บทที่ 2 รับช่วงต่อ

กองปราบ

“พวกมันขอเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ครับ พวกมันบอกว่าถ้าเงินเดือนลูกสาวมันออกแล้วจะรีบคืนให้แน่นอน” ธนาลูกน้องมือขวาคนสนิทของพ่อผมเอ่ยบอกพ่อผมออกมาทุกเหตุการณ์ที่ไปจัดการแทน

“พวกนี้ถ้าไม่ทำให้มันได้เห็นผลของการโกหก มันคงไม่รีบดิ้นหามาคืนให้หรอก” พ่อผมพูดขึ้นอย่างเคยชินกับพวกลูกหนี้หัวหมอแต่กลับไม่รอดสักราย

“จะให้ผมทำยังไงต่อครับ” ธนาถามขึ้นพร้อมรับหน้าที่อย่างเคยชิน

“อย่าพึ่งทำอะไร รออีกหนึ่งอาทิตย์อย่างที่มันบอก ให้โอกาสมันครั้งสุดท้าย แต่ถ้าพวกมันยังกล้าโกหกและเล่นตุกติกกับฉันอีก ก็ค่อยให้คนไปสั่งสอนพวกมัน” พ่อสั่งออกไปด้วยน้ำเสียงและสายตาเรียบนิ่ง ไม่ได้เกรงกลัวต่อสิ่งกฎหมายหรือมีความปราณีเห็นใจสักนิด

แต่มันเป็นเรื่องปกติของพวกผิดคำพูดต้องเจอไม่ใช่เหรอ

“ครับ” ธนาก้มหัวรับคำสั่งก่อนจะเดินออกจากห้องไปเหลือไว้แค่ผมกับพ่อ

“รายนี้เท่าไหร่ครับ” ผมถามพ่อขึ้น เพราะเรื่องแบบนี้ผมก็เห็นประจำตั้งแต่เริ่มโตแล้ว มันหนึ่งในธุรกิจของครอบครัวที่ทำให้ผมต้องคลุกคลีอยู่แต่กับบ่อนของพ่อประจำ

“ห้าล้าน” พ่อพูดอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่กับจำนวนเงินแต่ละคน

แต่พวกลูกหนี้ของพ่อก็มีแต่หลักล้านโดยไม่รวมดอกกันทั้งนั้น แต่โดยส่วนใหญ่บางรายก็จ่ายดอกมาเรื่อย ๆ จนยอดเสมอเงินต้นไปแล้วยังไม่ได้ตัดเงินต้นสักรอบก็มี แต่ก็ยังดีที่ยังให้คืนบ้าง ต่างกับพวกลูกหนี้บางคนที่มันคิดว่าความตายเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้มั้ง มันถึงได้ผลัดแล้วผลัดอีกราวกับจะหนีพ้น

“แกดูแลต่อจากพ่อด้วยแล้วกัน ใครที่ให้โอกาสมันแล้วไม่รู้จักรักษาก็จัดการมันในแบบของแกได้เลย” พ่อพูดขึ้นก่อนจะลุกเดินออกจากห้อง

“ครับ ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะครับ” ผมตอบรับพร้อมกับพูดไล่หลังพ่อไป เพราะหลังจากนี้พ่อต้องพาแม่ไปทัวร์ยุโรปเดือนหนึ่ง ฉะนั้นงานทั้งหมดก็จะเป็นหน้าที่ของลูกอย่างผมต่อโดยไม่ต้องสืบ

ผมเดินไปนั่งเก้าอี้ของพ่อก่อนจะเปิดดูรายชื่อของลูกหนี้พ่อที่ใกล้จะถึงเวลาสะสางเร็ว ๆ นี้มาดู เพราะประวัติการชำระมันเป็นตัวตัดสินว่าคนพวกนั้นควรได้อะไรตอบแทนกลับไปบ้าง

กองปราบ ชายหนุ่มวัย 28 ปี ลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัว เขาโตมามีพร้อมทุกอย่าง และด้วยธุรกิจที่พ่อเขาทำ ก็เหมือนการปลูกฝังนิสัยของเขาไปในตัว เขาจึงกลายเป็นชายหนุ่มผู้โหดเหี้ยม และไม่สนใจใคร แต่กับคนรัก เขาจะกลายเป็นผู้ชายอีกคนที่คิดไม่ถึงและไม่มีใครได้เห็นมันง่าย ๆ แน่นอน

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องทำงานผมดังขึ้นก่อนมันจะถูกเปิดออกด้วยฝีมือของบอลมือขวาคนสนิทของผมนั่นเอง

“ว่าไง” ผมถามมันขึ้นเพราะเรื่องที่มันจะมารายงานก็ไม่พ้นเรื่องของลูกหนี้พวกนั้น เพราะหน้าที่นี้ผมให้มันรับผิดชอบ

“วันนี้เก็บได้หกรายครับ สี่รายจ่ายครบ สองรายจ่ายไม่ครบ แล้วรายนี้ก็ขอผลัดอีกแล้วครับ” บอลพูดพร้อมกับยื่นสมุดรายชื่อให้ผมดูว่ามีใครบ้าง

“คนนี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมันก็บอกว่าขอเวลาหนึ่งอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ?” พอผมเห็นรายชื่อก็จำได้ว่าคนที่ไม่จ่ายเป็นใคร แล้วมันเคยพูดอะไรไว้

“ใช่ครับ มันบอกยังไม่มี ส่วนของในบ้านที่มีค่าก็ไม่มีอะไรให้เอามาขัดดอกได้เลยครับ” บอลตอบกลับมาตามตรง

“งั้นก็ส่งคนไปสั่งสอนมันหน่อยสิ ในเมื่อไม่รู้จักรักษาคำพูด ก็ต้องทำให้มันรู้ว่าจะเป็นยังไง” ผมเอนตัวกับพนักพิงเก้าอี้หนังด้วยท่าทางสบาย ๆ พูดออกมาด้วยรอยยิ้มของความสนุก

คนแบบนี้ไม่มีอะไรให้น่าสงสารหรอกครับ พวกลูกหนี้ที่ตอนยืมพูดจาซะดิบดี แต่พอถึงเวลาจ่ายกลับผลัดแล้วผลัดอีกไม่รู้จักรักษาคำพูดและเวลา

“ได้ครับ...” บอลตอบรับก่อนจะวางรูปใบหนึ่งให้ผมแล้วพูดขึ้น “แล้วนี่ก็รูปลูกสาวของมันครับ เผื่อคุณปราบจะสนใจ”

“อายุเท่าไหร่” ผมหยิบรูปถ่ายแผ่นนั้นขึ้นมาดูอย่างเคย ๆ ถามขึ้นด้วยความสนใจแต่ดูแล้วยังเด็กอยู่เลยไม่อยากเสี่ยง

“สี่ยิบสองปีครับ เธอเป็นคนเดียวที่ทำงานหาเงินให้พ่อเลี้ยงกับแม่ของเธอจ่ายดอกเราเป็นประจำครับ” บอลตอบกลับทุกอย่างทีเดียว

แต่พ่อเลี้ยงอย่างนั้นเหรอ เหอะ! น่าสงสารจริง ๆ ที่มีพ่อเลี้ยงกับแม่บังเกิดเกล้าที่รักลูกได้แบบนี้

“งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวฉันไปเองดีกว่า” นั่งอยู่ห้องทั้งวันก็ออกจะน่าเบื่อ ไม่สู้ออกไปเปิดหูเปิดตาหน่อยดีกว่าเหรอ

“ครับ” บอลรับคำก่อนเดินออกจากห้องไป

ส่วนผมก็นั่งดูรูปถ่ายนั้นต่อด้วยความสนใจ ไม่คิดเลยว่าลูกหนี้รายนี้ของผมจะมีลูกสาวสวย ๆ แบบนี้ด้วยแหะ

เรื่องผู้หญิงเป็นเรื่องปกติของผมอยู่แล้ว ก็ผมโสดนี่จะทำอะไรก็ได้ไม่ผิด อีกอย่างคนเป็นพ่อเป็นแม่รวมถึงตัวผู้หญิงพวกนั้นก็ต่างเต็มใจถวายตัวเพื่อขัดดอกให้กับผมอยู่แล้ว ถ้าถูกใจผมก็ไม่ขัด ถ้ายิ่งผมพอใจพวกมันก็ได้ลดดอกลงไปตั้งมากมาย แบบนี้ใครจะไม่ยอมกันล่ะ ได้กันทั้งสองฝ่าย

แล้วตอนนี้ผมก็รู้สึกถูกใจลูกสาวของลูกหนี้คนนี้เข้าแล้วล่ะสิ แบบนี้ก็คงต้องช่วยลดดอกให้พ่อเลี้ยงกับแม่ของเธอได้หลายบาทเลยสินะ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป