บทที่ 1 ทวงหนี้

ใยบัว

“ฉันส่งแน่นอนจ้ะ ขอเวลาหน่อยนะ” ระหว่างที่ฉันเดินเข้าบ้าน ฉันก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของแม่ตัวเองดังขึ้น นั่นทำให้ฉันเลือกจะเข้าไปหาที่หลบในมุมหนึ่งเพื่อเฝ้าดูเหตุการณ์ นั่นถึงได้เห็นว่าตอนนี้มีชายฉกรรจ์มากกว่าสามคนกำลังยืนล้อมแม่ฉันกับผู้ชายคนนั้น คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยงของฉันที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมจากการถูกทำร้ายร่างกาย

“พวกแกเลื่อนมาเท่าไหร่แล้ว! เฮียไม่มีเวลาให้พวกแกอีกแล้ว!!” หนึ่งในผู้ชายที่มาทวงหนี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดดุดัน

“ฉันสัญญา เดี๋ยวเงินเดือนลูกสาวฉันก็ออกแล้ว ถ้าเงินเดือนลูกสาวฉันออก ฉันจะรีบเอาไปคืนให้ทันทีเลยนะจ๊ะ” แม่ฉันยกมือไหว้แล้วพูดขึ้นอย่างขอร้องอ้อนวอน

แต่สิ่งที่แม่พูดมันหมายความว่ายังไงกัน เงินเดือนฉันอย่างนั้นเหรอ ทำไมพูดง่ายเหมือนเงินตัวเองแบบนั้นล่ะ

“ฉันให้เวลาพวกแกอีกแค่อาทิตย์เดียว ถ้าพวกแกยังหาเงินมาคืนไม่ได้ พวกแกเตรียมตัวไปเฝ้ายมบาลได้เลย!!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับชี้หน้าไปทางแม่และพ่อเลี้ยงฉันเป็นการข่มขู่ ก่อนพวกมันจะพากันขึ้นรถแล้วขับออกจากบ้านฉันไปทันที

ฉันยืนมองภาพแม่ที่รีบหันไปดูพ่อเลี้ยงด้วยความเป็นห่วงใยทั้งที่ควรเป็นห่วงตัวเองมากกว่า แต่นี่แหละนะที่เขาว่ากันว่าความรักทำให้คนหูหนวกตาบอด เหมือนที่แม่ฉันเป็นมาตลอดจนถึงตอนนี้ไม่เคยเปลี่ยน

“บัวไม่มีเงินให้แม่หรอกนะ” หลังจากฉันยืนปรับอารมณ์ตัวเองสักพัก ก็ตัดสินใจเดินออกจากมุมที่หลบอยู่เผชิญหน้ากับทุกคนแล้วพูดขึ้นระหว่างเดินสวนแม่เข้าบ้านไปอย่างไม่สนใจ

“ไม่มีอะไรกัน! แกก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าพวกเราไม่ใช้หนี้มัน มันจะทำอะไรกับเราบ้าง!!” แม่ฉันหันมาตะคอกขึ้นด้วยความร้อนรนไม่พอใจ

นั่นทำให้ฉันชะงักเท้าก่อนจะหันกลับไปมองแม่และผู้เป็นสามีปัจจุบันของแม่อีกครั้ง

“เราอย่างนั้นเหรอ? แม่แน่ใจแล้วเหรอที่มาใช้คำว่าเรากับบัว” ฉันเลิกคิ้วถามแม่กลับพร้อมกับจ้องมองผู้ชายที่มีศักดิ์เป็นพ่อเลี้ยงของฉันด้วยความเกลียดชังเหลือทน

แต่จะเพราะอะไรล่ะ ก็ตั้งแต่แม่มีผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิต สมบัติเงินทองที่พ่อเคยทิ้งไว้ให้และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างพอมีพอกินได้สบาย ๆ แต่มันกลับต้องหมดไปกับผู้ชายเหลือเดนคนนี้เพราะมันติดการพนันยังไงล่ะ

ถามว่าเวลาเล่นได้น่ะมีบ้างไหม มันก็ต้องมีอยู่แล้วและก็ได้เยอะด้วย แต่ลองพูดสิว่าที่ได้กับที่เสียจนถึงทุกวันนี้อันไหนมันมากกว่ากัน

เรื่องที่ไม่ต้องใช้เวลาคิดให้เสียเวลาเลยสักนิด

“แกจะพูดเห็นแก่ตัวแบบนี้ไม่ได้นะนังบัว! ยังไงนี่ก็พ่อแกเหมือนกันมีอะไรก็ต้องช่วยกันสิ ตอนพ่อแกหาเงินมาได้แกก็ใช้เงินเขาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง ห๊ะ!!” แม่ย้อนว่าออกมาอย่างไม่พอใจทันที ราวกับว่าฉันไปติดหนี้บุญคุณผู้ชายคนนี้หนักหนาเหลือเกิน

“แม่แน่ใจเหรอว่าบัวเคยใช้เงินของผู้ชายคนนี้? ที่ผ่านมาบัวใช้เงินของพ่อบัวแค่คนเดียวมาตลอด แล้วตั้งแต่ที่แม่เอาเงินไปล้างผลาญกับผู้ชายคนนี้หมด บัวก็ทำงานหาเงินใช้เองไม่ใช่เหรอ ที่สำคัญกว่านั้นอย่าลืมว่าบัวมีพ่อแค่คนเดียว”

ฉันพูดไล่เรียงทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้แม่ฟังเผื่อจะจำได้บ้าง พูดจบก็เลือกจะเดินหนีเข้าบ้านไปทันทีอย่างไร้ประโยชน์จะพูดอะไรมากกว่านี้

“บัว! นังบัว! แกอยากเห็นแม่ตายนักหรือไงถึงได้ใจดำแบบนี้ห๊ะ!!” เสียงของแม่ตะโกนตามไล่หลังฉันมาอย่างไม่ยอมฟังสิ่งที่ฉันพูด สนใจแค่เรื่องของตัวเองกับผู้ชายคนนั้น

แต่ฉันไม่อยากสนใจจะหันไปเสียเวลาพูดอะไรด้วยแล้ว เพราะสุดท้ายไม่ว่าจะเมื่อไหร่ตอนไหนแม่ก็เลือกจะเข้าข้างแต่ผู้ชายคนนั้นมากกว่าลูกในไส้ของตัวเองมาตลอด

เมื่อก่อนแม่ฉันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกนะ เขาก็เป็นแม่คนหนึ่งที่ไม่ได้ดีแต่ไม่ได้แย่อะไร แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเราอยู่ที่แบบไหนอยู่กับใคร ส่วนใหญ่ก็มักจะเปลี่ยนไปเหมือนคนคนนั้นได้ไม่ยาก พอแม่ที่ได้ผัวใหม่ที่ติดการพนัน สิ่งที่พวกเขาทำกันก็คือการชักนำกันไปเล่นจนสุดท้ายแม่ที่ได้เห็นเงินและโลภก็กลายเป็นคนติดการพนันไปไม่ต่างกับผัวใหม่

ข้อดีเดียวที่หากจะนับได้ก็คงเป็นเรื่องที่รู้จักหยุดและพอในตอนที่ไม่มีเงินสักบาท ต่างจากผัวใหม่ของแม่ที่มันไม่รู้จักพอ คิดแต่จะกลับไปเอาทุนคืน ทั้งที่สุดท้ายฉันก็เห็นมีแต่ไปเพิ่มหนี้กลับมาตลอดแต่ไม่เคยพากันจำ

ใยบัว หญิงสาววัย 22 ปี นักศึกษาปีสุดท้ายที่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตเพื่อหาทุกอย่างด้วยตัวเอง และมีแม่กับพ่อเลี้ยงคอยหาเรื่องมาให้ไม่เว้นวันราวกับภาระติดตัว ถึงแม้ว่าเธอจะปากร้ายและดูเหมือนไม่สนใจไยดีกับอะไรหรือใคร แต่สุดท้ายเธอก็หนีไม่พ้นและต้องยอมแบกรับภาระทั้งหมดเพียงเพราะความรักที่มีแต่แม่ยังไม่หมดสิ้น อีกทั้งไม่ได้ไร้หัวใจจนขนาดจะทนมองและเห็นเขาเป็นอันตรายได้โดยเฉพาะถึงแก่ชีวิต

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องของฉันดังขึ้น และฉันก็รู้ว่าคนข้างนอกเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่ แล้วที่สำคัญกว่านั้น ฉันก็รู้ด้วยว่าแม่ต้องมาพูดเรื่องเงินแน่นอน

“บัวบอกแล้วว่าไม่มีเงินให้” ฉันเปิดประตูแล้วพูดขึ้นทันทีโดยไม่รอฟังคำพูดแม่เพราะรู้ดีว่าจนไม่ต้องคาดเดาอะไร

“เงินเดือนแกก็ใกล้จะออกแล้ว แม่ขอแค่ไปจ่ายดอกก่อนก็ได้” แม่พูดขึ้นอย่างเคย ๆ ทั้งที่ผ่านมาจ่ายไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่มันก็ยังคงเป็นแค่ดอกที่ไม่เคยลดต้นอีกทั้งยังเพิ่มต้นมาเรื่อย ๆ จนฉันเบื่อหน่าย

“บัวไม่มี ที่มีบัวก็ต้องไว้จ่ายค่าเทอม” ฉันตอบกลับไปตามตรง เงินเดือนที่ใกล้จะออกนั้นฉันต้องเก็บเอาไว้จ่ายค่าเทอมเทอมสุดท้ายของฉัน ถ้าฉันให้แม่ไปฉันจะเอาอะไรไปจ่ายล่ะ สู้มาขนาดนี้แล้วจะให้ยอมแพ้คงทำไม่ได้

“ก็ไว้หาใหม่ก็ได้นิ เรื่องนี้มันจำเป็นกว่านะบัว” แม่พูดขึ้นอย่างเห็นแก่ตัวโดยไม่คิดถึงฉันเลยสักนิด

“แล้วเรื่องเรียนบัวไม่สำคัญเลยเหรอ” ฉันถามกลับด้วยความรู้สึกน้อยใจและเหนื่อยใจ ถึงแม้ว่าปากฉันจะร้าย แต่ฉันก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ

“มันก็สำคัญ แต่ชีวิตแม่กับพ่อล่ะ แค่นี้แยกไม่ได้เหรอว่าอันไหนเรื่องใหญ่กว่ากัน” แม่พูดขึ้นอีกครั้งเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ

แล้วสิ่งที่แม่ไม่เคยลืมเลยก็คือการแทนนามของผู้ชายคนนั้นว่าเป็นพ่อฉันเสมอ ทั้งที่ตลอดมาฉันไม่เคยยอมรับและบอกไปตลอดว่าฉันมีพ่อแค่คนเดียว พ่อที่จากไปแล้วจนทำให้ฉันมีชีวิตแบบนี้ไง

“แม่ควรจะบอกผัวแม่ให้เลิกเล่นได้แล้วนะ ถ้ามันจะรวยจากการเล่นคงไม่ถูกตามทวงหนี้แบบนี้หรอก อีกอย่างบัวไม่ได้มีเงินคอยมาให้แม่เอาไปจ่ายหนี้บ้าบอพวกนี้ได้ตลอดหรอกนะ” ใครจะมองว่าฉันพูดแรงเกินไปก็แล้วแต่

แต่สำหรับฉัน ก็คนคนหนึ่งที่มีอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นใคร และยิ่งต้องมาแบกรับปัญหาอะไรที่ตัวเองไม่ได้ก่อหรือมีส่วนได้แต่กลับต้องมีส่วนเสียตลอด แล้วยังมาจากคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดหรือความรู้สึกดี ๆ อีก คิดว่าฉันจะมานั่งเก็บปากเงียบไม่พูดไม่โมโหแล้วยอมรับทุกอย่างอย่างนั้นเหรอ

“บัว! แม่ก็แค่ขอยืมเดี๋ยวพอพ่อเขามีเงินเดี๋ยวเขาก็เอามาคืนแกเองนั่นแหละ!” พอว่าผัวรักเขาเข้าให้ก็เป็นแบบนี้ตลอด พูดเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ให้เห็นเป็นตัวอย่าง

“แล้วที่ผ่านมาเคยคืนบัวบ้างไหม...” ไม่เลยไง นอกจากไม่คืนจนน่าหงุดหงิดแล้ว ยังไม่โกรธเท่ากับมาขอเพิ่มอีก “ครั้งนี้บัวไม่มี แล้วบัวก็คงช่วยไม่ได้”

ฉันยังคงยืนยันออกไปอย่างหนักแน่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนใจหรือแสดงความลังเลแม้แต่น้อย พูดจบก็เลือกจะปิดประตูล็อกกลอนอย่างแน่นหนาหนีหน้าทันที

และครั้งนี้ฉันคงช่วยไม่ได้อย่างที่พูดจริง ๆ เพราะเงินเดือนฉันไม่ได้เยอะขนาดจะแบ่งเรื่องส่วนตัวและเรื่องครอบครัวได้อย่างทั่วถึงขนาดนั้น อีกทั้งเดือนนี้ฉันยังต้องจ่ายค่าเทอมของตัวเองที่มันจำเป็นมากด้วย

แล้วไหนจะเรื่องที่เกิดขึ้นหากมันเป็นเรื่องที่มาจากสิ่งจำเป็นหรือเรื่องฉุกเฉินจริง ๆ ฉันคงจะไม่เสียดายหรือขี้งกอะไรหรอกที่สละให้ก่อน

แต่นี่มันไม่ใช่ มันไม่จำเป็นเลยสักนิด

“บัว! นังบัว!! แกอยากให้พ่อกับแม่แกตายมากใช่ไหม พอโตแล้วปีกกล้าขาแข็งก็ไม่ต้องสนใจหัวหงอกที่เลี้ยงดูแกมาจนโตแบบนี้สินะ!” เสียงแม่ดังขึ้นจากหน้าห้องด้วยความไม่พอใจ เริ่มรําฤกษ์บุญคุณเหมือนที่ชอบทำเวลาไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการจากลูกอย่างเธอ

“บัวคิดถึงพ่อจังเลยค่ะ ฮึก!” คำที่ฉันมักพูดกับตัวเองเป็นประจำ พร้อมน้ำตาที่ร่วงลงมาจากดวงตาทันทีด้วยความเหนื่อยล้าและท้อใจ

แม่ที่น่ารักคนเก่าได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ และคงหมดหวังไม่มีทางได้กลับคืนมาเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

บทถัดไป