บทที่ 9 คุยกันไม่รู้เรื่อง 3

ที่สอดประสานกับจนเนื้อนวลเกือบจะแหลกเหลวนั่น ก็เพราะยาสูตรพิเศษของนางล้วนๆ

นางกับเขาไม่ควรเจอกัน นางไม่ควรเจอกับเขาอีก นางอยากจะลืม

ลืมความอับอาย ลืมความอัปยศดอดสูนี่ นางควรหนี นางจะต้องหนีเขา นางต้องหนีเขาเท่านั้น นางควรหนีเขาไปที่ใดดี

เมื่อเฉินเจียวเหมยคิดได้อย่างนั้นจึงทำท่าจะกระโจนตัวหนีจ้าวจิ่นหลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ นอกจากฝ่ามือใหญ่หนาของเขาที่จับกระชากนางให้นั่งอยู่กับที่นิ่งๆ แล้ว ใบหน้าของจ้าวจิ่นหลงพลันแนบชิดเข้ามา แล้วกดจูบนางอย่างเร่าร้อน

“อื้อ...อื้อ” เฉินเจียวเหมยถึงกับตกใจอุทานอยู่ในลำคอ เขาจูบนางอีกแล้ว เขาจูบนาง หญิงสาวได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ

จ้าวจิ่นหลงมิได้สนใจนำพาใดๆ กับเสียงอู้อี้นั่นของสตรีตรงหน้า เขายังคงกดจูบนางอย่างรุกล้ำเอาแต่ใจอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน

อันที่จริงเขาแค่เพียงต้องการที่จะคุยกับนางให้รู้เรื่อง นางบังอาจมาวางยาปลุกกำหนัดเขา นางบังอาจมาดูดพลังกายดูดพลังเพศของเขา นางบังอาจมาทำให้เขาแทบคลั่ง นางทำเขาแทบคลั่งอยู่ในขณะนี้ กับสตรีนางนี้ ที่หนีเขาไปครั้งแล้วครั้งเล่า นางหนีเขาไปทั้งๆ ที่นางกับเขา...ฮึ่ม! ช่างน่าตายนัก!

เฉินเจียวเหมยรีบดึงสติของตนให้กลับมาและพยายามดิ้นรนขัดขืน หลังจากที่เริ่มจะเคลิบเคลิ้ม อีกแล้ว

นางดันไหล่เขา ดันแผงอกของเขา นางดิ้นรนขัดขืนเขาอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานแล้วแต่ก็หาได้เป็นผลกับมนุษย์รากไม้ผู้นี้ไม่

เขายังคงมีความเหนียวแน่นหนึบหนับอยู่กับและริมฝีปากของนาง

เขายังคงกดจูบนาง ดูดดึงนาง เขาใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นของเขาสะกดนาง

ยัง ยังไม่พอ นอกจากจูบนางตรงริมฝีปากแล้ว ยามนี้ยังเริ่มซุกไซร้นางไปมาตามพวงแก้มและตามลำคออีกด้วย

มันใช่หรือไม่ มันใช่ในนี้หรือไม่!

ภายในรถม้าก็คับแคบเหลือเกิน

นางจะบิดเบือนไปทางใดก็หาทำได้ไม่

ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเบียดเสียด

ยิ่งขยับก็ยิ่งกลายเป็นตอบรับเขาไปเสียได้

ช่างน่าตายนัก!

เวลาผ่านไปซักพัก ชายหนุ่มหญิงสาวจึงรู้สึกตัวแล้วว่าอารมณ์บางอย่างของพวกเขากำลังจะเกินยับยั้งเกินควบคุม

ซึ่ง...มันไม่สามารถที่จะกระทำการใดๆ ภายในรถม้าคันนี้ได้อย่างแน่นอน

จ้าวจิ่นหลงจึงรีบผละริมฝีปากของตนออกจากใบหน้าของเฉินเจียวเหมยอย่างเก็บข่มอารมณ์พลุ่งพล่าน

ในขณะที่เฉินเจียวเหมยก็รีบเก็บอาการของตนเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ว่าทั้งสองจะถอนริมฝีปากถอนใบหน้าออกจากกันได้แล้ว แต่ทว่า...กลับยังคงไม่สามารถถอนสายตาออกจากกันได้แต่อย่างใด

สายตาคมกริบกับสายตาสวยใสยังคงสบประสานกันในระยะประชิดอยู่อย่างนั้น

ลมหายใจติดขัดหอบถี่เล็กน้อยยังคงเป่ารดใบหน้าของกันและกันอยู่อย่างนั้น

หากอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มก็คงดี

ยาปลุกกำหนัดยังไม่สิ้นฤทธิ์อีกหรือนี่

จะวิเศษเกินไปแล้ว....

ชายหนุ่มหญิงสาวใช้เวลาอีกอึดใจเพื่อปรับอารมณ์บางอย่างที่กำลังก่อเกิดหลังจากได้แนบชิดกันไปเมื่อครู่

มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับชายหญิงที่เคยผ่านการสมสู่เสพสมร่วมอภิรมย์กันมาเมื่อไม่นานมานี้ มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่มักจะเกิดอารมณ์อย่างนี้ระหว่างกัน

มันแตกต่างจากคนที่มิเคยได้มีโอกาสแตะต้องกันและกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าเหตุที่เกิดจะมิได้ตั้งใจก็ตาม

แต่ทว่า...ผลของมันยังคงต้องเป็นไปอย่างนี้

หลังจากที่จ้าวจิ่นหลงเริ่มปรับอารมณ์พลุ่งพล่านของตนให้เป็นปกติได้แล้ว เขาจึงเพียงนั่งกอดอกเอาแผ่นหลังชนเข้ากับผนังรถม้านิ่งๆ ด้วยมาดของผู้สูงศักดิ์เปี่ยมพลังแห่งบุรุษเพศเหลือร้าย ในขณะที่ใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันกับเขายังคงพยายามหาทางหนีทีไล่อยู่ตลอดเวลา

จ้าวจิ่นหลงเพียงหรี่ตามองใครบางคนนั้นอยู่นิ่งๆ

ฮึ่ม! นางกำลังคิดจะหนีเขาอีกแล้ว ทั้งๆ ที่นางวางยาปลุกกำหนัดเขา ร่วมรักกับเขา ท้าทายเขา

มันใช่หรือไม่! ช่างบังอาจยิ่ง!

เฉินเจียวเหมยเพียงใช้หางตาแอบมองใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันอย่างระแวงอยู่ตลอดเวลา เขากำลังนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยมาดของบุรุษที่มีเสน่ห์น่าแทรกกายเข้าหา

นางติดใจเขาเสียแล้ว นางเป็นสตรีอย่างนี้ได้อย่างไร

อา...นางต้องอยู่ให้ไกลจากเรือนร่างอันยั่วยวนของเขา นางต้องหนีเขาไปให้ไกล ก่อนที่นางจะรู้สึกคลั่งเขาไปมากกว่านี้

เรื่องอย่างนี้จะให้ใครล่วงรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับบุรุษน่าตายผู้นี้ นางจะต้องเก็บข่มมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด ไม่ได้ ไม่ได้

นางจะเสียชื่อหมอหญิงผู้เก่งกาจทุกสถานการณ์อย่างนี้...ไม่ได้!  จะเสียท่าให้กับยาปลุกกำหนัดของตัวเองอย่างนี้...ไม่ได้!  จะตกอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่อย่างนี้...ไม่ได้! จะ....หือ!

และแล้วความคิดที่ต้องการจะหนีใครบางคนด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงของเฉินเจียวเหมยพลันตกไป ด้วยเพราะว่าใครบางคนนั้นพลันอุ้มนางลงจากรถม้าแล้วพานางมาขึ้นนั่งบนหลังม้าก่อนจะควบตะบึงม้าพานางออกมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด

และเพียงอึดใจ เสียงควบตะบึงม้าพลันดังขึ้นมาในโสตประสาทของเฉินเจียวเหมยและทำให้นางได้เข้าใจ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป