บทที่ 6 3.1
แก้วดารากลัวจนตัวสั่นขณะถูกคนตัวโตลากขึ้นไปบนชั้นสอง เธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้จึงพยายามขืนตัวไว้ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเปิดประตูห้อง อย่างน้อยเขาอาจยอมปราณี
“คุณคะ ปล่อยดิฉันก่อนเถอะค่ะ ดิฉันเจ็บ” หญิงสาวพยายามแกะมือใหญ่ออกจากข้อมือตัวเอง ทำให้ชายหนุ่มหันกลับมามอง
“นี่ฉันทำให้เธอเจ็บหรือเนี่ย” เขากล่าวเสียงอ่อย แววตาอ่อนแสงลง แต่กลับบีบแรงขึ้นจนหญิงสาวหน้าเหยเกพร้อมกับหัวเราะเยาะสาแก่ใจ “แค่เจ็บเองหรือ”
“คุณคะดิฉันเจ็บค่ะ โอ๊ย...” แก้วดาราน้ำตาซึม พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะบิดมือออกจากมือใหญ่ แต่ก็ถูกกระชากทั้งร่างเข้าไปเสียก่อน
แก้วดาราได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอฝ่ายชายคล้ายสาแก่ใจ มือหนักเปลี่ยนมารั้งเอวบางแทน ดวงตาเจ้าเล่ห์พยายามสำรวจดวงหน้างามมนหากเธอก็เบี่ยงหลบได้ทัน
“ฉันไม่ต้องการให้เธอเจ็บ”
ชายหนุ่มเสียงอ่อนลงทว่ายังคงมีพลังอำนาจไม่ต่างจากเดิม พร้อมขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เสียจนเธอได้กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ลมหายใจอุ่นเป่ารดลำคอระหงจนคนตัวบางรู้สึกร้อนวูบวาบ
ศิลาส่งนิ้วโป้งแกร่งไล้แก้มขาวเบาๆ ด้วยความเพลิดเพลิน หญิงสาวหันหน้ามาสบตาเขาช้าๆ ด้วยคามประหลาดใจ ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นดวงตาสีดำขลับเป็นประกายวาววับ ทว่าแววตานั้นเหมือนมีบางสิ่งวูบเข้ามาพร้อมกับที่เธอถูกมือหนาจับรั้งเรือนผมจนใบหน้าแหงนหงาย
“โอ๊ย...”
แก้วดาราร้องเสียงหลง น้ำตาไหลพราก มือทั้งสองข้างอ้อมไปรั้งมือใหญ่ข้างนั้นไว้ ดวงตาสวยไหวระริกด้วยความหวาดกลัว ไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลย เขาดูเหมือนจะอ่อนโยนแต่เพียงพริบตาเดียวก็ทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับจอมอสูร มันทำให้ต้องถามตัวเองอยู่ในใจว่าเขาเป็นโรคจิตหรือเปล่า
“ฉันต้องการให้เธอเจ็บเจียนตาย ตายอย่างทรมานเหมือนหมาเหมือนแมวที่มันโดนยาเบื่อ...ฮ่าๆๆๆ” ศิลาหัวเราะเสียงเย็นใส่หน้าจนคนตัวบางหลับตาพริ้ม
หญิงสาวสงสัยว่าผู้ชายคนนี้น่าจะมีความบกพร่องทางอารมณ์ไม่มากก็น้อยถึงทำแบบนี้ หรือไม่เช่นนั้นเขาอาจจงเกลียดจงชังเธอมาก่อนแล้ว...หากมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เนื่องจากเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน
“คุณทำแบบนี้กับฉันทำไมคะ ฉันไปทำอะไรให้คุณ เรามีแค่หนี้สินที่ติดค้างกันในชาตินี้ใช่ว่าเราโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วเสียหน่อย”
หญิงสาวตัดพ้อเสียงสะอื้น กระนั้นชายหนุ่มก็รับรู้ถึงความถือดีได้ในท่าทางของเธอ
“ก็เพราะมันเป็นหนี้สินที่ติดค้างกันชาตินี้ ฉันจึงต้องสะสางให้มันจบภายในชาตินี้ยังไงล่ะ”
ใบหน้าคมโน้มลงไปจนจมูกโด่งชนพวงแก้มสวย พรมจูบทั่วใบหน้างามที่สะบัดดิ้นต่อต้าน ส่งลิ้นร้อนออกมาตวัดผ่านติ่งหูสวยแล้วขบเน้นๆ จนคนตัวบางสะดุ้งเฮือก ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะลั่นจนหูแก้วดาราแทบแตก เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วที่ไม่มีความแค้นคือเขาด้วยหรือว่าแค่เธอคนเดียว
“เข้าไป!!!” เสียงห้าวดังขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่แก้วดารารู้สึกว่าตัวเองถูกเหวี่ยงเข้ามาในห้องนอน ตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังลั่น พอหันไปมองชายหนุ่มก็ปราดเข้ามากระชากเธอจนตัวลอย
“คุณคะ อย่าทำรุนแรงกับดิฉันเลยนะคะ ฉันขอร้อง”
แก้วดาราแทบจะไหว้เขาอยู่แล้วหากชายหนุ่มไม่รั้งแขนทั้งสองข้างเอาไว้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะเยาะ
“โอ้โห...สงสัยเทรนกันมาดี มารยาแบบนี้คงใช้กับผู้ชายไปทั่ว”
“คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ดิฉันงงไปหมดแล้ว” ใช่...เธอไม่เข้าใจเขา ทุกสิ่งที่ชายคนนี้พูดออกมาด้วยเจตนาเยาะเย้ย แดกดัน เหน็บแนมล้วนบ่งบอกว่าเขาเกลียดเธอมาเนิ่นนานทั้งที่เธอยังไม่เคยรู้จักเขามาก่อน แม้แต่ชื่อ
“ก็ได้! ฉันจะใจดีกับเธอตามที่เธอเรียกร้อง”
คนตัวโตบอกด้วยน้ำเสียงกลั้วเราะ เขาไม่ได้สนใจตอบคำถาม ก่อนจะผลักร่างเล็กออกไปจนลมแปะลงกับพื้น เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ริมหน้าต่างด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ยกขาก่ายกันแล้วปรายตาเจ้าเล่ห์มองคนที่พยายามลุกขึ้นจากพื้น รอยยิ้มนั้นเจตนาเย้ยหยันให้หญิงสาวเจ็บใจ
แก้วดารามองคนคุ้มดีคุ้มร้าย ภายในจิตใจกำลังลุ้นระทึก เธอจะโดนอะไรอีกนอกจากแรงโทสะที่ไม่รู้ที่มาที่ไป หญิงสาวไม่เคยรู้สึกว่าเวลาไหนจะยาวนานเท่าตอนอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้...แม้จะบอกตัวเองว่าแค่คืนเดียวเท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมันจะนานชั่วกัปชั่วกัลป์
“ยืนขึ้น” คนตัวโตสั่งตาดุ
คนฟังได้ยินแล้วหัวใจสั่นแต่ก็ไม่กล้าขัดใจเขา เธอยืนตัวตรงก่อนจะเห็นรอยยิ้มประหลาดจากชายตรงหน้า แล้วปากหยักก็ขยับพูด
“เรามาเล่นเกมกัน”
“เกม...?” หญิงสาวแปลกใจ ไม่รู้ว่าควรตั้งรับด้วยวิธีไหน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนน่ากลัว
“ทวนหาอะไร! หูก็ไม่ได้หนวกนี่ ทำไมไม่ได้ฟังว่าฉันไม่ได้สั่ง” ชายหนุ่มตวาดด้วยความไม่พอใจ ไม่ชอบทั้งนั้นเวลาที่ใครก็ตามทำนอกเหนือคำสั่ง นั่นทำให้หญิงสาวกัดฟันก้มหน้ารับชะตากรรม
ศิลาเห็นแบบนั้นแล้วให้ได้สาแก่ใจเหลือเกิน เขาระเบิดเสียงหัวเราะที่ใครๆ ก็ต้องคิดว่าเขาบ้าออกมาก่อนจะกล่าว “เล่นเกมตอบคำถามเปลื้องผ้ากันดีกว่า”
“คุณ!” แก้วดาราหน้าแดงก่ำด้วยอารมณ์ขึ้งโกรธ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน มีคนเขาเดียวนั่นแล้วที่บ้าพอจะสั่งให้เธอเล่นแบบนี้
“ทำไม! ฉันอะไร” ศิลาตะคอกรุนแรงจนหญิงสาวสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ ท่าทางเขาจะไม่พอใจมาก
แก้วดารากัดริมฝีปากแน่นจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความเจ็บแค้นใจ แต่ยิ่งเขาเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ยิ่งชอบใจ...เขาอยากเห็นเธอคลั่งจนขาดใจตายต่อหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ
“กติกาคือฉันเป็นคนถามเธอเป็นคนตอบ...ตอบผิดหนึ่งข้อถอดหนึ่งชิ้น”
“แล้วถ้าดิฉันตอบถูก” แก้วดาราถามกลับ แววตาและท่าทางมั่นใจจนศิลาอยากหัวเราะเยาะ
“ถ้าเธอตอบถูก...” ชายหนุ่มลากเสียงยาวแล้วแสร้งทำครุ่นคิด มองสำรวจคนตัวบางที่สวมกางเกงขายาวสีขาวและเสื้อยืดสีเดียวกันคลุมด้วยเสื้อกันหนาวสีเทาด้วยแววตามีเลศนัย คงไม่เกินสามคำถาม...เขาคิดก่อนจะกล่าว
“ก็ต้องถอด”
“อะไรนะคะ” คนฟังเบิกตาโพลง เธอกำลังจะถูกเขาโกง
“เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองเพราะเธอใช้สิทธิ์นั้นไปแล้ว” ก็เธออยากให้เขาปราณี เขาก็ยอมให้แต่ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย แล้วแบบนี้เธอจะยังเรียกร้องเอาอะไรอีก “ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ต้องเล่นเกมนี้”
เกมที่เขาเป็นคนคุมและสุดท้ายก็จะเป็นผู้ชนะ...เกมถูกกำหนดมาแล้วโดยตัวเขาเอง เช่นเดียวกับที่เขาจะเป็นคนกำหนดชีวิตเธอนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป แต่เขาก็ยังมีทางเลือกให้เธออยู่ นั่นคือ...
“เว้นเสียแต่ว่าจะไม่อยากให้ฉันปราณี”
ทางเลือกที่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนหญิงสาวก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ดี!
“คุณนี่มัน...” แก้วดาราไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาเปรียบเทียบผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้ได้อีกแล้ว
“ฉันมันเป็นยังไง!!!” ศิลาตะคอกเสียงดังลั่นอีกครั้งเพื่อคาดคั้น
แก้วดาราสะดุ้งแล้วกลืนก้อนสะอื้นลงไปในอกก่อนจะพยักหน้าด้วยความขื่นขม เรียกเสียงหัวเราะสาแก่ใจให้คนตัวโตได้ดีเลยทีเดียว
“คำถามมีทั้งหมดสามข้อ ฉันจะเริ่มถามข้อหนึ่ง...” เขาแกล้งทอดเสียงแล้วปรายตามองคนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น ยิ่งเห็นยิ่งสาแก่ใจ ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกดี เขาอยากให้เธอเป็นแบบนี้...ทรมานใจแบบนี้แล้วขาดใจตายไปช้าๆ “ฉันชื่ออะไร”
‘เขาชื่ออะไร’ หญิงสาวถามตัวเองในใจด้วยความตื่นตระหนก แน่นอนเธอไม่รู้...ตั้งแต่เข้ามาในที่แห่งนี้เธอรู้จักเพียงคนเดียวคือคนที่ชายหนุ่มเรียกว่าเพิ่ม ส่วนนายเพิ่มก็เรียกเขาว่าเจ้านาย
“ว่ายังไง” ศิลาเร่ง
คราวนี้คนตัวโตไม่ได้ตะคอกเหมือนเดิม แต่แก้วดารากลับรู้สึกว่ามันเป็นเสียงที่น่าเกลียดน่ากลัวเหลือเกิน และในยามนี้หญิงสาวก็ต้องยอมจำนนต่อเขาแล้ว เธอจึงส่ายหน้าทั้งน้ำตา ผู้ชายใจร้ายจึงให้สัญญาณ
“ถอด!”
เสียงหัวเราะเบาๆ เคล้าไปกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น หญิงสาวก้มลงไปถอดถุงเท้าออกข้างหนึ่ง อยากจะประวิงเวลาให้ได้นานที่สุดแม้รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วก็จะต้องถอดหมดอยู่ดี แต่วินาทีนั้นเองเธอก็รู้สึกราวกับว่าพายุร้ายพัดกระหน่ำร่างกายเมื่อชายตรงหน้าปราดเข้ามาเขย่าไหล่ทั้งสองข้างตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“นี่เธอคิดจะลองดีกับฉันใช่ไหม”
“ดิฉันไม่ได้ทำผิดกติกาไม่ใช่หรือคะ” แก้วดาราเงยหน้าขึ้นบอกเสียงสะอื้นไห้ ดวงตาแดงก่ำสบกับดวงตาวาวโรจน์ ก่อนจะได้เห็นฝ่ายนั้นขบกรามแน่นด้วยความไม่พอใจ ทว่าชายหนุ่มกลับฉีกยิ้มพาให้หญิงสาวเย็นสันหลังวาบ
ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมากกว่าที่คิด!
“งั้นฉันจะเป็นคนถอดให้เธอเอง” เขาบอกด้วยรอยยิ้มเชือดเฉือนหัวใจ หญิงสาวถอยหนีทันทีที่ได้ฟังทว่าถูกเขารวบเอาไว้ได้เสียก่อน “เธอเคยได้ยินคำว่าอารมณ์ดิบเถื่อนไหม” เขาแกล้งถาม
หญิงสาวก้มหน้าตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดก่อนจะพยักหน้าเบาๆ คนตัวโตจึงดึงแขนเล็กแนบลงข้างลำตัวเธอ
“เพราะฉะนั้นก็อย่าตุกติกถ้ายังไม่อยากตายคาห้องนี้...เข้าใจไหม”
“คะ...ค่ะ” คนไม่มีทางสู้เสียงสั่นปนสะอื้น ไม่รู้ว่าจะต้องตกอยู่ในความทรมานแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่เขาจะให้เธอชดใช้หนี้ให้มันจบๆ ไปเสียที เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว ไม่อยากอยู่กับผู้ชายที่ป่วยทางจิตแบบเขาอีกแล้ว
“ฉันจะถามใหม่...ฉันชื่ออะไร”
“ไม่ทราบค่ะ” เสียงที่ตอบเขาสั่นสะท้านไม่แพ้ร่างกายที่กระตุกเพราะแรงสะอื้น ก่อนที่แก้วดาราจะต้องหวีดร้องเพราะผู้ชายใจร้ายจับตรงคอเสื้อเธอแล้วฉีกมัน “ว๊าย!”
“นี่คือการถอดที่ถูกต้อง และไม่ผิดกติกา!”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงเหี้ยมก่อนจะดึงเสื้อยืดตัวนั้นออกจากร่างบาง ไม่สนว่าเธอจะยังไม่ได้ถอดเสื้อกันหนาว เพราะสุดท้ายแล้วมันก็หลุดไปพร้อมกันอยู่ดี ความกักขฬะนี้ทำให้แก้วดาราร้องไห้หนักไปอีก สองมือน้อยยกขึ้นมาปิดบังทรวงอกที่อยู่ภายใต้ชั้นในสีสวย หากก็ถูกเขาดึงมือออกไปได้อีกครั้ง แม้คราวนี้เธอจะขืนไว้แต่ก็ไม่เป็นผล
“อย่าร้องไห้ถ้าฉันไม่ได้สั่ง” ใบหน้าคมโน้มลงมากระซิบชิดจมูกเรียวขณะที่สองมือหนาบีบข้อมือน้อยที่เขารั้งให้อยู่ข้างลำตัวโดยกำลังแรง
“ดิฉันเจ็บค่ะ” แก้วดาราร้องประท้วงเสียงขาดห้วง
หญิงสาวไม่เคยเตรียมใจมาก่อนว่าจะได้พบเจอกับชายที่โหดร้ายทารุณเหมือนนายคนนี้ เริ่มกลัวเสียแล้วว่าตัวเองจะไม่มีชีวิตรอดผ่านคืนนี้ไป
“คำถามที่สอง...”
ชายหนุ่มเว้นช่วงจังหวะหายใจขณะที่จมูกคมสันเลื่อนลงไปคลอเคลียกับซอกคอหอมเย้ายวนใจ แก้วดาราห่อไหลหลบ คราวนี้เธอได้ยินเสียงที่แทบจะเป็นเสียงกระซิบ
“ปล่อยข้างในได้ไหม”
“ไม่ได้ค่ะ! คุณต้องใส่คอนดอม ดิฉันมีติดมาด้วย” หญิงสาวหน้าร้อนจัด ดวงตาหวานดุกร้าวขึ้นทันตาเห็น เธอตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดหรือรอให้เขาถามซ้ำ
ไม่แปลกที่ผู้หญิงจะมีของประเภทนี้ติดตัวไว้ เพราะสมัยนี้อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ อาจจะโดยไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวเหมือนเธอในวันนี้ และไม่ว่าตรงหน้าจะเป็นคนที่เธอรักหรือเป็นผู้ชายแปลกหน้าเช่นเขา เธอก็จะป้องกันทุกครั้ง จะไม่มีทางมักง่ายเด็ดขาด
