บทที่ 8 4.1
ศิลาคำรามลั่นห้องแล้วปัดซองสีน้ำเงินนั้นปลิวหาย แก้วดาราสะดุ้งสุดตัวกับเสียงคำรามร้อง รู้ทันทีว่าภัยกำลังจะมาถึงตัว แต่ไม่ทันทีเธอจะได้ดิ้นหนีก็ต้องเบิกตาโพลงเพราะถูกมือหนาคว้าหมับเข้าที่ลำคอ เธอผวาร้องลั่นและชายหนุ่มออกแรงบีบจนหายใจไม่ออก แววตาเขาน่ากลัวราวับปีศาจ มันเต็มไปด้วยความคั่งแค้น เจ็บปวดและชิงชัง
หญิงสาวรู้สึกปวดร้าวเจียนตายราวกับว่าถูกเลาะกระดูกคอ สมองมึนตื้อ ภาพรอบกายพร่าเลือน ทุรนทุรายคล้ายเส้นเลือดในกายระเบิดโพลงและหลอมเหลวร่างกายเธอ เรี่ยวแรงเริ่มอ่อนลงทว่าธรรมชาติยังต่อต้าน สองมือน้อยพยายามปัดป้องและแกะมือใหญ่
เธอกำลังจะตาย!
แต่ในหัวใจศิลาเวลานี้เต็มไปด้วยความแค้นและแรงโทสะ อยากจะเห็นผู้หญิงคนนี้ขาดใจตายไปตรงหน้า ให้สาสมกับความแค้นที่เขาสั่งสมมาชั่วชีวิต ภาพความหลังแสนเจ็บปวดแล่นเข้ามาในสมอง ได้ยินเสียงร้องทุรนทุรายของคนตัวบางแต่เขากลับฟังเป็นเสียงยั่วยุจากเหล่าคนในความทรงจำ
‘ฆ่ามัน’
‘ฆ่ามันให้ตาย’
‘พวกมันทำร้ายพวกเรา’
“ฮะ ฮา ฮ่า...” เสียงหัวเราะสาแก่ใจดังลั่นห้องนอนขณะที่ออกแรงบีบหนักหน่วงเป็นเวลาเดียวกับที่มือน้อยเริ่มอ่อนแรง
แก้วดารากระตุกเฮือก ดวงตาเบิกค้างบ่งบอกความทรมานแล้วก็ปิดสนิทลงพร้อมกับที่เธอสิ้นแรงต่อต้าน ศิลาเห็นดังนั้นแล้วตกใจมาก ดึงมือออกมาจากร่างบางแทบในทันที
เธอจะตายหรือเปล่า นั่นคือความคิดแรกที่เข้ามาในหัว
ชายหนุ่มเปลี่ยนจากท่านั่งคร่อมมานั่งข้างๆ ร่างแน่นิ่งแล้วใช้สองมือประคองใบหน้าคนกึ่งเปลือยขึ้นมา ตบเบาๆที่แก้มเปียกน้ำตาทว่าหญิงสาวก็ไม่ตอบสนองเล่นเอาเหงื่อเม็ดโตผุดพราย ก่อนจะใช้นิ้วมืออังที่ปลายจมูก รับรู้ถึงลมหายใจอ่อนๆ แต่ก็ไม่ได้เบาใจเลยเพราะหญิงสาวยังไม่ฟื้น ไม่ตาย! แต่ทำไมไม่ฟื้น
ใช่...เขากลัว ถ้าเธอตายก็เท่ากับว่าเขาเป็นฆาตกร แล้วที่วางแผนเอาไว้ทั้งหมดก็ต้องพังทลาย
เพราะอารมณ์ชั่ววูบตัวเดียวที่ทำให้เป็นแบบนี้
ศิลากระโดดลงจากเตียงไปหยิบมือถือต่อสายถึงเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ฝ่ายนั้นเป็นหมอน่าจะช่วยดูอาการเธอได้
“หมอนนท์” น้ำเสียงรีบร้อนกรอกลงไปตามสายทันทีที่ปลายทางกดรับ
‘ว่าไงไอ้พ่อเลี้ยง’
“แกมาที่ไร่ฉันด่วน”
‘จะบ้าหรือไอ้หิน ฉันมาออกค่าย คงจะกลับไปหาแกได้หรอก ถ้าอยากเจอก็ต้องรออีกสามอาทิตย์นะ ว่าแต่แกเถอะมีเรื่องอะไร’
“ฉัน...ฉัน...”
ศิลาอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะบอกเพื่อนถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปดีหรือไม่กระทั่งทนให้ฝ่ายนั้นคาดคั้นไม่ไหวจึงตัดสายทิ้ง เดาว่าชานนท์จะต้องด่าเขาชนิดที่ขนมาทั้งสวนสัตว์ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ชายหนุ่มรีบต่อสายไปขอความช่วยเหลือจากนายทองทันที
ไม่นานพ่อบ้านสูงวัยก็วิ่งขึ้นมาถึงบนห้องแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเจ้านายนั่งกุมขมับและบนเตียงมีร่างผู้หญิงกึ่งเปลือยนอนแน่นิ่งอยู่
“เกิดอะไรขึ้นนาย” ทองรีบเข้าไปถามคนด้วยความร้อนใจ ศิลาเงยหน้าขึ้นจากการมองพื้นแล้วละล่ำละลักบอก
“ฉันบีบคอเธอ...ฉันเกือบจะฆ่าเธอ”
“นายใจเย็นๆ ก่อนนะ”
ทองเข้าไปรวบมือนายไว้อย่างปลอบประโลมพลางลูบหลังเขาเบาๆ หวังช่วยให้ความฟุ้งซ่านลดลง ที่ผ่านมาศิลาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน อาจเพราะระยะหลังเขาหมกมุ่นกับบางเรื่องมากเกินไปเลยทำให้สติแตก ชายสูงวัยคิดพลางลอบมองร่างบอบบางบนเตียงด้วยแววตาหม่นแสง ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร หรือเข้ามาในไร่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้ว่าเธอนั้นโชคร้ายที่หลงเข้ามาในวังวนอารมณ์ดิบของเจ้านายตน
เมื่อสามปีที่แล้วมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นที่ไร่นี้ ทำให้ชีวิตที่เริ่มจะพบแสงสว่างของศิลาดำมืดอีกครั้ง...เขาเข้าสู่ความมืดมิดเต็มขั้น ดิ่งลึกยิ่งกว่าครั้งแรกที่เคยเป็น
สภาพจิตใจศิลาในตอนนั้นย่ำแย่จนทองคิดว่าเขาอาจเสียสติ แต่ก็กลับมาบริหารไร่ได้เหมือนเดิม หากที่เปลี่ยนไปคือสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มมีลมหายใจอยู่ได้...มันคือความแค้น
ผู้หญิงหลายคนต้องวิ่งออกไปจากห้องนอนนี้เพราะความร้ายกาจของเขาและไม่กลับมาอีกเลย แต่ก็ใช่ว่าจะทั้งหมด เพราะยังมีบางส่วนที่ติดอกติดใจจนกลับมาบ่อยๆ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมแต่ละคน ทว่าคงไม่ใช่สำหรับผู้หญิงคนนี้แน่ๆ
“ทอง นายเข้าไปดูเธอหน่อย” ศิลาที่ใจเย็นลงแล้วได้กล่าว ทองผละไปดูอาการคนบนเตียง
“ผมว่าให้หมอมาดูอาการเธอดีกว่าครับ”
“หมอนนท์ไม่อยู่” ศิลาตอบเบาๆ แววตาเลื่อนลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง
“หมอคนอื่นสิครับ”
“ไม่!” คนฟังหันขวับมาตอบแทบในทันที
“นาย...” คนเป็นพ่อบ้านครวญ รู้ว่าศิลามีเหตุผลแต่คราวนี้เขาจะละเว้นบ้างไม่ได้เลยหรือ
“ถ้าไม่ใช่หมอนนท์ ฉันไม่ไว้ใจให้หมอคนไหนเข้ามาในบ้านทั้งนั้น” ศิลาประกาศกร้าว พ่อบ้านทองมองอย่างตัดพ้อ ทำให้แววตากระด้างจัดของชายหนุ่มอ่อนแสงลงก่อนที่เขาจะถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวมาได้ในที่สุด “พาเธอไปโรงพยาบาลแล้วกัน”
“ขอบคุณนาย”
ทองรีบให้คนเอารถออกหลังได้รับอนุญาตจากศิลา ชายหนุ่มนั่งมองตามรถที่แล่นออกไปด้วยความโล่งอก อย่างน้อยเธอก็ไม่ตายและกำลังจะได้ไปอยู่ในมือหมอ เขาได้สั่งให้นายทองเฝ้าเธอไว้กันเธอหนี เพราะเธอคือหมากตัวสำคัญตัวเดียวที่เขามีอยู่
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังมาจากเด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งกอดเข่าตัวสั่นในห้องมืด ตรงหน้าเป็นจานอาหารแห้งกรัง ข้างกายมีเพียงเจ้าหมาตัวน้อยคอยเป็นเพื่อน
เธอเกลียดที่นี่...เกลียดความมืด กลัวความเงียบวังเวง ทว่าก็ออกไปไม่ได้ และในนาทีนั้นเองประตูห้องเปิดผาง ปรากฏร่างหนึ่งสาวเท้าเข้ามา แสงย้อนจากภายนอกทำให้เห็นหน้าฝ่ายนั้นไม่ชัดแต่เด็กหญิงก็รู้ว่าเป็นใคร หากที่น่าตกใจยิ่งกว่าเห็นจะเป็นวัตถุสะท้อนแสงคมปลาบที่ฝ่ายนั้นถือมาด้วย
เด็กหญิงกรีดร้องเสียงหลงด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต มือน้อยป่ายปัดกระสับกระส่ายเหมือนถูกของร้อน ก่อนที่ร่างกายบอบช้ำจะเด้งขึ้นมาจากเตียง สองตาเบิกกว้างอย่างตะลึงตะลาน เธอพยายามมองรอบกาย ประมวลผลให้รู้ว่าที่นี่คือที่ใด
ไม่ใช่ห้องนอนห้องนั้น...แต่มันเป็นโรงพยาบาล
เธออยู่ที่โรงพยาบาล!
ความรู้สึกต่อมาที่แก้วดาราได้รับถัดจากความหวาดผวาในฝันร้ายซึ่งตามหลอกหลอนคือความปวดร้าวบริเวณลำคอ หญิงสาวจึงลองขยับดูจึงได้รู้ว่าไม่มีอะไรผิดปกตินอกเสียจากอาการบอบช้ำภายนอก ขณะที่ภาพความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาในสมองจนต้องรีบผวาหนักเมื่อคิดว่าปีศาจร้ายตนนั้นอาจอยู่ในห้องนี้กับเธอ แต่ก็พบเพียงชายชราที่ปราดเข้ามาประคอง
“ออกไป!” แก้วดาราหวาดกลัวเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องกลัวนะหนู หนูปลอดภัยแล้ว...หนูแค่ฝันร้าย” ชายชราพยายามยกมือปราม
หญิงสาวจ้องหน้าเขาด้วยความไม่ไว้ใจ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง หากเขาเป็นตัวอันตรายจริงๆ เธอคงไม่ได้มานอนอยู่ในโรงพยาบาลนี้หรอก
“ผู้ชายคนนั้นไม่อยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ” ปากเล็กละล่ำละลักถาม ความกลัวยังฉายชัดในดวงตาคู่งาม
“คุณศิลาอยู่ที่บ้าน” ชายชรากล่าวขณะที่หยิบแก้วซึ่งบรรจุน้ำเกือบเต็มที่ข้างเตียงส่งให้ “ดื่มน้ำเสียหน่อย หนูคงกระหาย”
หากทว่าหญิงสาวนิ่ง คิ้วขมวดเป็นปมเมื่อได้ยินชื่อไม่คุ้น เขาคนนั้นคือใคร และผู้ชายแก่ตรงหน้าเธอนี่อีกเป็นใคร ทำไมถึงเจอแต่คนแปลกหน้า จะหวังดีกับเธอหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือบางทีอาจจะหวังดีแต่ประสงค์ร้าย แก้วดาราเลยไม่รับน้ำจากฝ่ายนั้น
“คุณศิลาก็คือผู้ชายที่อยู่กับหนูเมื่อคืน” ชายชราอธิบายต่อพร้อมกับวางแก้วน้ำลงที่เดิม ไม่แสดงออกถึงความไม่พอใจ ตรงกันข้ามกลับก้าวช้าๆ ไปนั่งที่โซฟาดังเดิม “ส่วนฉันชื่อทอง เป็นพ่อบ้านให้เขา”
“พ่อบ้าน”
หญิงสาวทวนคำพูดนั้นเบาๆ พ่อบ้านในความคิดเธอมีหลายลักษณะ พ่อบ้านพ่อครัว พ่อบ้านที่เป็นผู้นำชุมชน หรือพ่อบ้านพ่อเรือนที่อาจหมายรวมถึง ‘สามี’
“หน้าที่ฉันก็เหมือนเลขา ที่ปรึกษา ญาติผู้ใหญ่ พนักงาน พ่อครัว หรือเป็นลูกน้อง...แล้วแต่ว่าเจ้านายจะบัญชา แต่ฉันไม่ใช่พ่อเขา แล้วก็ไม่ใช่สามี ฉันไม่ชอบพวกไม้ป่าเดียวกัน”
ดูเหมือนชายแก่ชื่อทองจะล่วงรู้ความคิดเธอ แก้วดาราจึงพยักหน้ารับรู้เมื่อเขาอธิบายจบ
“แล้วหนูล่ะ ชื่ออะไร มาที่นี่ได้ยังไง” ชายชราถามต่อ
แววตาและท่าทางเขาดูใจดีผิดกับผู้ชายที่เขาเรียกเต็มปากว่าเจ้านาย นั่นทำให้แก้วดาราไม่ต้องเกร็งตลอดเวลาที่คุย
“หนูชื่อแก้วดาราค่ะ หนูมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน แล้วนายของคุณลุงเขาก็...” พูดได้เท่านี้หญิงสาวก็ถึงกับสะอึก ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเจอผู้ชายที่ทั้งร้ายทั้งบ้าเหมือนนายศิลาคนนั้น
“ฉันหมายถึงไปยังไงมายังไงถึงได้มาจบอยู่ที่ไร่นี้ได้” ทองขยายความเมื่อไม่ได้คำตอบในเรื่องที่ต้องการ
“หนูเป็นผู้หญิงขัดดอกของเขาค่ะ” แก้วดาราน้ำตาร่วง รู้สึกอดสูจนเกินจะบรรยาย
ทองเองก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าทำไมศิลาถึงให้ตนเฝ้าเธอไว้ไม่ให้คลาดสายตา และความจริงเขารู้มาก่อนแล้วว่าผู้หญิงขัดดอกจะมาในไม่ช้า แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ หากก็อดสงสารแก้วดาราไม่ได้อยู่ดี แต่คงจะโทษใครไม่ได้นอกจากเวรกรรมที่กำหนดให้เป็นเธอ
“เอาเป็นว่าเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลย นอนพักให้หายดีก่อนแล้วค่อยกลับไร่”
“หนูไม่กลับไม่ได้หรือคะ” เธอไม่อยากกลับไปเจออสูรร้ายโรคจิตอย่างนายคนนั้น แค่คืนเดียวเธอก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอด “คุณลุงช่วยให้หนูหนีไปจากนายคนนั้นได้ไหมคะ ถือว่าเห็นแก่ลูกผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึง”
“ไหนบอกว่าเป็นผู้หญิงขัดดอก! ถ้าหนีไปแล้วไม่คิดบ้างหรือไงว่าคนข้างหลังคนที่ฝากความหวังไว้กับตัวเองจะเป็นยังไง” นายทองสวนกลับมา น้ำเสียงเขาแปลกไปจากเดิมจนแก้วดาราสัมผัสได้
“แต่หนู...”
