บทที่ 5 2.2

“ทำไม” หญิงสาวนิ่วหน้าไม่เข้าใจ

“เขาอยากได้ตัวเธอ” นลินีเฉลยเสียงเรียบ แววตาแปลกๆ ผ่านเข้ามาวูบหนึ่ง นั่นทำให้คนฟังใจสั่น “เขายื่นข้อเสนอมาว่าเธอจะต้องเป็นเมียเขาเขาถึงจะยอมช่วย”

“เหตุผลบ้าบอคอแตกน่ะสิ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ” หญิงสาวสบถแล้วลุกออกจากเก้าอี้ ทำท่าจะเดินกลับ แต่นลินีก็เดินเข้าไปขวาง

“หลีกไปที ฉันจะเข้าไปในบ้านค่ะ” แก้วดาราเริ่มรำคาญ

“จะไม่ฟังต่ออีกสักหน่อยหรือ”

ท่าทางนลินีจะไม่ยอมให้เธอไป แก้วดาราจึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ยกมือกุมขมับ กลับไปนั่งที่เดิม แล้วถาม

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอาให้รู้เรื่องกันตอนนี้ไปเลย...ทำไมต้องเป็นฉันด้วยคะ”

ตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นทายาทรัตนโภคิน ขนาดนามสกุลยังไม่ได้ใช้ แต่ทำไมเศรษฐีคนนั้นถึงอยากได้เธอที่จับมีดผ่าตัดมาทั้งชีวิต นอกจากเรื่องในโรงพยาบาลก็ไม่ค่อยรู้อะไร ยิ่งเรื่องธุรกิจด้วยแล้วต้องบอกเลยว่าเธอโง่

“มีผู้ชายคนไหนบ้างที่จะไม่สนใจผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งฉลาดแบบเธอ” นลินียื่นมือมาจับมือเธอแล้วกระชับเบาๆ “เธอมีร่างกาย มีใบหน้าที่สวยงาม มีมันสมองและไหวพริบที่ดีแถมยังเป็นถึงลูกสาวคุณศักดา หลักประกันชั้นดีแบบนี้ใครจะไม่ต้องการใช่ไหม...ผู้ชายคนนั้นเลยเจาะจงเลือกเธอไง”

แก้วดารานิ่ง...เธอคิด สายตามองออกไปเลื่อนลอย เกือบจะคล้อยตามแต่ก็สะบัดมือออกจากคนตรงหน้า “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว”

“พ่อเธอก็บอกกับเขาไปแบบนั้นนั่นแหละ แต่เขาไม่ยอม เขาเป็นคนเดียวที่ใจป้ำพอที่จะยื่นมือช่วยบริษัทเรา ที่ยื่นข้อเสนอมาแบบนี้เพราะรู้ว่าเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะยอมให้บริษัทเจ้ง ฉันสงสารพ่อเธอนะ เขาไม่อยากจะขายลูกตัวเองพอๆ กับที่ไม่ยอมทนดูบริษัทที่ร่วมกันสร้างมากับแม่เธอพัง แต่เขาก็เลือกที่จะทำเพื่อเธอนะ”

แค่ได้ยินหญิงสาวก็ไม่อยากจะเชื่อ...พ่อนะหรือทำเพื่อเธอ มีเหตุผลอะไรที่เขาจะทำแบบนี้ ตั้งแต่เธอเกิดมาเขาก็มีแต่จะไสหัวเธอออกไปให้พ้นๆ

ไสหัวเธอออกไปให้พ้นๆ...หญิงสาวต้องสะดุดกับความคิดตัวเอง นี่คงเป็นวิธีการกำจัดเธอออกไปจากชีวิตพร้อมกับรักษาผลประโยชน์ของบริษัทไปด้วยสินะ

“ฉันรู้ว่าเธอรักศักดิ์ศรียิ่งกว่าอะไร งั้นก็ไม่ต้องคิดสิว่ามันเป็นการขายตัว คิดเสียว่ากำลังช่วยบริษัทอยู่ก็ได้...แค่คืนเดียวเอง อีกอย่างเขาก็รวยออก ถ้าเธออยากจะเปลี่ยนแผนไปเกี่ยวดองกับเขาก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบนะ โอกาสแบบนี้มันไม่ได้มีมาให้คว้าง่ายๆ นะแก้วดารา ถ้าพรุ่งนี้เธอไม่ไปที่บ้านเขา ทุกอย่างก็จบ รอดูบริษัทที่พ่อกับแม่เธอร่วมสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงจมหายไปกับมวลหนี้ได้เลย...ถึงเวลานั้นเธอจะโทษใครไม่ได้นะนอกจากตัวเอง” ไม่มีใครรู้จุดอ่อนของแก้วดาราดีไปกว่านลินีอีกแล้ว

แก้วดารานิ่งไปครู่หนึ่ง...เพื่อชั่งใจ แต่ก็ตอบโต้แม่เลี้ยงได้ในที่สุด “ถ้าไม่ได้ยินจากปากพ่อ ฉันจะไม่มีวันเชื่อคุณ” หญิงสาวบอกเสียงเกรี้ยวกราดแล้วลุกพรวดออกไปจากที่นั่ง

“อีแก้วดารา” นลินีแทบกรีดร้องเมื่อท้ายที่สุดแผนการล้มเหลวไม่เป็นท่า ก็ได้แต่มองตามหลังคนที่เดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยอาการอยากจะทึ้งเนื้อเธอออกเป็นชิ้นๆ แต่ไม่มีใครรู้ว่าในเวลานี้แก้วดารากำลังสับสน เหตุผลและหลักฐานที่นลินีมีมันหนักแน่นพอจะทำให้ใครหลายๆ คนเชื่อได้ แต่ไม่ใช่เธอ...ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าไว้ใจ เธอรู้ และจะไม่เชื่อใจจนกว่าจะได้รู้ความจริงจากปากศักดา

ชายสูงวัยจ้องเงาสะท้อนใจกระจกด้วยแววตาสิ้นหวังพร้อมกับถอนหายใจจนไหล่ลู่ ศีรษะล้านจนต้องใส่วิกเพราะเป็นผลข้างเคียงจากการรักษา ผมที่ร่วงหล่นไปนั้นคล้ายเป็นสัญญาณบอกว่าสิ่งต่อไปที่จะร่วงโรยคือชีวิตเขานั่นเอง แต่ก่อนตายเขาเพียงอยากปรับความเข้าใจลูกสาวก่อน...แค่นี้สวรรค์คงเมตตา

“คิดเรื่องอะไรอยู่หรือคะคุณพี่”

นลินีวางแก้วน้ำส้มคั้นลงบนโต๊ะทำงาน เธอเดินเข้าไปโอบรอบลำคอเขาแล้วชะโงกหน้าไปยิ้มให้ นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ศักดาพึงพอใจ

“เรื่องไร้สาระน่ะ” ศักดายิ้มละมุนพลางยกมือขึ้นแตะแขนเล็กด้วยความรัก

“คิดเรื่องแก้วดาราอยู่ใช่ไหมคะ” แน่นอนเธอรู้...และรู้อีกด้วยว่าเขาอยากปรับความเข้าใจกับลูกก่อนจะไม่มีโอกาส

“ลูกคงเกลียดฉันมาก ฉันคงไม่มีทางเป็นพ่อที่ดีได้หรอก”

“มีสิคะ” คนเป็นภรรยาเอ่ยเสียงนุ่ม เมื่อได้เห็นศักดานิ่วหน้าสงสัยเธอจึงเอ่ย “เมื่อกี้ดิฉันลงไปคุยกับเธอมาค่ะ ดิฉันขอให้เธออยู่ที่นี่เพื่อดูแลคุณก่อนที่เธอจะไม่มีโอกาส...ใช่ค่ะเธอไม่ยอม แต่เธอบอกว่าถ้าไม่ได้ยินจากปากคุณเธอก็จะไม่เชื่อ ฉันเลยคิดว่าเรายังมีความหวังอยู่”

“คุณจะให้ผมขอร้องให้มันอยู่ที่นี่งั้นหรือคุณนี” น้ำเสียงศักดากร้าวขึ้น ต่อให้รู้สึกผิดมากแค่ไหนเขาก็ไม่ยอมละจริต เรื่องอะไรจะลงไปงอนง้อเด็กหัวแข็งคนนั้น

“ถ้าคุณกลัวเสียฟอร์มคุณก็ไม่ต้องพูดอะไรมากสิคะ ดิฉันเท้าความเอาไว้หมดแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่คุณแล้วค่ะว่าจะทำให้ลูกสาวคุณเชื่อได้หรือเปล่า...ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ดิฉันก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่นะคะ อย่าลืมสิว่าคุณไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”

“ฉันจะลองดู” คนเป็นสามีพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองจะทำได้ แต่ถ้าไม่ลองเสี่ยงก็คงไม่มีทางรู้

ศักดาวางหนังสือลงเมื่อบุตรสาวเข้ามาพบตนที่ห้องสมุดในช่วงบ่ายวันนั้น เธอแต่งกายเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางที่จะมาถึงในช่วงเย็น

“มีธุระจะพูดกับหนูหรือคะ”

“นั่งก่อนสิ” ศักดาบอกเบาๆ

หญิงสาวมองหาเก้าอี้แล้วดึงเข้ามานั่งหน้าโต๊ะทำงาน ก่อนจะเห็นท่านถอนหายใจ

“มีเรื่องไม่สบายใจอะไรคะ...ใช่เรื่องเดียวกับที่หนูอยากจะถามหรือเปล่า”

ที่จริงแล้วแก้วดาราคิดมาก่อนหน้านี้เล็กน้อยว่าธุระของพ่อคืออะไร เธอเองก็อยากจะพบท่านก่อนไปด้วยเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

ศักดาพยักหน้าแววตาดูอิดโรย แก้วดาราสะอึก น้ำตาที่กลั้นไว้พานจะไหลแต่เธอก็มีความสามารถพอที่จะหยุดมันไว้ได้

“ฉันไม่มีอะไรจะพูด เพราะนลินีคงพูดไปหมดแล้ว จะเหลือก็แต่ขอร้อง...”

แววตาศักดาเว้าวอน ปรารถนา ท้ายที่สุดแล้วเพื่อไถ่บาปเขาต้องละทิ้งทิฐิในใจเพื่อขอร้องลูกสาวคนนี้

ขณะที่ลมหายใจหญิงสาวสะอื้น นี่ใช่ไหมที่พ่อต้องการ...ผลักไสเธอออกไปจากชีวิตท่าน

“ได้ไหมแก้วดารา ทำเพื่อฉัน เพื่อที่เราจะได้กลับมาเป็นพ่อลูกกันเหมือนพ่อลูกคนอื่นๆ...เรื่องแค่นี้แกช่วยฉันได้ไหม” ศักดาวิงวอน เอื้อมมือไปจับมือลูกสาวแล้วกระชับไว้

คำว่าพ่อทำให้หญิงสาวเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความปวดร้าว นี่คือสิ่งตอบแทนสำหรับเธอสินะ...เพื่อให้เขายอมรับเธอในฐานะลูกสาว เธอต้องยอมแลก

“ทำไมคะคุณพ่อ ทำไมต้องทำแบบนี้” ทำไมต้องขายเธอให้คนอื่น แก้วดารามั่นใจว่าศักดาเป็นคนเสนอเงื่อนไขนี้มากกว่าที่ผู้ชายคนนั้นจะเป็นฝ่ายเรียกร้องมาเอง

“เพราะฉันไม่มีทางเลือกแล้ว ฉันไม่มีทางเลือกแล้วจริง” หลังจากนี้ไปหากเขาไม่ทำเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ทำอีกไหม เขาอาจจะตายก่อนได้ปรับความเข้าใจกับลูก “ได้ไหมแก้วดารา...เพื่อฉัน” อยู่ที่นี่เพื่อเขา...เพื่อพ่อแย่ๆ ที่เวลาบนโลกนี้เหลือน้อยเต็มที

“ในเมื่อพ่อต้องการและทำถึงขนาดนี้หนูก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงได้ หนูเกิดมาเป็นแก้วดารา...เป็นนางเด็กที่ไม่ว่าพ่อจะทำยังไงกับหนูก็ได้อยู่แล้ว หนูคงหมดทางเลือกแล้วจริงๆ” แก้วดาราสะอื้นไห้ เจ็บปวดหนักหน่วงเกินบรรยาย สุดท้ายแล้วเธอต้องยอมขายตัวเอง ขายศักดิ์ศรี...เพื่อพ่องั้นหรือ

“แกพูดแบบนี้หมายความว่าแกยอมแล้วใช่ไหมแก้วดารา” ศักดายิ้มกว้าง แววตาเปี่ยมด้วยความหวัง คนเป็นลูกกลืนก้อนสะอื้น พยักหน้าเบาๆ

“ค่ะ หนูยอม” หญิงสาวดึงมือจากมือท่าน ก่อนจะลุกจากที่นั่งไปยืนอยู่ไกลๆ เบือนหน้าหลบด้วยหัวใจแสนช้ำ  “ลาก่อนนะคะพ่อ หวังว่าการที่หนูตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้คุณพ่อระลึกได้นะคะว่ามีหนูเป็นลูก”

สิ้นคำบอกหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืดออกไปจากห้องสมุด คำกล่าวลานี้ทำให้หัวใจศักดาเจ็บแปลบ ทั้งอึ้งทั้งไม่เข้าใจในการกระทำของบุตรสาว ไหนแก้วดารายอมตกลงจะอยู่ดูใจเขาจนถึงวาระสุดท้าย แต่ทำไมถึงทำแบบนี้ เธอแค้นเขามากขนาดที่วาระสุดท้ายก็ไม่วันยอมให้คนเป็นพ่อได้ไถ่โทษเชียวหรือ ศักดาน้ำตาร่วงพลางยกมือขึ้นมากุมหัวใจที่ตอนนี้มันกำลังบีบตัวและปวดรุนแรงจนเขาต้องสูดลมหายใจและอยู่นิ่งๆ ทั้งที่อยากเดินตามไปใจจะขาด นี่ใช่ไหมกรรมที่เขาจะต้องชดใช้!

แต่ทั้งสองไม่รู้เลยว่าการสนทนาคลุมเครือเป็นจุดเริ่มต้นที่นำมาซึ่งเหตุการณ์พลิกผันในชีวิตแก้วดารา!

นลินีเห็นกระต่ายตัวน้อยๆ ของเธอวิ่งร้องไห้ออกมาจากห้องสมุดก็รีบเข้าไปแสดงตัว ฝ่ายนั้นเช็ดน้ำตาแล้วตามเข้ามาคุยในห้องเพราะตั้งใจจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“ฉันจะต้องทำยังไงบ้างคะ”

หญิงสาวรีบพูด ไม่ยอมนั่งเก้าอี้ที่นลินีเชื้อเชิญ แม้แต่เหยียบเข้ามาในห้องนี้เธอก็ไม่อยากทำด้วยซ้ำ

“ไปตามนี้” นลินีส่งกระดาษใบเล็กที่เขียนแผนที่ไว้ให้เธอ หญิงสาวรับมาดู อ่านชื่อสถานที่ ‘ไร่ภูสิตา’ แล้วน้ำตาก็เริ่มจะไหล...ที่แห่งนี้เธอกำลังจะเอาศักดิ์ศรีไปเดิมพัน

“เท่านี้ใช่ไหมคะ” กล่าวเชิดๆ อยากจะไปให้พ้นหน้าทุกคน แล้วร้องไห้คนเดียว ไม่อยากให้ใครเห็นหรือรับรู้ว่าเธออ่อนแอ

“บอกเขาว่าเรามาจากรัตนโภคิน”

“ค่ะ” เสียงนั้นกระด้างจัดแต่แววตาแก้วดาราวูบไหว จนต้องเบือนหน้าหนี

“แค่คืนเดียวเท่านั้นแก้วดารา” นลินีลุกจากที่นั่ง อ้อมหญิงสาวแล้วพูดเบาๆ ตรงท้ายทอย มุมปากเรียวยกยิ้มสาแก่ใจที่หญิงสาวจะไม่มีวันได้เห็น

“ไม่มีอะไรแล้วฉันไปนะคะ...หวังว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก” หญิงสาวตั้งใจเอาไว้แล้วว่าถ้าจบเรื่องนี้ เธอจะอยู่เชียงใหม่ถาวร จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว

“โชคดีนะแก้วดารา ขอให้พระคุ้มครอง” หญิงสูงวัยกว่ากล่าวอวยพร หากหญิงสาวกลับฟังราวเสียงก่นด่าสาปแช่ง เธอรีบวิ่งออกไปจากห้องนี้ นลินีถึงได้ระเบิดเสียงหัวเราะสะใจพร้อมๆ กับชื่นที่แอบอยู่หลังประตู

“มันโง่เหมือนแม่มันไม่มีผิด”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป