อถ้ำอชันตา”

เทวาอธิบายให้ฟังอย่างลื่นไหล

“รีสอร์ทแบ่งออกเป็นสองโซนคือริมหาด เป็นโซนสปา มีห้องสปาห้าห้อง และเรือนพักบนเนินเขา ท่านอยากให้ออกแบบบาหลีแต่ตกแต่งด้วยภาพสีน้ำแบบเฟรสโกอย่างที่อชันตา อาจแตกต่างแต่ก็ดูกลมกลืน อืม....ผมขอเชิญคุณรามไปดูห้องทำงานดีกว่าครับ พอดีจะให้ดูใบสมัครของพนักงาน ผมเปิดรับเลขานุการให้คุณด้วยหนึ่งตำแหน่ง เพราะเดือนหน้าเราจะจัดงานเปิดตัวอชันตาอย่างเป็นทางการ”

เทวาเดินนำหน้าผู้ที่จะมาบริหารรีสอร์ทไปยังห้องทำงานซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของอาคารที่ใช้รับรองแขก ทางเดินนั้นตรงไปยังเรือนไม้หลังเล็กหันหน้าออกสู่ชายหาด เป็นเรือนไม้สักกั้นรอบด้วยกระจกติดฟิล์มสีดำสนิท เทวาล้วงกุญแจในกระเป๋ากางเกงเพื่อใช้ไขลูกบิดก่อนจะค่อยๆ ผลักประตูเข้าไปด้านใน

“นี่เป็นห้องทำงานของคุณครับคุณราม”

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปด้านในตามคำเชื้อเชิญ ภายในเป็นห้องที่ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากห้องทำงานทั่วไป มีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ติดกับกระจกด้านหนึ่ง ตู้เอกสาร ชั้นวางหนังสือ โซฟารับแขกเป็นไม้แกะสลักแบบโบราณ และ...ภาพสีน้ำใส่กรอบไม้วางซ้อนอยู่ที่มุมห้องราวไม่มีใครใส่ใจ รามทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานอย่างเนือยๆ

“ใบสมัครอยู่บนโต๊ะครับ ถ้ามีอะไรผมอยู่ที่โอเปอเรเตอร์ด้านนอก เชิญคุณรามตามสบาย”

ทันทีที่ประตูปิดลงชายหนุ่มถึงกับถอนใจยาว พิงเก้าอี้แหงนหน้ามองเพดาน สักพักจึงหยิบกองกระดาษที่วางซ้อนกันบนโต๊ะมาดูอย่างไม่ตั้งใจนัก เป็นใบสมัครงานติดรูปถ่ายและชื่อผู้สมัครใบแล้วใบเล่าที่ผ่านตาไป จวบจนใบสุดท้าย เป็นใบหน้าที่เขายังจำได้ติดตาเมื่อวานนี้...กลางถนน

“นางสาวลักษมี เศรษฐกร”

มือของชายหนุ่มสั่นเล็กน้อย ดวงตาที่จ้องมองกระดาษแผ่นนั้นแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่ชิงชังยิ่งนัก คงเป็นเวรกรรมที่ผู้ก่อไม่อาจหนีพ้น ผู้หญิงที่ทำร้ายน้องชายปางตายจึงต้องหลุดเข้ามาอยู่ในวังวนของความพยาบาทอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง หากมิใช่ความบังเอิญ ฟ้าคงมีตาไม่เข้าข้างผู้ที่เป็นฝ่ายกระทำข้างเดียว ริมฝีปากนั้นเหยียดออกอย่างเหี้ยมเกรียม ตอนนี้เขาตัดสินใจได้แล้วว่าใครสมควรได้รับตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวที่จะมารับผิดชอบงานให้เขาได้ ชายหนุ่มเก็บใบสมัครส่วนที่เหลือไว้ในลิ้นชักชั้นล่างสุด มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะต้องได้รับตำแหน่งนี้ รามเอื้อมมือไปกดปุ่มอินเตอร์คอมอย่างรวดเร็ว

“เทวา.....เข้ามาหาผมหน่อย”

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กริ๊ง.....กริ๊ง...เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในตอนเช้าที่อากาศมืดครึ้ม ลักษมีจำต้องวางมือจากงานในครัวแล้วรีบวิ่งออกมารับอย่างรีบร้อน

“สวัสดีค่ะ บ้านแม่มิ่งขวัญค่ะ”

“สวัสดีครับ ผมเทวาโทรมาจากอชันตารีสอร์ท ขอเรียนสายคุณลักษมี เศรษฐกรครับ”เสียงตามสายสร้างความประหลาดใจให้หญิงสาวไม่น้อยก่อนจะตอบว่า

“ลักษมีรับสายค่ะ ไม่ทราบว่า.....”

“สวัสดีครับคุณลักษมี ผมโทรมาเพื่อนัดสัมภาษณ์คุณวันนี้สิบโมงเช้า ไม่ทราบว่าคุณลักษมีสะดวกหรือไม่ครับ”

ลักษมีอึ้งไปเพียงชั่วครู่ก่อนจะรีบตอบรับ “ค่ะ...ค่ะ....ได้ค่ะ” แม้เสียงสัญญาณของอีกฝ่ายขาดหายไปแล้วแต่หญิงสาวยังคงกำหูโทรศัพท์ไว้แน่น สองสัปดาห์แล้วที่เธอทิ้งใบสมัครไว้ตามที่ต่างๆ อชันตารีสอร์ทเป็นที่แรกที่ตอบกลับให้เธอไปสัมภาษณ์ แต่ดูเหมือนเป็นการสัมภาษณ์ที่รีบร้อนเหลือเกิน ในดวงตาเศร้ามีแววแห่งความยินดีวาบขึ้นมาชั่วขณะก่อนที่มันจะถูกกลืนหายไปในความหม่นหมองที่ทับถมหัวใจยามนี้ แม้จะเฝ้าเพียรกล่อมตัวเองว่าเธอลืม ผู้ชายคนนั้นได้แล้วนับพันหน ทว่าก็อดที่จะคิดมิได้เลยว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นปลายสายอาจจะเป็น ราช ผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป