บทที่ 3 บทที่ 1 อัลเฟรโด้ เอสเต (100%)
“ไม่มีใครบอกเธอเหรอว่าฉันไม่ชอบให้จูบ!”
ชายหนุ่มตะโกนกร้าวเสียงดังก่อนจะผลักดันร่างที่กำลังควบขี่ตัวเองออกไปทันที ไฟพิศวาสที่กำลังโหมกระพือดับมอดลงทันทีเพราะการกระทำที่เขาเคยออกปากสั่งห้ามผู้หญิงทุกคนที่ควง ไม่ว่าจะกี่วัน
ตุบ
“โอ๊ย คะ คุณเอสเต”
ร่างอวบอิ่มถูกเหวี่ยงลงไปนั่งบนพื้นโดยที่ยังไปไม่ถึงสวรรค์ อัลเฟรโด้ลุกขึ้นยืนจังก้า เดินย่างเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยสายตาเข้มขึ้น ร่างกำยำหยุดยืนตรงหน้าอีกฝ่ายก่อนจะก้มหน้าลงมองตัวตนที่กำลังแข็งค้างผงกหัวหงึกหงักเตรียมปลดปล่อย
“โทษของคนที่ฝ่าฝืนคำสั่งของฉัน จัดการมันซะ!”
สิ้นคำประกาศกร้าวมือเล็กก็กระวีกระวาดถอดสิ่งห่อหุ้มป้องกันออกแล้วกอบกุมท่อนเอ็นเอาไว้เต็มสองมือ ก่อนจะใช้ลิ้นตวัดเลียปลายสีแดงจูบซับเบาๆ ลงไปจนถึงโคน ลิ้นเล็กตวัดเลียไปมาสลับกับมือกำแก่นกายที่สาวเข้าออกเนิบช้า
“อ่า ดีมาก เอามันเข้าไปในปากของเธอ” โมนิก้าเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าแดงก่ำที่กำลังสูดปากด้วยความเสียว ก่อนจะก้มลงเลียส่วนปลายสีแดงระเรื่อแล้วออ้าปากกว้างเพื่อดูดกลืนท่อนเนื้อใหญ่โตเข้าในโพรงปาก
“อ๊า ดี ดีมาก อ๊า” อัลเฟรโด้เอื้อมมือไปกดศีรษะของโมนิก้าให้แนบชิดและดูดกลืนตัวตนของเขาเข้าไปจนสุด ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายทำหน้าที่นำพาความสุขสมให้แก่ตัวเองอย่างเต็มที่
โมนิก้าดูดกลืนท่อนเอ็นแข็งแรงเข้าออกในปากอย่างชำนาญ ปลายลิ้นด้านในก็ตวัดเลียให้อีกฝ่ายสุขสมอย่างเต็มที่ เหตุการณ์ถูกผลักตกจากฝันดีที่ใกล้ถึงฝั่งบอกให้เธอระวังตัวเมื่อเขาใกล้จะเบื่อเธอเต็มทีแล้ว ความกระหยิ่มใจที่เคยคิดว่าเขาติดใจรสสวาทที่ตัวเองปรนเปรอให้ในทุกคำคืนมันทำให้เธอหลงลืมคำสั่งเด็ดขาดของคนใกล้ชิดที่เคยออกปากว่าหากฝ่าฝืนจะถูกเขี่ยทิ้ง หัวใจที่เคยเย่อหยิ่งเริ่มอ่อนยวบเมื่อถูกเขาผลักออกจากตัว ทั้งๆ ที่เธอยังควบขี่ส่งตัวเองไปสวรรค์ มันเป็นสัญญาณให้เธอเตรียมตัวถูกเขี่ยทิ้งในเร็วๆ นี้
จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ
“เร็วอีกโมนิก้า เร็วอีก” หญิงสาวเร่งความเร็วตามคำสั่ง ปากเล็กดูดดึงเข้าออกรัวเร็ว ลิ้นโลมเลียจากข้างในเพื่อเร่งส่งให้เขาถึงจุดหมาย อัลเฟรโด้จับกดศีรษะของโมนิก้าเข้าหาตัวเอง เด้งสะโพกสอบเข้าปากของอีกฝ่ายรัวเร็ว ความอึดอัดคลายใกล้ปริแตกมันทรมานทว่าเสียวกระเส่าไปทั้งกาย ชายหนุ่มส่งจังหวะเร็วแรงก่อนจะเร่งจังหวะสุดท้ายส่งตัวตนพร้อมธารสีขุ่นที่ไหลทะลักออกมา
“พอได้แล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเมื่อมือเรียวปัดป่ายไปมาบริเวณหน้าท้องของเขา สายตาหวามไหวกึ่งขอร้องส่งมาให้ทั้งๆ ที่ร่างอวบอิ่มยังคงนั่งอยู่บนพื้น อัลเฟรโด้กลับทำสีหน้านิ่งเฉย เดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหมายเลขโทรศัพท์ทางไกลโทรออกไปหาใครอีกคน
“คุณเอสเตขา” ร่างอวบอิ่มวิ่งเยาะเข้ามาสวมกอดจากด้านหลัง จงใจบดเบียดอกอวบเข้าหาอีกฝ่าย วาดวงแขนไปข้างหน้าวางมือตรงท่อนเอ็นที่เคยดูดกินลูบไล้เบาๆ เพื่อให้มันตอบสนองกลับมา และได้ผลความแข็งแกร่งภายใต้เสื้อคลุมโหนกนูนขึ้น ทั้งใหญ่และยาวจนเธอตื่นตะลึงทุกครั้งที่สัมผัสมัน มืออีกข้างก็นวดเค้นทรวงอกอวบนุ่มของตัวเองเพื่อกระตุ้นอารมณ์ให้โหมกระพือขึ้นอีกครั้ง
“คุณเอสเตขา ปลดปล่อยฉันหน่อยนะคะ”
อัลเฟรโด้ปรายมองมือเรียวที่กำลังลูบไล้ปลุกไฟพิศวาสให้แก่นกายของตนเองแล้วถอนหายใจ ความต้องการตามธรรมชาติมักเกิดขึ้นได้หากถูกกระตุ้น เขาเองก็เป็นแบบนั้นแม้หลังจากเพิ่งเสร็จสมไปเพียงไม่นาน แต่การมีร่างเปลือยเปล่าอวบอิ่มแนบชิดคอยลูบไล้ปลุกเร้าแบบนี้ก็ทำให้เขา ‘อยาก’ ขึ้นมาอีกรอบ
“ได้ ฉันจะปลดปล่อยเธอ” สิ้นคำตอบโทรศัพท์ในมือก็ปลิวไปกองที่พื้น ทั้งที่ยังไม่กดวางสาย แกะมือเรียวที่กำลังลูบไล้แก่นกายตนเองออกแล้วเดินไปนอนลงบนเตียง โดยมีร่างอวบอิ่มเปลือยกายเดินนวยนาดเข้าไปหา นั่งลงเคียงข้างเอื้อมมือแกะปมที่ผูกชุดคลุมสีขาวออก ลูบไล้แผงอกกำยำแน่นหนั่นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ พร้อมส่งสายยั่วเย้าไปให้
“อืม อ่า ซี๊ด” เสียงครางกระเส่าจากการถูกลิ้นโลมเลียที่ท่อนเอ็น มือเรียวอีกข้างกอบกุมส่วนโคนเอาไว้ ส่วนปลายถูกลิ้นเล็กตวัดเลียไปมา
โมนิก้าเป็นผู้หญิงที่โชกโชนมามากจึงรู้ดีว่าทำอย่างไรผู้ชายถึงจะชอบ จับตรงไหนถึงจะปลุกเร้าอีกฝ่ายได้ ที่สำคัญเธอรู้ว่าผู้ชายชอบให้ผู้หญิงดูอ่อนประสบการณ์ก่อนค่อยโชว์ความชำนาญทีหลัง
ร่างอวบอิ่มเคลื่อนกายลงไปตรงจุดกึ่งกลางลำตัว มือเอื้อมจับแก่นกายแข็งเกร็งขึ้นมา มืออีกขว้างคว้าหยิบเครื่องป้องกันที่ชายหนุ่มสั่งให้สวมใส่ให้เขาเสมอก่อนกิจกาม หลังจากทำตามขั้นตอนที่เขาสั่งหญิงสาวก็ขยับกายขึ้นไปยกสะโพกขึ้นจ่อที่ช่องทางรักแล้วกดตัวเองลงไปช้าๆ เสียงสูดปากจากชายใต้ร่างเร่งเร้าให้เธอเริ่มเคลื่อนกาย โมนิก้าขยับกายรุนแรงในทันทีที่ร่างกายประสานกัน ความอึดอัดขัดใจจากการไม่ถึงฝั่งฝันเมื่อครู่เร่งเร้าให้เธอเคลื่อนขยับกายถี่เร็ว มืออีกข้างเอื้อมไปดึงมือของชายหนุ่มขึ้นมาบีบเค้นทรวงอกอิ่มใหญ่ที่กระเด้งขึ้นลงตามจังหวะการเคลื่อนตัว กายสาวที่พรั่งพร้อมเพียงแค่ได้รับสัมผัสเล็กน้อยก็ตอดรัดรุนแรงเสมือนจะถึงฝั่งฝันในอีกไม่ช้า แต่อัลเฟรโด้กลับไม่ยินยอมเมื่อเขายังไม่ไปถึงไหน ชายหนุ่มขยับตัวลูกนั่งปากหนางับเข้าที่ยอดถันสีชมพูเข้ม ดูดดึงขับเม้มสร้างเสียงครางให้คนบนร่าง ยิ่งรู้สึกถึงแรงตอดรัดเสียงคำรามในลำคอยิ่งดังขึ้น ก่อนจะดันหญิงสาวลงจากตักพลิกร่างอวบอิ่มให้คว่ำหน้าแล้วจับสะโพกกลมกลึงเข้าหาตัว
“อ๊า” อัลเฟรโด้ดันตัวตนแข็งแกร่งของตนเข้าหา เสียงหวีดร้องสุขสมดังตามมาก่อนที่เขาจะเริ่มขยับกายส่งจังหวะรุนแรงไร้ความอ่อนโยน ความกระสันและไฟพิศวาสมันรุนแรงจนรุกไล่เข้ามาประชิด เพราะการตอดรัดที่ถี่กระชั้นและเริ่มเร็วแรงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งโมนิก้าใกล้ถึงสวรรค์ยิ่งส่งผลให้กายแกร่งที่กำลังขับเคลื่อนผุบเข้าผุบออกในกายสาวเร่งส่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีก
“อ่ะ อะ อ๊า คะ เอสเตขาแรงอีกค่ะ”
อัลเฟรโด้ส่งแรงกระแทกกระทั้นเข้าหาสะโพกกลมกลึงตามสิ่งที่โมนิก้าเรียกร้อง เขาเองก็ใกล้ถึงจุดหมายเพราะการร้างลาเรื่องบนเตียงสองวันจากการต้องไปทำงานไกลถึงดินแดนทะเลทรายทำให้เขามีความต้องการมากเป็นพิเศษ ยิ่งจังหวะกระแทกรุนแรง เสียงหวีดร้องสุขสมของโมนิก้ายิ่งดังขึ้น ก่อนจะที่ร่างอวบอิ่มจะกระตุกเกร็งจากด้านใน ตอดรัดเร็วรี่จนกายแกร่งปวดหนึบ
“อ๊า” ร่างอวบอิ่มระทวยจนแทบทรงตัวไม่อยู่หากไม่ได้แขนแข็งแรงสอดรวบเอวคอดเอาไว้เพื่อเพิ่มแรงกระแทกส่งตัวเองให้ถึงฝั่งตามไป
ตับ ตับ ตับ
กริ้ง!
ทว่า… ในจังหวะที่กายแกร่งปวดร้าวใกล้ปริแตก เสียงร้องเตือนการโทรเข้าของโทรศัพท์ที่เขาเพิ่งขว้างทิ้งก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“บัดซบ” มาเฟียใหญ่สบถคำหยาบออกมาก่อนจะเร่งจังหวะส่งตัวเองให้ถึงฝั่งด้วยการจับยกร่างอวบอิ่มขึ้นให้แผ่นหลังบางแนบชิดกับแผงอกแกร่ง มือหนาเคลื่อนไปบีบเค้นทรวงอกอวบรุนแรง เร่งเร้าจังหวะไปพร้อมเสียงหวีดร้องกระเส่าของโมนิก้า และ… เสียงเรียกเข้าของมือถือที่ไม่บอกก็รู้ว่าใครโทรมา
“อ่า ซี๊ด อีกนิดเดียว” ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นใส่สะโพกกลมกลึงอย่างบ้าคลั่ง อารมณ์โหมกระพือรุนแรงเมื่อตนเองใกล้ถึงฝั่งก่อนจะเร่งเร้าส่งจังหวะสุดท้ายเข้าหาแล้วคำรามเสียงดังในลำคอ ร่างกำยำโถมกายทับร่างอวบอิ่มที่ระทวยลงไปนอนคว่ำบนเตียง อัลเฟรโด้สูดปากสุขสมตามความต้องการพร้อมอารมณ์หงุดหงิดตามมาเมื่อเสียงเรียกเข้าของมือถือยังคงดังต่อเนื่องเสมือนปลายสายต้องการก่อกวนช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม
ชายหนุ่มเดินหัวเสียไปคว้าโทรศัพท์พอเห็นเบอร์คนโทรเข้าก็สบถออกมาอีกหลายคำก่อนจะเดินไปคว้าเสื้อคลุมอีกตัวมาใส่ เดินลงส้นเท้าออกจากห้องเล็กภายในชั้นส่วนตัวของตัวเองไปทันที
“บอสครับ!” ทันทีที่เจ้านายเปิดประตูออกมา เอเดรียนที่ทำท่าเหมือนจะตายอยู่ด้านนอกก็แสดงสีหน้าดีอกดีใจผิดปกติจนคนเป็นเจ้านายต้องเอ่ยถาม
“นายมีอะไร”
อีกฝ่ายอ้ำอึ้งกระสับกระส่ายคล้ายคนเป็นกังวลอะไรเสียมากมายแต่อัลเฟรโด้กลับแสดงสีหน้าเรียบเฉยเพราะรู้อยู่แล้วว่าลูกน้องจะพูดอะไร
“เอ่อ คือเค (K)* กับเคออส (Chaos)** โทรเข้ามาสายจะระเบิดแล้วครับ ผมกลัวว่าจะมีเรื่องอะไรด่วน”
“ฉันรู้แล้ว” อัลเฟรโด้ตอบเพียงสั้นๆ แล้วเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเองในอีกฝั่งของชั้น แต่ก่อนไปชายหนุ่มไม่ลืมสั่งงานลูกน้องอีกอย่างซึ่งเขาตั้งใจว่าจะออกมาบอกตั้งแต่ยี่สิบหน้าที่ก่อน หลังจากโมนิก้าทำภารกิจให้ตนเองเสร็จ แต่ก็ดันจุดไฟสวาทติดจนต้องต่ออีกรอบซะก่อน
“ไปส่งโมนิก้าแล้วจ่ายเงินงวดสุดท้ายให้หล่อนด้วย”
“ครับบอส”
อัลเฟรโด้เดินถือโทรศัพท์มือถือที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องเข้ามาในห้อง ใบหน้าเข้มขรึมเรียบนิ่งส่ายไปมาเมื่อเห็นเบอร์คนโทรเข้า เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อได้ยินชื่อคนร่วมโทรอีกคนอย่างเคออสผู้มีนิสัยทะเล้นชอบวุ่นวายเรื่องคนอื่นทั้งๆ ที่เรื่องของตัวเองก็เอาไม่รอด ชายหนุ่มตัดสินใจกดรับสายทั้งๆ ที่อารมณ์ยังคุกรุ่นเพราะรำคาญเสียงกรีดร้องที่ดังจนหูแทบแตก ไหนจะรูปถ่ายใบหน้านิ่งๆ ของปลายสายที่เพ่งมองเขาอย่างก่อกวนในมืออีก
“ใครตายเหรอเค” คำทักทายแรกหลังจากกดรับสายเรียกเสียงหัวเราะในลำคอของอีกฝ่ายได้ทันที
“คนที่ตายน่าจะเป็นฝั่งนาย” คิ้วเข้มที่เรียงตัวสวยบนใบหน้าเข้มขรึมขมวดก่อนจะถอนหายใจลึกกับคำพูดล้อเลียนที่แค่ฟังก็พอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายต้องการสื่อสารสิ่งใด คนนิ่งๆ มักตอกกลับคนอื่นจนหน้าหงาย เคเองก็เช่นกัน
“ฉันยังไม่ตาย และไม่มีลูกน้องคนไหนตาย”
“อ่อ แล้วเสียงร้องครางเหมือนจะขาดใจตายที่ฉันได้ยินนั่นมันคือเสียงโหยหวนของสิ่งมีชีวิตชนิดไหนล่ะเอส”
คนถูกเรียกว่า ‘เอส (ES)***’ ชักสีหน้าถอนหายใจแรงอีกรอบ มือที่จับโทรศัพท์กำแน่นจนเจ้าวัตถุเล็กๆ ทันสมัยแทบจะแหลกคามือ
“หยุดพูดจาก่อกวนสักทีเค บอกสิ่งที่นายต้องการมา” เสียงแค่นหัวเราะที่ดังมากกว่าครั้งแรกทำให้เส้นเลือดที่ขมับคนถูกก่อกวนกระตุกเล็กน้อย
นานครั้งที่จะได้ยินเสียงหัวเราะกวนอวัยวะเบื้องล่างจากอีกฝ่าย และมันยิ่งกวนมากขึ้นเมื่ออัลเฟรโด้รู้และเข้าใจอย่างดีว่าอีกฝ่ายต้องการยียวนเรื่องใด
“ฉันควรต้องถามนาย นายโทรเข้ามาแล้วก็ปล่อยให้ฉันถือสายฟังเสียงสิ่งมีชีวิตบางอย่างโหยหวนชวนเอาเจียนเป็นนานสองนาน”
ความคิดทุกอย่างชะงักเมื่อได้ยินคำตอบกวนๆ จากปากคนนิ่งๆ อัลเฟรโด้ยกมือขึ้นกุมขมับ นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าที่จะเริ่มบทรักรอบที่สองเขากดโทรออกไปหาอีกฝ่าย และเร่งรีบกิจกามจนลืมกดวางสายของเพื่อนไปเสียสนิท
“นายทำให้ฉันกินข้าวไม่ลงไปอีกหลายวัน”
ยิ่งอีกฝ่ายกลั้วหัวเราะเยาะเย้ยตรงข้ามกับคำพูดมากเท่าไหร่คนฟังยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นเท่านั้น นี่ไม่นับรวมสายจากเจ้าคนทะเล้นจอมยุ่งอีกนะ นี่คงไปเล่าสู่กันฟังครบกลุ่มแล้วถึงได้ส่งเจ้าจอมกวนโทรมาอีกคน
“นายเล่าให้เคอ็อสฟังด้วยหรือ ปกติไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ฉันไม่ได้เล่า ตอนนายโทรมาหมอนั่นคุยวิดีโอคอลกับฉันอยู่ ฉันเลยเปิดสปีกเกอร์โฟนให้ฟังพร้อมกัน” น้ำเสียงราบเรียบที่ตอบเหมือนไม่มีความรู้สึกผิดกระตุ้นให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวอยู่แล้วระเบิดออก อัลเฟรโด้ขบกรามแน่น มือที่กำโทรศัพท์ง้างขึ้นเกือบจะขว้างปาสิ่งของในมือทิ้งเพื่อระบายอารมณ์หากไม่ได้ยินเสียงราบเรียบของปลายสายร้องเตือนเรื่องสำคัญเสียก่อน
“อีกหนึ่งสัปดาห์จะถึงวันเกิดของเด็กคนนั้น”
อกลับเข้ามาแล้วแนบหูฟังเสียงราบเรียบกวนโทสะต่อไปอย่างเสียไม่ได้ แม้จะหงุดหงิดแต่ก็ร้อนใจและตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยิน การรอคอยที่ยาวนานใกล้สิ้นสุดลงเสียที ถึงเวลาที่เขาจะได้แสดงตัว และรับผิดชอบต่อบางสิ่งที่เคยกระทำเมื่อในอดีตเสียที
“ปีนี้เด็กคนนั้นจะอายุครบ 22 ปีตามที่นายต้องการ”
นั่นเป็นเสมือนเสียงจากสวรรค์ที่อวยพรแก่คนบาปเช่นเขา สองปีที่ต้องทนเห็นภาพบางสิ่งรบกวนจิตใจยามข่มตานอนมันทำให้เขาทุกข์ทรมานเหลือเกิน ทุกคืนที่หลับตาลงภาพเหตุการณ์เลวร้ายที่พยายามลืมเลือนจะวกกลับมาหลอกหลอนให้ ‘คนบาป’ ไม่อาจข่มตาหลับได้ ในที่สุดช่วงเวลาที่เขาต้องทนทุกข์ก็จบสิ้นลงเสียที หมดกังวลกับสิ่งที่จะตามมาเมื่อถึงเวลาที่เขาจะไป ‘รับ’ ตัวต้นเหตุของฝันร้ายให้มาอยู่ในความดูแลเสียที
“อีกไม่เกิน 10 ชั่วโมง นายมารอรับฉันที่สนามบินได้เลย”
