บทที่ 3 ความโชคร้าย

“กรี๊ด...” เสียงแม่กรีดร้องดังลั่น แม่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากให้พ่อลงมาจากเก้าอี้ ท่านกำลังจะแขวนคอตาย ปองรักวิ่งอย่างสุดชีวิตเข้าไปในห้องนอนของท่าน แม่ร่ำไห้กอดกันกลมกับพ่อ เธอเห็นแม่ตบหน้าพ่อตั้งหลายครั้ง คุณพ่อทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ร้องไห้ปานน้ำตาจะเป็นสายเลือด

ภาพที่เห็นตรงหน้าสะเทือนเข้าไปในหัวใจของปองรักมากมาย เธอเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ และทรุดนั่งลงไปกอดพ่อกับแม่เอาไว้แน่น ทั้งสามคนต่างโอบกอดกันแล้วร้องไห้

“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” เสียงแม่ตะคอกพ่อเสียงดัง ยกมืออันสั่นเทาของตัวเองขึ้นเช็ดน้ำตาให้กับเขา ผู้ชายที่เคยเป็นผู้นำ เป็นเสาหลักของบ้าน แข็งแกร่งที่สุด ตอนนี้พ่ายแพ้หมดรูป แม่กอดรัดพ่อเอาไว้แน่นปล่อยโฮออกมาเสียงดัง จิลร้องไห้เพราะความสงสารพ่ออย่างสุดหัวใจ

พ่อชักกระตุกอยู่ตรงนั้น แม่หวีดร้องดังขึ้นไปอีก ปองรักวิ่งหาสิ่งที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาใส่ปากท่านเอาไว้ เพื่อไม่ให้พ่อกัดลิ้นของตัวเอง เธอยัดผ้าเช็ดตัวใส่ในปากของพ่อก่อนวิ่งวุ่นลงบ้านไปหาเอาช้อนกินข้าวไปงัดปากพ่อเอาไว้

เธอวิ่งกลับลงมาอีกครั้ง ตะโกนร้องดังอยู่ที่หน้าบ้านขอให้คนช่วย เพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นต่างวิ่งกรูกันเข้ามา เธอเล่าพลางร้องไห้พลาง โชคดีที่มีพยาบาลอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสองหลัง เธอปฐมพยาบาลพ่อของปองรัก และสั่งให้คนที่มีสติโทรตามรถพยาบาลอย่างเร่งด่วน

คุณแม่เป็นลมหมดสติพอรู้ว่ารถพยาบาลมาถึง ปองรักเป็นห่วงทั้งพ่อและก็แม่ เธอสั่นกลัวและหวั่นในหัวใจ น้ำตาของปองรักไหลพราก ๆ เธอประคองแม่เอาไว้ เพื่อนบ้านหลายคนต่างช่วยเหลือเป็นอย่างดี

สภาพของพ่อตอนนี้มีสายระโยงระยาง เธอเกาะกระจกมองท่านด้วยแววตาหม่นเศร้า ส่วนผู้เป็นแม่ยังร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วให้คุ้มครองสามีของเธอ

นายแพทย์เจ้าของไข้เรียกทั้งสองแม่ลูกเข้าไปคุย ท่านบอกว่า พ่อเครียดมาก เลยทำให้เส้นเลือดฝอยในสมองแตก ตอนนี้ใช้ยาระงับเอาไว้อยู่ต้องดูอาการไปอีกสักระยะหนึ่ง

ฝ่ายการเงินเดินเข้ามาคุย ขอให้ญาติผู้ป่วยวางเงินประกันค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นไว้ที่หนึ่งแสนบาท ปองรักจัดการเอาเงินเก็บของตัวเองออกมาใช้ เพื่อยื้อชีวิตของพ่อให้ยาวนานที่สุด

แม่ไม่ยอมกินข้าวกินปลา จนเธอยื่นคำขาด

“แม่จ๋า ฟังจิลนะ แม่ต้องเป็นเสาหลักให้ลูกได้ยึดเหนี่ยว แม่ไม่ต้องกลัว เราจะเผชิญโลกนี้ไปด้วยกัน พ่อต้องหาย แต่แม่ทำหัวใจให้เข้มแข็ง แม่ต้องเป็นคนดูแลพ่อ จิลจะเป็นคนหาเงินมารักษาพ่อ และจะหาเงินมาใช้หนี้ทั้งหมดนี้เอง แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ จิลจะต้องทำได้”

เธอไม่ร้องไห้อีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น เธอต้องเข้มแข็งยิ่งกว่าแม่ และต้องพาครอบครัวนี้ให้อยู่รอดไปให้ได้

ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณแม่ของปองรักค่อยทำใจกับเหตุการณ์ได้ โดยมีลูกสาว และญาติ ๆ ของแม่ที่คอยมาให้กำลังใจ

ปองรักต้องกลับไปเรียน เพราะอีกแค่เทอมเดียวเธอก็จะจบการศึกษาแล้ว

“เอาละนะทุกคน ได้รับเอกสารที่จะต้องกรอกแล้วนะ เป็นเอกสารส่งตัวเองไปฝึกงาน ที่นี่จะมีรายชื่อบริษัทต่าง ๆ ที่ทางมหาวิทยาลัยได้รับการอนุเคราะห์รับนักศึกษาในเอกฯ ของเราไปฝึกงานทุกปี อาจารย์ส่งไปในไลน์ของทุกคนแล้ว ให้ทุกคนรีบเลือกและก็ส่งกลับมาให้อาจารย์โดยด่วน บริษัทต่าง ๆ เขารับคนจำนวนจำกัดนะ ใครเลือกก่อนส่งก่อน มีสิทธิ์ก่อน วันนี้พอแค่นี้”

“ขอบคุณค่ะ / ขอบคุณครับ”

เสียงอึกทึกก็ดังขึ้น ทุกคนต่างฮือฮานั่งจับกลุ่มหาบริษัทที่ตัวเองสนใจ

“จิล พ่อแกเป็นไงบ้าง” สุจิราถามปองรักด้วยความเป็นห่วง

“ยังทรง ๆ อยู่” เธอหันไปยิ้มให้เพื่อน

“เข้มแข็งนะ ถ้ามีอะไรให้เราช่วยก็บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ” สุจิรายังแสดงน้ำใจต่อเธอเสมอ สองคนจับมือกันแน่น

(ฟาเบียน คอนเซ็นเตอร์ ชิปปิ้ง จำกัด) แค่ชื่อก็สะดุดตาสะดุดใจเสียแล้ว เธอนึกไปถึงหัวข้อข่าวที่อ่านเจอเมื่อหลายวันก่อน

(“สยบข่าว คาสโนว่าตัวพ่อ ที่มีคอนเซปที่สาว ๆ ฟังแล้วขนลุกไปตาม ๆ กัน “หากอยากได้ทุนการศึกษา ใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่”)

“คุณฟาเบียน” เธอขยับปากเรียกชื่อเขาออกมา

เธอรีบเสิร์ชหาประวัติและเรื่องราวของเขาในอินเทอร์เน็ต สิ่งที่ได้รับรู้ คือเขาเปลี่ยนผู้หญิงข้างกายเป็นว่าเล่น และทุกคนสวย ๆ ทั้งนั้น และจิลก็ไปเจอบทสัมภาษณ์หนึ่งของเขาในยูทูป

(“มีอยู่ประเทศหนึ่งที่คุณฟาเบียนไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนไปเที่ยวเลย เพราะอะไรครับ”)

(“ฝรั่งเศสครับ เพราะผมจะเก็บเอาไว้ไปฮันนีมูนกับภรรยาตัวจริง มันเป็นประเทศที่คุณพ่อกับคุณแม่ของผมพบรักกัน และได้ร่วมกันปลูกต้นรักที่นั่น และมีผมที่นั่นด้วย ผมจึงอยากให้เป็นสถานที่ที่เป็นความทรงจำของภรรยาและลูกของผมในอนาคตครับ”)

(“คุณฟาเบียนเป็นคนโรแมนติกมากนะครับ”) พิธีกรชม

(“คุณฟาเบียนมีเคล็ดลับในการเลือกผู้หญิงยังไงครับ”) เขายิ้มสดใส มีเสน่ห์ และน่ามองมาก เขาส่งสายตาหวานมายังกล้องเบื้องหน้า

(“ผมเป็นคนตรง ๆ ผมก็ชอบผู้หญิงที่ตรง ๆ ไม่เรื่องมาก และไม่จุกจิก ไม่ต้องทำฉลาดกว่าผม และผู้หญิงของผมต้องทำให้ผมหายเครียดได้ ยิ้มได้ หัวเราะได้ และเธอก็ต้องยอมผมทุกอย่าง”) พิธีกรชายถึงกับหัวเราะออกมาในคำตอบของเขา เขาเอ่ยแซว

(“โอ้โห... คงจะหายากน่าดูนะครับ”)

(“ผมไม่ต้องหานะครับ เดี๋ยวก็มีเข้ามาเอง”) เขาโอ้อวดตัวเอง

(“แล้วถ้าสาว ๆ อยากจะส่งใบสมัครเป็นแฟนของคุณฟาเบียนต้องทำอย่างไรบ้างครับ”)

(“ที่บริษัทของผมเปิดรับเสมอ ตลอดเวลาครับ”)

(“แหม จบรายการนี้ คงมีคนส่งใบสมัครกันจนรับไม่หวาดไม่ไหว”)

บทก่อนหน้า
บทถัดไป