บทที่ 8 8

“ใครโทรมาน่ะ มีมี่”

“อชันตารีสอร์ทค่ะ เขานัดไปสัมภาษณ์วันนี้เลย .....แม่!!!”

หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อหันไปพบกับภาพที่มารดาทรุดฮวบลงที่ประตู ลักษมีรีบถลาเข้าไปประคองหญิงวัยกลางคนด้วยความตกใจสุดขีด

“แม่..แม่...แม่เป็นอะไร”

เธอยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเห็นรอยเลือดสีแดงกระจายเป็นจุดเล็กๆ อยู่บนแขนเสื้อของมารดา ใบหน้านั้นซีดเผือดไม่มีเลือดเลี้ยงแม้แต่น้อย หลายเดือนมานี้มารดามีอาการไม่สบายกระเสาะกระแสะ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะอาจเป็นอาการของผู้หญิงที่เลยวัยทองมาแล้ว หากแต่บัดนี้อาการของมิ่งขวัญทรุดหนักลงจนลักษมีเริ่มครั่นคร้ามเสียแล้วว่ามันอาจไม่ใช่อาการเจ็บป่วยธรรมดา

“หนูจะพาแม่ไปหาหมอนะคะ แม่ทำใจดีๆ”

“ไม่เป็นไรลูก...ไป...ไปสัมภาษณ์งานก่อนนะ มีมี่อย่าห่วงแม่ เดี๋ยวสักพักแม่ก็หาย”

“แม่พูดแบบนี้ทุกที อาการแม่ก็ไม่ดีขึ้นเลย หนูจะพาแม่ไปหาหมอเองนะคะ”ไม่ทันที่มิ่งขวัญจะตอบว่ากระไรก็มีใครคนหนึ่งโผล่หน้ามาที่ประตูพร้อมกับเสียงแหลมเล็ก

“แม่ขวัญจ๋า...แม่ขวัญ ฉันเอายาย้อมผมสีใหม่มาให้ อ้าว!...แม่ขวัญเป็นอะไรไปนั่น”

เสียงป้าตุ๊กร้านเสริมสวยข้างบ้านดังโหวกเหวกขึ้น ร่างอวบนิดๆ ในชุดแซกสีแดงสดขับผิวขาวนวลเดินนวยนาดเข้ามาข้างใน มือข้างหนึ่งที่ถือกล่องน้ำยาย้อมผมรีบวางลงบนโต๊ะรับแขกก่อนจะเข้าไปดูใกล้ๆ

“ตายแล้ว...แม่ขวัญเป็นอะไร ไม่ได้...ไม่ได้....ต้องรีบพาไปหาหมอละ มีคนพาไปรึยัง...ไม่มี...เดี๋ยวๆ ฉันจะโทรให้ตาอ่ำผัวฉันมารับ” ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ ว่าพลางป้าตุ๊กก็รีบกรีดนิ้วลงบนปุ่มหมายเลขบนโทรศัพท์มือถือที่ห้อยคอไว้

“ไม่ต้องก็ได้จ้ะ...แม่ตุ๊ก อย่ารบกวนแม่ตุ๊กเลย” มิ่งขวัญกลั้นใจพูดด้วยเสียงแหบโหยด้วยสำนึกว่าตนเองทำให้คนที่อยู่รอบข้างลำบากกันเสียหมด

“มีมี่รีบไปสัมภาษณ์งานก่อนเถอะลูก แม่ไม่เป็นอะไร”

“อ้าว...หนูมีมี่มีธุระรีบไปเหรอ...ไปเถอะ...ไปเถอะ ฉันจะให้ตาอ่ำพาแม่ขวัญไปโรงพยาบาลเอง จะคิดอะไรมากคนบ้านใกล้เรือนเคียง ไปมาหาสู่กันเช้าค่ำ แค่พาไปโรงพยาบาลแค่นี้ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไร...ไป๊...ไป๊....”

ลักษมีเงยหน้ามองป้าตุ๊กที หันกลับไปมองมารดาทีอย่างลังเล ป้าตุ๊กเป็นสาวงามเมืองเชียงรายแต่มาแต่งงานอยู่กินกับตาอ่ำชาวภูเก็ตและเปิดร้านเสริมสวยอยู่ติดกับรั้วบ้าน แทบทุกวันต้องมานั่งสนทนาพาทีกับมารดาจนดึกดื่น ป้าตุ๊กบอกว่าแม่ขวัญเป็นคนที่คุยถูกคอกัน ระยะหลังมานี้มารดาไม่ค่อยสบายป้าตุ๊กจึงมาหาบ้างเป็นบางวัน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความมีน้ำใจสาวเชียงรายมีเต็มเปี่ยม

ลักษมีจำต้องยอมให้ลุงป้าข้างบ้านพาแม่ไปโรงพยาบาล แล้วบ่ายหน้าไปยังอชันตารีสอร์ททั้งที่ลึกๆ แล้วเธอยังคงเป็นกังวลอยู่หนักหนา หากแต่ก็จำเป็นต้องทำสิ่งที่คิดว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระของมารดาได้ ยามนี้เหลือเพียงเธอและมิ่งขวัญเพียงสองคนเท่านั้นตั้งแต่บิดาหย่าร้างกับมารดาไปแต่งงานใหม่กับสาวสังคมทั้งไม่เคยกลับมาหาครอบครัวเก่าอีกเลย วันนี้หญิงสาวเลือกสวมชุดแซกผ้ามัสลินสีขาวเรียบๆ เพื่อให้เหมาะกับการสัมภาษณ์งาน บนเรียวหน้ารูปไข่ไล้ด้วยบรัชออนสีส้มจางๆ และแต้มลิปสติกสีโอรสอ่อนใสบนริมฝีปากบาง ผมยาวตรงดำขลับถูกรวบเป็นหางม้าเรียบตึงไว้ด้านหลังเผยให้เห็นความงามตามธรรมชาติของใบหน้าที่มิต้องฉาบทาด้วยความคมเข้มของสีสันใดๆ

รถโคโรลล่าสีบรอนซ์เงินค่อยๆ แล่นเข้าไปจอดในบริเวณอาคารรับรองของรีสอร์ทหรู ร่างบางระหงในชุดแซกสีขาวก้าวลงมาจากตัวรถอย่างหมิ่นเหม่ ลักษมีหันไปดูนาฬิกาดิจิทัลที่คอนโซลหน้ารถ ตอนนี้เก้าโมงสี่สิบนาทีแล้ว หญิงสาวโล่งใจนิดหนึ่งที่มาถึงก่อนเวลาเล็กน้อยแต่ก็ตื่นเต้นนิดๆ กับความคิดที่มีไปสารพัดว่าใครจะเป็นผู้สัมภาษณ์ คนเข้ารับการสัมภาษณ์จะเยอะมั๊ย คำถามล่ะ....จะยากหรือง่าย

“สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”

เสียงทุ้มลึกดังขึ้นทำให้หญิงสาวที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างรถรีบหันไปทางชายหนุ่มในชุดสูทสีดำซึ่งมายืนอยู่ข้างหลังเมื่อไรไม่รู้

“สวัสดีค่ะ....ดิฉันมาสัมภาษณ์งานตามที่รีสอร์ทโทรไปนัดหมายน่ะค่ะ คือ...ดิฉันไม่รู้ว่าห้องสัมภาษณ์อยู่ที่ไหน”

หญิงสาวพูดพลางหันรีหันขวางโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีบางอย่างฉายวาบขึ้นมาในแววตาของอีกฝ่าย

“คุณลักษมีใช่ไหมครับ ผมเทวา ผมเองเป็นคนโทรไปแจ้งคุณเมื่อเช้านี้ เชิญทางนี้ครับผมจะพาคุณไปพบกับ คุณราม เจ้าของที่นี่ เขาจะเป็นคนสัมภาษณ์คุณ”

ลักษมีอ้าปากจะถามต่อแต่ก็ไม่ทันร่างสูงที่เดินจ้ำอ้าวนำหน้าไปเสียก่อน หญิงสาวรีบหันไปหยิบกระเป๋าสะพายในรถก่อนจะรีบเดินตามไปยังเรือนไม้สักหลังเล็กริมชายหาด

“เชิญเข้าไปได้เลยครับ คุณรามอยู่ด้านใน”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป