บทที่ 7 คุยกันไม่รู้เรื่อง 1

“ไยมองข้าอย่างนั้น” จ้าวจิ่นหลงเอ่ยถามตามตรงขณะที่ขี่ม้าติดตามขบวนของจูหยวนจางกับภรรยาของเขามาด้วยกันนี้เขารู้สึกได้ถึงสายตาอันร้อนแรงหึงหวงภรรยาคนงามของคนผู้นี้ได้เป็นอย่างดี เขาไม่แปลกใจ

“ท่านต้องการสิ่งใด” จูหยวนจางถามขึ้นด้วยสายตาคลางแคลงใจฉายชัดกลิ่นน้ำส้มเปรี้ยวรุนแรงชัดเจน

“ไม่ใช่ภรรยาของท่านก็แล้วกัน” จ้าวจิ่นหลงเอ่ยตอบออกไปอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่

แค่เพียงสตรีน่าตายบางคนที่บังอาจหนีเขาครั้งแล้วครั้งเล่านั่น นอกจากนั้นก็ไม่มีใครทำให้เขาต้องรู้สึกเสียอารมณ์ได้อย่างนี้

ทั้งเสียอารมณ์ ทั้งเสียเกียรติ ทั้งเสียเชิงชายอย่างยิ่งยวด

ฮึ! นางต้องรับผิดชอบ

ภายในรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ ตามทางคันนี้มีสองสตรีกำลังนั่งอยู่ในนั้น

หนึ่งในสตรีสองนางนี้คือเฉินเจียวเหมย นางกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวความผิดพลาดอย่างมหันต์ที่สุดในชีวิตสตรีของนาง

มันเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ไม่อาจจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้

นางเสียบริสุทธิ์ให้กับบุรุษแปลกหน้า

นางเสียบริสุทธิ์ให้กับบุรุษไปแล้วทั้งๆ ที่นางยังมิเคยได้มีคนรัก ทั้งยังมิได้แต่งงาน

หากว่าวันหนึ่งนางเกิดปักใจรักใครขึ้นมา หรือหากว่าวันหนึ่งนางเกิดได้แต่งงานกับใครขึ้นมา แล้วนางจะต้องทำอย่างไร

หากว่านางได้แต่งงานกับเขาแล้วสิ่งที่นางได้ทำผิดพลาดไปในวันนี้เล่า นางจะสามารถหลวกลวงบุรุษผู้ที่เป็นคนรักของนางได้หรือไม่

นางจะลืมอดีตในวันนี้ได้หรือ หากในภายภาคหน้านางได้แต่งงานกับใครสักคนหนึ่งไป

แน่นอนว่านางทำไม่ได้ นางไม่สามารถหลอกลวงใครได้โดยเฉพาะกับตนเอง

นางจะทำอย่างไรดี นางพลาดไปแล้วอย่างนี้ แล้วนางจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อย่างไร เรื่องที่ผิดพลาดในครั้งนี้ มันใช่เรื่องน้อยนิดเสียที่ไหน มันคือทั้งชีวิตของนางเลยใช่หรือไม่

นางควรทำอย่างไรดี...

“อาเหมย” เสียงแว่วหวานของสตรีนามว่าหลิวหลีภรรยาคนงามของจูหยวนจางสหายของเฉินเจียวเหมยเอ่ยขึ้น เสียงนั้นดึงสติของเฉินเจียวเหมยในทันที

หลิวหลียังคงเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงหวานล้ำแฝงความห่วงใย “เจ้าเป็นอะไร เจ้าหนีใครมาหรือ อาเหมย”

“ป่ะ เปล่านะ ข้ามิได้หนีใคร” เฉินเจียวเหมยรีบตอบ “ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า ข้าอยากตามไปดูแลเจ้าหากว่าเจ้าตั้งครรภ์”

“อืม...เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” หลิวหลีเอ่ยแค่นั้นแม้จะรู้สึกห่วงใยเฉินเจียวเหมยอยู่มาก แต่ทว่า...หากเฉินเจียวเหมยไม่อยากบอกกล่าว นางก็ไม่อาจเซ้าซี้ได้แต่อย่างใด

หลิวหลีเพียงนั่งเงียบงันไร้วาจาใดๆ คงเหลือไว้เพียงดวงตาที่แสดงออกถึงความห่วงใยแค่เพียงเท่านั้นที่ส่งตรงให้เฉินเจียวเหมยในยามนี้

เฉินเจียวเหมยนั้นไม่อาจบอกเล่าเรื่องราวปัญหาชีวิตที่มืดหม่นของตนให้ใครฟังได้ มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจเล่าสู่ให้ใครฟังได้แต่อย่างใด มันเป็นเรื่องที่อัปยศอดสูเป็นที่สุด มันไม่ควรเกิดขึ้นกับนาง

หญิงสาวคิดในใจอยู่อย่างนั้นพลางเมียงมองออกไปทางนอกหน้าต่างของรถม้าอย่างระแวงอยู่ตลอดเวลา

หึ! เขาอยู่ตรงนั้น บนหลังม้านั่น เขาผู้นั้น

นางอับอายจนอยากจะเอาหน้างามๆ ของนางมุดเข้าไปในดินเหลือจะกล่าว นางอับอายเกินกว่าจะสู้หน้าของเขาได้ไหว นางไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคมกริบของเขา มันน่าอายเกินไป น่าอายเหลือเกิน เฉินเจียวเหมยยังคงครุ่นคิดอยู่อย่างนั้น พลางนั่งพิงผนังรถม้าอย่างเหม่อลอย

ยิ่งคิดยิ่งน่าอาย มันอับอายจนมิรู้ได้ว่าจะพรรณนาออกมาว่าอย่างไรดี ยามนี้ นางไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เลย เรื่องในคืนนั้นมันเป็นตราบาปของนาง

ช่างน่าชังนัก! นางตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ได้อย่างไร

น่าอายจริงๆ

เฉินเจียวเหมยนั่งเหม่อลอยอยู่จนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มิรู้ได้ หญิงสาวจึงรู้สึกว่าหลิวหลีได้หายไปจากตำแหน่งข้างๆ กายของนาง แล้วแทนที่ด้วยใครบางคน

ใครบางคนที่…

ดวงตาเรียวยาวคมกริบทรงพลัง เรียวคิ้วพาดเฉียงคล้ายกระบี่ จมูกเป็นสันตั้งตรง ริมฝีปากได้รูปสีแดงสดน่าจดจำ อืม...

หือ!

เฉินเจียวเหมยพลันได้สติ เมื่อเห็นใบหน้าได้รูปของบุรุษตรงหน้าได้อย่างชัดเจน

เขาเข้ามานั่งภายในรถม้าตั้งแต่เมื่อไหร่?

หญิงสาวถึงกับถลึงตาใส่บุรุษตรงหน้าพร้อมเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น ใบหน้าของนางพลันเห่อแดงขึ้นมาจนถึงใบหู ความอับอายยังคงมีอยู่ ทั้งยังมากมาย

กับบุรุษตรงหน้า กับกิจกรรมหรรษา กับลีลาเร่าร้อน

อา...นางจะทำอย่างไรดี มุดหน้าทางใดได้บ้างนี่ อับอายเหลือเกิน

เมื่อคิดได้แล้วก็หันซ้ายหันขวา หาที่ทางเตรียมมุดใบหน้าฝังเอาไว้ที่ใดซักที่

“อาเหมย...” เสียงทุ้มต่ำน่าฟังพลันดังขึ้นจากริมฝีปากสีแดงสดน่ากดจูบของบุรุษตรงหน้า

ทั้งน้ำเสียงทั้งนามเรียกขานทำเอาเฉินเจียวเหมยถึงกับตัวแข็งทื่อ

“ข้าจะเรียกเจ้าว่าอาเหมย ส่วนเจ้าก็เรียกข้าว่าอาหลง ดีหรือไม่” เขายังคงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จ้องมองนางเขม็ง

“ยามนี้ข้าไม่สะดวกให้เจ้าเรียกขานนามจริงของข้า เจ้าคงไม่ว่าอะไร” เขายังคงเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงน่าฟังเหลือเกิน

เฉินเจียวเหมยได้แต่มองตามริมฝีปากสีแดงๆ ของเขาโดยหาได้มีข้อมูลอันใดเข้าสมองของนางไม่

หากไม่เจอกันด้วยเหตุการณ์สุดระทึกอย่างนั้นก็คงดี

ไม่น่าเลย เฉินเจียวเหมย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป