บทที่ 5 รู้เห็นเป็นใจ
ใยบัว
“อื้อ!” ฉันที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็บิดตัวไล่ความเมื่อยล้าของร่างกายเหมือนทุกเช้า และเมื่อคืนฉันหลับสนิทมากหลับจนไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
“หึ!” แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
แต่เดี๋ยวนะ ทำไมเหมือนฉันได้ยินเสียงใครแค่นเสียงอยู่ใกล้ ๆ เลยล่ะ
ฉันลืมตาขึ้นมาก่อนที่สายตาของฉันจะหันไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังนอนตะแคงชันแขนอยู่บนเตียงข้าง ๆ ฉัน ผู้ชายผิวขาว คิ้วหนา ตาคมดุเหมือนเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสัน ปากสีคล้ำนิด ๆ เหมือนมาจากการดูดบุหรี่แต่ทรงหน้าจูบ
แต่หน้าตาเขาคล้ายกับใครสักคนที่เหมือนฉันเคยเจอมาก่อน แต่ฉันตื่นแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมฉันถึงฝันอยู่ล่ะ หรือว่าฉันฝันซ้อนฝันกันนะ?
“มองขนาดนี้จะจูบฉันก็ได้นะ” เสียงที่ดังขึ้นอีกรอบมันชัดเจนจนทำให้ฉันได้สติและปรับสายตาตัวเองมองชัด ๆ อีกครั้ง
“นาย! นายเข้ามาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง!” ฉันตกใจสะดุ้งเด้งตัวลุกขึ้นและถามผู้ชายคนนั้นทันที
ผู้ชายที่เขามาบ้านฉันเมื่อวานแล้วยื่นข้อเสนอทุเรส ๆ พวกนั้นให้ฉัน แต่ทำไมตอนนี้เขามาอยู่ในห้องของฉันได้ล่ะ หรือว่า...
“หึ!” เขาไม่ตอบแต่กลับแค่นขำออกมาราวกบเรื่องตลก นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกไม่ชอบหน้าเขามากกว่าเดิม และรู้สึกโมโหมากกว่าเก่า
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!” ฉันไล่เขาขึ้นแล้วขยับลงจากเตียงให้ห่างจากผู้ชายอันตรายคนนี้ทันที
“ดูให้ดีก่อนไหมว่าห้องที่เธอพูดอยู่เป็นห้องใครกันแน่” แต่คำพูดของผู้ชายคนนั้นก็ดังขึ้นทำให้เท้าฉันชะงัก
ฉันดึงสติจากการพึ่งตื่นของตัวเองก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ ห้องอย่างที่เขาพูดอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องตกใจกว่าเก่าเมื่อได้เห็นทุกอย่างเต็มสองตาตัวเองชัด ๆ
ที่นี่มันไม่ใช่ห้องของฉันจริง ๆ แล้วที่นี่ที่ไหน? ห้องของเขาอย่างนั้นเหรอ แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อย่าบอกนะว่า!
“นายลักพาตัวฉันมาเหรอ?!” ฉันถามออกไปอย่างต้องการคำตอบ นี่เขาเลวถึงขนาดลักพาตัวฉันมาแบบนี้เลยเหรอ ทั้งที่ฉันปฏิเสธข้อเสนอเขาไปอย่างชัดแล้วว่าฉันไม่เอาตัวเข้าแลกกับเงินจำนวนนั้นของเขา แต่เขาก็ยังทำ
เลวที่สุด!
“ลักพาตัวมันต้องใช้กับกรณีที่ไม่มีใครรู้เห็นและบุกรุก แต่นี่ ทั้งพ่อเลี้ยงเธอ แล้วก็แม่ของเธอ...” เขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเหมือนกับเรื่องที่กำลังพูดเป็นเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขและรู้สึกขำไม่น้อย
แต่เขาจะรู้ไหมว่าคำพูดของเขามันเหมือนกับสายฟ้าผ่าลงกลางใจของฉันแค่ไหน แม้เขาไม่ได้พูดจนจบประโยค แต่ที่เขาพูดมันกำลังบอกว่าแม่ของฉันรู้เห็นกับการที่เขาพาฉันมาแบบนี้...อย่างงั้นเหรอ
ไม่จริงหรอก ถึงแม่ฉันจะไม่ได้เป็นแม่ที่น่ารักเหมือนเมื่อก่อน ถึงแม่ฉันจะหลงผู้ชายคนนั้นมากกว่าความรักที่มีให้ลูกสาวคนนี้ แต่ฉันก็ยังเชื่อว่ายังไงแม่ก็ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้กับฉันได้เด็ดขาด ไม่มีทาง
“ช็อกไปเลยเหรอที่รู้แบบนี้ แต่ฉันจะบอกให้เธอรู้อีกอย่างนะ ว่านอกจากพ่อแม่เธอจะรู้ว่าฉันเป็นคนพาเธอออกมาแล้ว พวกเขานั่นแหละที่เป็นคนเปิดประตูรอต้อนรับฉันด้วยตัวเอง แล้วเป็นคนเดินมาบอกฉันด้วยตัวเองเลย ว่าให้เข้าไปเอาเธอออกมา” ผู้ชายคนนี้ยังคงพูดขึ้นไม่หยุด เล่าออกมาอย่างไหลลื่นราวกับเรื่องจริง เขาพูดออกมาเหมือนกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ พูดออกมาเหมือนกับเป็นเรื่องสนุกของเขา
แต่ฉันไม่ได้สนุกกับเขาด้วยเลยสักนิด แม่ที่เป็นครอบครัวเดียวของฉัน แม่ที่เป็นคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่ในชีวิต แม่ที่ยังทำให้ฉันรู้ว่าฉันยังต้องสู้เพื่อตัวเองและใคร แต่วันนี้แม่กลับเป็นคนทำความรู้สึกพวกนี้ของฉันพังไปหมดในคราวเดียว
ถึงแม่จะไม่ได้รักฉันเหมือนเดิม แต่ฉันก็ไม่คิดว่าแม่จะขายฉันแลกกับเงินพวกนั้นได้ลงคอ ไม่คิดว่าแม่จะยืนมองผู้ชายคนนี้พาลูกสาวตัวเองออกมาจากบ้านได้ทั้งที่รู้ว่าจะเจอกับอะไร
แมะ! อยู่ ๆ น้ำตาของฉันก็ไหลออกมาอย่างไร้เสียงสะอื้นโดยลืมความอาย แต่จะให้ฉันทนไหวได้จริง ๆ เหรอ นั่นแม่ของฉันเลยนะ แม่ที่ฉันยังรักและยอมรับภาระมากมายที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ที่แม่ไม่ได้ก่อ เพื่อให้แม่ไม่ต้องเครียด หรือเผชิญอันตรายอะไร
แต่นี่ใช่ไหมภาระอีกอย่างที่ฉันต้องรับมันเพื่อแม่ ต้องรับมันอย่างไม่เต็มใจเหมือนกับที่ผ่าน ๆ มา ต้องยอมทนมาเป็นผู้หญิงของเจ้าหนี้จนกว่าเขาจะพอใจเพื่อแลกกับดอกเบี้ยสามแสนของผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่แม่คงรักมากกว่าลูกอย่างฉันจนไม่สนความเป็นความตายของฉันได้
“ชู่วว! ไม่ต้องร้องนะสาวน้อย ถือว่าตอบแทนบุญคุณพ่อแม่เธอไง” ผู้ชายคนข้าง ๆ พูดราวกำลังปลอบ ขยับเข้ามาแล้วยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันเหมือนกับเอ็นดูและสงสาร
แต่ถ้าได้ยินน้ำเสียงติดขำของเขาแล้วจะรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้สงสาร แต่เขากำลังสมเพช
“ถ้าฉันไม่ทำอย่างที่นายต้องการล่ะ” ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออกอย่างลวก ๆ ก่อนจะถามเขาขึ้นโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเขา
“เธอคิดว่าเธออยู่ตรงนี้แล้วเธอจะรอดงั้นเหรอ” เขาพูดขึ้นเหมือนกับตลกกับคำถามของฉัน
แต่ก็ตลกจริง ๆ นั่นแหละ ตอนนี้ฉันอยู่กับเขา อยู่ในที่ของเขา เขาที่ต้องการอย่างไม่ปิดบัง นอกจากตายฉันก็คงไม่มีทางหนีเขาไปได้
“แล้วถ้าฉันทำแล้ว คุณจะลดหนี้ให้แม่ฉันเท่าไหร่” ฉันถามขึ้นอีกครั้ง ถ้าหนีไม่พ้นก็คงต้องตกลงกันอย่างชัดเจนไม่ให้เสียเปรียบ
“หึ! ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของฉัน” เขาขำขึ้นอย่างพอใจก่อนจะตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แล้วนานแค่ไหน” นี่ก็อีกเรื่องสำคัญ ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้ต่อไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง
“เหมือนเดิม จนกว่าฉันจะพอใจและรู้สึกเบื่อกับร่างกายของเธอ” เขาพูดขึ้นเหมือนกับฉันไม่ใช่คน เหมือนกับฉันไม่มีค่า
แค่ของเล่นคนรวย แค่ลูกหนี้ขัดดอกไม่มีความหมาย
แต่ไม่แปลก คนมีเงินอย่างเขากับลูกหนี้อย่างฉัน มันก็แน่อยู่แล้วที่คนอย่างเขาจะมองฉันเป็นของเล่นมีชีวิตที่อยากจะเล่นยังไงก็ได้ อยากจะทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้รอแค่เขาเบื่อเท่านั้น
“แต่ไม่ต้องกลัวนะ ฉันมันพวกขี้เบื่ออยู่แล้ว เล่นอะไรได้ไม่นานหรอก อีกอย่างลูกหนี้ฉันเยอะมากแล้วพวกนั้นก็พร้อมจะมาขัดดอกฉันด้วยวิธีนี้เหมือนกัน เธอคงใช้เวลาขัดดอกไม่นานไปกว่าคนอื่น ๆ หรอก” เขาพูดขึ้นอีกครั้งเหมือนให้เธอสบายใจได้เลย
และนั่นก็ทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาอีกครั้งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดตัวเองลึก ๆ แล้วพูดออก
“ฉันตกลง” ฉันจะถือว่าทำอย่างที่เขาพูด ถือว่าตอบแทนบุญคุณแม่ แล้วมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะตอบแทนแม่ด้วยเรื่องพวกนี้อีกต่อไป
“หึ! ถ้าทำตัวดี ๆ แบบนี้ตลอดก็ไม่ต้องกลัว ฉันจะใจดีกับเธอแน่นอน”
ตุบ!
