บทที่ 9 4.2
“แต่หนู...”
“นอนซะเถอะหนู” ทองตัดบท ไม่ยอมให้หญิงสาวเซ้าซี้ให้ใจอ่อน อย่างไรเสียเธอก็จะต้องเป็นผู้หญิงขัดดอกของศิลาอยู่วันยังค่ำ
“หนูคงหลับไม่ลง” แก้วดาราเสียงแข็ง หน้างอง้ำเมื่อความพยายามไม่เป็นผล แต่คิดว่าควรปล่อยมันไปก่อน เพราะตอนนี้เรื่องสำคัญกำลังรออยู่ “หนูจะไปทำงานค่ะ ถ้าเจ้านายคุณลุงสั่งให้คุณลุงจับตาดูหนูตลอดเวลางั้นเราก็ไปด้วยกันเลย”
เธอฝืนความเจ็บลุกออกจากเตียง นับว่าเป็นหญิงใจกล้ามากเพราะเธอดึงเข็มน้ำเกลือออกจากหลังมือได้ชนิดที่ว่าไม่สะทกสะท้านจนคนแก่เห็นแล้วเจ็บแทน ก่อนจะขอให้ชายชราซื้อเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนเนื่องจากเสื้อผ้าเธออยู่ที่ไร่ภูสิตาทั้งหมด
ชายชรานั่งจ้องหน้าคนที่เพิ่งทำงานลุล่วงอยู่ที่ร้านอาหารในโรงพยาบาลเอกชนที่ศิลาเป็นหุ้นส่วนและก็เป็นที่เดียวกับที่คนงานจากไร่พักรักษาตัวอยู่ โลกมันจะกลมอะไรขนาดนี้เมื่อผู้หญิงขัดดอกกลายเป็นหมอที่มาช่วยชีวิตคนของนาย
“คุณลุงจ้องหนูนานแล้วนะคะ” คนถูกจ้องยกน้ำเปล่าขึ้นจิบแก้เก้อขณะที่ถูกสายตาชายชราจ้องมาระหว่างรอบริกรมาเสิร์ฟ
“ถ้าหนูคือหมอ Grance Laurent คนนั้นจริง แล้วยังมีอะไรเกี่ยวกับหนูอีกไหมที่ฉันยังไม่รู้”
ทองกอดอกและขมวดคิ้วมองเธอ นึกเสียดายที่ได้แค่อ่านชื่อหน้าแฟ้ม ไม่ได้เปิดเข้าไปดูข้างใน ไม่เช่นนั้นคงรู้เร็วกว่านี้ว่าเธอคือใคร
ความจริงแล้วยังมีอีกหลายเรื่องที่ชายชราไม่รู้ อย่างเช่นว่าเธอเป็นลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ขณะในใจนึก
“ทำไมคะ”
“หนูชอบทำฉันแปลกใจ หนึ่งละหนูเป็นผู้หญิงของนาย สองคือหนูเป็นหมอที่มารักษาคนของนาย และสามหนูอึดจนผู้ชายบางคนยังต้องยอม” ทองทั้งไม่อยากเชื่อทั้งชื่นชมในตัวหญิงสาวไปในคราวเดียวกัน
ก็แน่ละ...เธอถูกศิลาทำร้ายจนต้องนอนโรงพยาบาลแต่เช้ามาก็สามารถลุกขึ้นมาทำการผ่าตัดให้คนไข้ได้ และแถมตอนนี้ยังนั่งคุยกับเขาได้อยู่ทั้งที่ถ้าเป็นคนธรรมดาคงสลบไปนานแล้ว
“เรื่องธรรมดาค่ะ นาฬิกาชีวิตหมออย่างพวกเราคงรวนหมดแล้ว”
เพราะแม้ได้นอนแค่สามสิบนาทียังรู้สึกกระปี้กระเป่าเหมือนได้นอนเต็มอิ่ม
“แต่ก็ไม่ใช่ในกรณีที่เพิ่งถูกทำร้ายและเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมานี่นา”
“ค่ะ” หญิงสาวพนักหน้ารับน้อยๆ “หนูอึด”
“ฮ่าๆๆ” ทองหัวเราะ
ดูท่าทางเขาใจดีเอามากๆ จนหญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายเวลาอยู่ใกล้ นับว่าเป็นโชคดีจริงๆ ที่คนขาดพ่อแบบเธอได้มาเจอกับทอง
“ที่คอยังเจ็บอยู่ไหม” ชายชราถามพลางมองรอยช้ำที่ลำคอเธอ
หญิงสาวยกมือขึ้นแตะมันเบาๆ ดวงตาสลดลงจนเห็นได้ชัดก่อนจะพยักหน้านิดหนึ่ง
“ยังไหวค่ะ เจ็บก็ทนเอา...โตแล้ว”
นายทองหัวเราะเบาลงๆ รู้สึกผิดในใจเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองทำให้คนตรงหน้ากลับมาคิดมากเรื่องเดิม จึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“แล้วอาการไอ้น้อยมันเป็นยังไงบ้าง มันมีโอกาสจะรอดไหม”
แสร้งใส่ความตื่นเต้นลงไปในท่าทางด้วย ขณะที่บริกรนำอาหารมื้อเย็นของทั้งสองมาเสิร์ฟ สีหน้าแก้วดาราสลดลงอีกจนคนมองเริ่มใจแป้ว
“ถ้าการผ่าตัดครั้งนี้ไม่ได้ผลก็เป็นที่รู้กันในหมู่แพทย์ด้วยกันว่า...”
หญิงสาวจ้องหน้านายทอง แววตาเศร้าสร้อย เลือกส่ายศีรษะแทนการเอ่ยออกมาตรงๆ คนฟังถึงกับหน้าเศร้า
“น่าสงสารครอบครัวมันนะ เมียหนึ่งลูกอีกสาม...นายไม่อยากให้ลูกมันกำพร้าเลยพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยชีวิตมัน ต่อไปนี้ก็คงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์ ถ้ามีจริงไอ้น้อยมันคงรอด”
“หนูเชื่อนะคะว่ามันมีจริง แต่เมื่อกี้ที่คุณลุงพูดหนูไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายศิลาอะไรนั่นจะเป็นคนให้ความช่วยเหลือคนงานคนนั้น” แก้วดาราพูดก่อนจะส่งข้าวเข้าปาก
“ความจริงแล้วนายเป็นคนจิตใจดีถ้าใครได้อยู่กับนายนานๆ แล้วจะรู้เอง แต่คนอื่นชอบหาว่านายใจร้าย ก็โทษใครไม่ได้เพราะนายเองก็ไม่ได้พูดจาหวานรื่นหู แถมอารมณ์ยังขึ้นๆ ลงๆ อีกต่างหาก”
“หนูไม่อยากเชื่อเลยค่ะคุณลุง”
หญิงสาวนึกไปถึงใบหน้ารกครึ้มเต็มไปด้วยหนวดเคราของผู้ชายใจร้ายซึ่งทารุณร่างกายเธอจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเมื่อคืน...ไม่รู้ว่ากลับไปเย็นนี้จะเจออะไรอีก แค่คิดน้ำตาก็พานจะไหลเสียแล้ว
เมื่อนายทองและแก้วดารากลับมาถึงบ้านในช่วงค่ำ เห็นเพิ่มนั่งหลับพิงประตูหน้าบ้าน ชายชราจึงค่อยๆ เดินเข้าไปแล้วใช้เท้าเขี่ยๆ คนขี้เซา นานทีเดียวกว่าฝ่ายนั้นจะสะดุ้งตื่น
“ทำไมแกถึงมาหลับตรงนี้” นายทองถามเสียงขรึม เขาไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่กับพวกที่ไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง
“นายสั่งให้ผมมารอคุณทองกับคุณคนสวยครับ” นายเพิ่มบอกละล่ำลัก กลัวจริงๆ ว่าจะโดนดุ พ่อบ้านทองขึ้นชื่อเรื่องความเนี๊ยบอยู่มากเสียด้วย
“พาคุณผู้หญิงคนนี้ไปพักผ่อน” ทองสั่ง แล้วเดินเข้าไปในบ้านเสีย ไม่คิดจะดุใครตอนนี้เนื่องจากไม่อยากเสียมารยาทต่อหน้าคนอื่น
“ไปครับคุณคนสวย”
เพิ่มเข้าไปเชื้อเชิญหญิงสาวร่างบางที่เดินขนาบมากับพ่อบ้านทอง กระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมขยับไปไหนจนทองต้องหันมาด้วยความไม่เข้าใจ
“มีอะไรหรือเปล่าหนู”
“คือกระเป๋าเสื้อผ้าหนูอยู่ในบ้านค่ะ”
หญิงสาวพยักพเยิดเข้าไปข้างในแต่ไม่กล้าย่างเท้าเข้าไป นอกจากบ้านรัตนโภคินแล้วก็เป็นบ้านหลังนี้นั่นแหละที่เธอกลัว
“อ้อ” ทองอุทานครั้นแล้วก็ยิ้ม “นายคงให้คนเอาไปไว้ที่ห้องหนูแล้ว”
“ใช่ครับ” นายเพิ่มเป็นฝ่ายเสริม “นายให้ผมเอาไปไว้ที่ห้องคุณคนสวยแล้ว”
“ขอบใจมากนะจ๊ะ” หญิงสาวยิ้มให้
ตอนนั้นเองที่สายตาแก้วดาราปราดไปเจอเข้ากับร้องเท้าส้นสูงสีดำสองคู่ข้างประตู แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินตามนายเพิ่มไปยังที่พัก ถึงตอนนี้แล้วจะให้เธอนอนที่ไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่บ้านหลังนี้ ไม่ใช่ห้องนอนห้องนั้น
แต่แล้ว...
“เดี๋ยวค่ะคุณ นายสั่งว่าถ้าคุณกลับมาแล้วให้ขึ้นไปพบที่บนห้องค่ะ”
เสียงสาวใช้ดังมาจากข้างในบ้าน ทำให้แก้วดาราต้องชะงักเท้ากึก รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งโลกหยุดหมุนทันทีที่ได้ฟังสาวใช้คนนั้นบอก เขาเรียกพบเธอบนห้อง...ห้องนั้น
“รีบไปเถอะหนู อย่าขัดใจนาย” ทองเดินออกมาหาแล้วบอก
หญิงสาวจ้องเขาผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ แววตาวิงวอนขอความเห็นใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือฝ่ายนั้นเมินหน้าไปทางอื่นราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน คุณลุงผู้ใจดีไฉนถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
แก้วดาราถูกพาขึ้นไปบนชั้นสองก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนศิลา เธอสูดหายใจเข้าปอดลึกเพื่อรวบรวมความกล้าขณะที่ภาพความร้ายกาจยังปรากฏชัดในหัวใจราวเพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่นาที ก่อนที่มือน้อยจะเอื้อมไปบิดลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไป ทว่าภาพเบื้องหน้าทำให้ต้องเบิกตาค้าง รู้สึกชาตั้งแต่ปลายมือไปสุดปลายเท้า
ศิลากำลังร่ายบทรักอยู่กับผู้หญิงสองคน หญิงสาวรู้ในทันทีว่าพวกเธอเป็นเจ้าของรองเท้าสองคู่นั้น ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มหันขวับมามองด้วยความไม่พอใจ ด้วยความกลัวแก้วดาราจึงปิดประตูแล้วรีบวิ่งกลับลงไปข้างล่างเสียทันที ไม่อยากทนเห็นภาพอุจจาดตาและสายตามาดร้ายจากชายเจ้าของไร่
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับคุณ”
นายเพิ่มที่รอรับเธอเพื่อจะได้พาไปส่งที่พักหลังจากพ่อบ้านทองและสาวใช้แยกย้ายกันไปได้ถามขึ้นขณะเห็นคุณคนสวยวิ่งลงมาจากชั้นบนด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“รีบพาฉันไปที่พักเถอะจ้ะ ตอนนี้นายของเพิ่มคงยังไม่ว่างจะพบฉัน” หญิงสาวรีบบอกเขาเร็วๆ ก่อนจะวิ่งออกไปนอกบ้าน
เพิ่มถึงกับหัวเราะร่วน จะให้เจ้านายเขาว่างพบเธอได้อย่างไรในเมื่อฝ่ายนั้นนัดสาวในสต็อกถึงสองคนมาฟีเจอร์ริ่งกันตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่มีใครออกจากห้องมาสักคน สงสัยจะจัดหนัก
พ่อบ้านทองมองแก้วดาราเดินไปยังโรงปุ๋ยพร้อมกับนายเพิ่มที่หน้าต่างชั้นล่าง ดวงตาปวดร้าวมีน้ำตาหล่อเลี้ยง ก่อนที่มุมปากย่นจะยกยิ้ม เขาสาแก่ใจที่วันนี้เห็นแก้วดาราอยู่ที่นี่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกสงสารและเห็นใจหญิงสาวอยู่ไม่น้อย ทว่าก็สุดแล้วแต่บุญกรรม เขาจะรอดูว่าแก้วดาราจะแหลกลาญเป็นผุยผงหรือจะทะนงเป็นหงส์ขาวในวันข้างหน้า
