บทที่ 6 บทที่ 3 ชมสินค้า 50%
บทที่ 3 ชมสินค้า
“ว่ายังไงยัยเด็กลามก น้ำลายเธอไหลยืดจนจะย้อยลงมาถึงคอแล้ว”
แม้จะปรับน้ำเสียงให้ดูเข้มขึ้นแต่กลับไม่สามารถหุบยิ้มของตัวเองได้ ใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังแหงนหน้าคอตั้งบ่ามองเขาตาโตราวกับเห็นผีหลังจากเขาส่งยิ้มให้
ดวงตากลมโตที่กำลังเบิกกว้างจนเขากลัวว่ามันจะหลุดกระเด็นมาติดหน้าตนเอง เด็กสาวเมื่อ 2 ปีก่อน โตขึ้นมาก บัวสวรรค์กลายเป็นหญิงสาวที่เติบโตขึ้นมาอย่างน่าภาคภูมิใจ ร่างเล็กบางสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับชายหนุ่มเต็มตัวชาวยุโรปเช่นเขา เค้าโครงหน้า ทรวดทรงองเอวดูโดดเด่น และ ‘โต’ ขึ้นมากจริงๆ
“บัวสวรรค์ไม่ได้ยินที่ฉันถามเหรอ”
บัวสวรรค์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ หลังจากตั้งสติแล้วเรียกตัวเองให้ตื่นจากภวังค์ได้ก็สะบัดศีรษะไล่ความตะลึงงันทิ้งก่อนจะขมวดคิ้วแน่นจ้องมองใบหน้าของชายชาวต่างชาติ 'สูงวัย' ตรงหน้างงๆ ย่นจมูกถามออกไปเสียงงอนๆ
"คุณลุงเป็นใครคะ?"
คะ คุณลุง... ใบหน้าดุดันตีขรึมเคร่งเครียดขึ้นอีก คิ้วเข้มขมวดหม่นเมื่อได้ยินสรรพนามที่ยายตัวเล็กเอ่ยเรียก
คุณลุงเหรอ? เขาเนี่ยนะ? ใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบที่ดึงดูดสาวๆ ให้หลงมัวเมามานักต่อนักถูกยัยตัวจ้อยมองว่าแก่คราวลุงได้อย่างไร
ตลอดมามีแต่สตรีวิ่งโร่เข้าหา เอ่ยเรียกคุณเอสเตคะ คุณเอสเตขา ถึงขนาดเคยอยากเรียกชื่อเล่นที่เขาหวงแหน แต่ยายเด็กตัวจ้อยนี่... กลับเรียกเขาว่าลุง! อย่างเต็มปากเต็มคำไร้ความลังเลใดๆ ได้ยินแล้วเส้นประสาทชาย 'สูงวัย' ถึงกับกระตุก รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั้น นี่...ดีนะที่เขาสั่งให้ลูกน้องรออยู่ไกลๆ ไม่อย่างนั้นคงจะถูกเจ้าพวกนั้นเอาไปเล่าป่าวประกาศขยายความกับเพื่อนๆ ของเขาแล้วช่วยกันหัวเราะลับหลังแน่
คุณลุงเหรอ หึ ถ้าหน้าตาดีอย่างเขาเรียกลุงต้องหน้าแบบไหนยัยตัวเปี๊ยกถึงจะเรียกที่รัก! อ่อ หน้าละอ่อนไร้ประสบการณ์เหมือนไอ้เด็กนั่นนะเหรอ อย่าฝัน! แต่ก่อนอื่นเขาต้องลงโทษยายตัวจ้อยที่บังอาจมาเรียกผู้ชายหล่อเลวอย่างเขาว่า คุณลุงเสียก่อน!
"เธอเรียกใครลุง" คนถูกเรียกคุณลุงหงุดหงิดจนอยากจะจับคนตรงหน้ามาตีก้นแรงๆ ขัดใจกับท่าทีที่หญิงสาวแสดงออก ถอยหลังเตรียมวิ่งหนีราวกับเขาเป็นพวกโรคจิต ถึงแม้ว่า… จะคล้ายๆ ด้วยวิธีการอะไรๆ ที่ผ่านมาแต่ว่าเขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนนึง เขาแค่มีความรับผิดชอบถึงแม้จะช้า และเป็นวิธีการที่ค่อนข้างถูกประณามนิดหน่อย
น้ำเสียงห้วนสั้นกับใบหน้าดุๆ ของ ‘คุณลุง’ ทำให้บัวสวรรค์เริ่มหวาดระแวง ขาเรียวก้าวถอยหลังเพื่อสัญชาตญาณการเอาตัวรอดตามคติ ‘วิ่งก่อนได้เปรียบ’ ที่รพินท์เคยสอน หญิงสาวเตรียมตัวพร้อมสำหรับการวิ่งหนีสิ่งคุณลุงฝรั่งคนนี้แล้ว!
“นังบัว!”
ทว่ายังไม่ทันได้ทำตามความตั้งใจ เสียงตะโกนร้องจิกเรียกของพี่สาวจากหน้าบ้านพร้อมท่าทีคุกคามก็แทรกเข้ามา บัวสวรรค์หันไปมองพี่สาวต่างมารดาที่ใบหน้าบอกบุญไม่รับก็รับรู้ได้ว่าคงจะถูกระบายอารมณ์ใส่ด้วยการทุบตีด่าทอเช่นเคย พลันความคิดก็หยุดลงที่ชายต่างชาติแปลกหน้าที่ตัวเองกำลังยืนพูดคุยด้วย เขาเป็นคนอื่นที่อาจจะโดนพี่สาวใจร้ายด่าทอไปด้วย หญิงสาวละสายตากลับมาหา ‘คุณลุงฝรั่ง’ เพื่อเตือนให้เขารีบเดินออกไปจากหน้าบ้าน แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า และคำถามที่วิ่งวุ่นเข้ามาในสมองและหัวใจของสาวน้อยผู้ไร้เดียวสา
‘เขาเป็นใครนะ’
“อีบัว!”
“ค่ะพี่ลูกศร”
อัก!
เสียงฝ่ามือเรียวฟาดลงกลางแผ่นหลังบางจนร่างกระจ้อยหร่อยถลาไปตามแรงตบ ก่อนที่พี่สาวผู้มีใบหน้าสะสวยโดดเด่นกว่าบัวสวรรค์จะออกแรงกระชากตัวน้องสาวต่างแม่ที่ตนเองนึกเกลียดตั้งแต่แรกพบเข้าบ้านเพื่อระบายอารมณ์ที่วันนี้ถูกแฟนหนุ่มที่กำลังควงคู่ออกงานสังคมกันเปรียบเทียบว่านังนี้เรียบร้อยน่ารักกว่าเธอ!
“มัวแต่เป็นแรดกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ชลยังจะบอกว่าแกดีกว่าฉันอีกเหรอ”
เพียะ!
ฝ่ามือเรียวฟาดลงที่ข้างแก้มเนียนเต็มแรง ร่องรอยของการถูกทำร้ายเห่อแดงเป็นดวงตามรอยฝ่ามือ บัวสวรรค์กลั้นน้ำตากัดริมฝีปากตัวเองสะกดความเจ็บปวดเอาไว้ ไม่ส่งเสียงร้อง ไม่ห้ามปราม เพราะรู้ดีว่าไม่มีใครช่วยเธอได้ ในบ้านหลังนี้เธอหัวเดียวกระเทียมเลียบ แม้กระทั่งบิดาก็ไม่เคยเหลียวแล จะออกปากปกป้องเธอสักครั้งก็ไม่เคยมี
สิ่งเดียวที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึงจะทำได้คือก้มหน้ารองรับอารมณ์ของพี่สาวต่างมารดา รวมไปถึงภรรยาหลวงของบิดาตามชะตากรรมเท่านั้นเอง…
“ไปไหนมา” อัลเฟรโด้ชะงักหันไปมองเจ้าของเสียงยียวนที่นั่งลอยหน้าลอยตายิ้มแย้มกวนอวัยวะเบื้องล่างที่โซฟา ไแค่ด้ยินเสียงไม่ก็รู้ว่าใคร แต่ที่สงสัยคือมันมาทำไม!
“ไปธุระ” เอ่ยตอบราบเรียบผิดกับแววตากรุ่นโกรธที่ฉายชัดบนดวงตาคู่คมสีฟ้าใส คนมาใหม่ที่ตั้งใจจะมาแซวยกยิ้มที่มุมปาก แววตาสงสัยขี้เล่นชวนอารมณ์ขึ้นเปลี่ยนแปรเป็นเจ้าเล่ห์แสนกลก่อนจะเอ่ยก่อกวน ‘เพื่อน’ ที่แก่กว่าเกือบรอบอย่างไม่เกรงกลัว
“ธุระที่มหาลัยนี่… เป็นธุระแนวไหนเหรอ เอ๋ หรือว่าเดี๋ยวนี้เอสของผมไปมอบทุนการศึกษาให้เด็กสาว เอ้ย เด็กยากไร้ที่นั่นแล้ว แหม… พ่อพระแสนดีอะไรเช่นนี้คุณเอสเตขา” เสียงต่อปากต่อคำเจื้อยแจ้วคล้ายจะก่อกวนอารมณ์ให้ขุ่นมัวไม่ได้ทำให้อารมณ์กรุ่นโกรธปะทุขึ้นแต่ตรงกันข้ามกับทำให้คนถูกก่อกวนกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากอย่างคนมีแผน เมื่อคำพูดกึ่งประชดประชันของคนมาใหม่จุดประกายบางสิ่งขึ้นในหัว
“นายหมายถึงไรเซนเพื่อนรักของนายเหรอเคอ็อส”
“เอส!” ร่างสูงสะดุ้งโหยงกระเด้งตัวลุกนั่งทันที ไม่นึกว่ารุ่นพี่ที่เคารพรักผู้ไม่ค่อยสนใจใยดีชีวิตพวกเขา และนับถือกันเป็นเพื่อนจะรับรู้ความลับสำคัญของ ‘ไรเซ็น หรือ โอกาวะ เคนโตะ’ เพื่อนสนิทแดนปลาดิบผู้เสมือนเหรียญสองด้านมากขนาดนี้
นี่… ไม่รู้แน่ว่ามาเฟียใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลและร้ายกาจแห่งอิตาลีรู้ความลับอะไรไปบ้าง ที่สำคัญหากหมอนั่นรู้ว่าความลับไม่เป็นความลับอีกต่อไปคงอกแตกตายเปลี่ยนเป้าหมายมาฉีกอกเขาแทน!
“หึ เอ๋ เครู้เรื่องนี้หรือยังนะ”
ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนน่าสงสัยทำให้อัลเฟรโด้ยิ้มมุมปากกว้างขึ้นอีก ไม่มีความลับอะไรในองค์กร รวมไปถึงสมาชิกขององค์กรที่เขาไม่รู้ ภายนอกแม้จะแสดงออกว่าไม่สนใจชีวิตส่วนตัวของเพื่อนๆ ทั้ง 5 และคนที่ 6 ที่กำลังถูกพิจารณาคุณสมบัติให้เข้าร่วมองค์กรอย่าง 'หลี่ต้าหยาง' แต่ความจริงแล้วเขาสอดส่องความประพฤติ นิสัยใจคอ ชีวิตส่วนตัวของทุกคน ทุกวัน อย่างละเอียดเพื่อไม่ให้มีสมาชิกคนใดสร้างความวุ่นวายหรือเรื่องใหญ่โตให้องค์กรไปมากกว่าที่เป็น
“เอส ยะ อย่านะ ผมไม่อยากถูกเจ้านั่นฉีกอก”
แน่ล่ะ คนแรกที่จะถูกเคนโตะฉีกอกแล่เนื้อเถือหนังคงเป็นเขา เพื่อนสนิทผู้กุมความลับของมันเอาไว้ทั้งหมด ย้ำว่าทั้งหมด!
“ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น นายเองก็ไม่ควรเป็นคนแบบนั้น”
“โธ่ เอส ผมก็แค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง ผมรู้หรอกน่าว่าเอสไม่ชอบให้วุ่นวายเรื่องส่วนตัว ก็แค่หยอกเย้าด้วยความเคารพรักอย่างสูงเท่านั้นเอง”
อัลเฟรโด้ส่ายหน้าเอือมระอานิสัยขี้เล่น ชอบวุ่นวายของ ‘เคอ็อส หรือ คิมแทฮยอน’ หนุ่มแดนกิมจิผู้มีอารมณ์ยียวนกวนประสาทแต่เด็ดเดี่ยว และควบคุมยาก แทฮยอนค่อนข้างเป็นเด็กเอาแน่เอานอนไม่ได้ อารมณ์ของหมอนี่คล้ายๆ คนขี้เล่นแต่แฝงความจริงจังเอาไว้ หนุ่มเกาหลีที่เก่งกาจ มีความสามารถพูดได้มากกว่า 5 ภาษา ที่สำคัญแทฮยอนคือหัวแรงใหญ่ในการถ่ายเทสินค้าทั้งการขนส่ง ค้าขาย รวมไปถึงการพักเก็บสินค้าในที่ปลอดภัย ผู้ชายขี้เล่นที่ดูเหมือนไร้สาระคนนี้แหละทำเองทั้งหมด!
“หึ แล้วนี่… ทำไมมาโผล่กลางกรุงเทพฯ ไม่ไปอยู่ที่เกาะของเคกับไรเซนหรือ”
ปกติแล้วสองหนุ่มเพื่อนซี้ต่างเชื้อชาติมักจะติดสอยห้อยตามกันไปไหนมาไหนเสมอ ไม่ใช่แทฮยอนติดเคนโตะแต่เป็นเคนโตะหนุ่มญี่ปุ่นเดาใจยากต่างหากที่ติดคังแทฮยอนราวกับลูกไก่ที่เดินตามแม่ไก่ต้อยๆ
“ไม่ล่ะ ผมเบื่อ ขออยู่เปิดหูเปิดตาพาสาวๆ มานอนเล่นที่โรงแรมก่อนสักสองสามวัน เอสไม่ว่าใช่ไหม แล้วก็… ขอติดเครื่องบินไปเกาะฟ้าครามด้วยคนนะ”
“นายน่ะนอนที่นี่ได้ แต่… ห้ามพาผู้หญิงมานอนที่นี่เข้าใจใช่ไหม”
“รับทราบครับ งั้นผมขอตัวไปท่องราตรีในเมืองศิวิไลซ์แห่งนี้ก่อนนะครับ แล้วเจอกันครับเอส” ร่างสูงโปร่งโบกมือลาก่อนจะวิ่งพรวดพราดออกไปที่ประตูทันที อัลเฟรโด้ถอนหายใจหนักๆ กับนิสัยของเพื่อนรุ่นน้องที่เขารักเสมือนน้องชาย ความจริงเมื่อก่อนตอนที่เรียนอยู่อเมริกาด้วยกัน คังแทฮยอนไม่ใช่คนนิสัยเช่นนี้ ตรงกันข้างคือสุขุม เป็นผู้ใหญ่ และเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่านี้หลายเท่า แต่หลังจากอีกฝ่ายกลับบ้านเกิดที่ประเทศเกาหลีใต้ก็มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น ความสัมพันธ์คาราคาซังของตระกูลถูกปะติดปะต่อให้สมานกันได้ด้วยดี ทั้งๆ ที่ครอบครัวกลับมาเข้าใจกันจะทำให้อีกฝ่ายมีความสุขมากขึ้นตรงกันข้าม แทฮยอนกลายเป็นคนเดาใจยาก ใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา ยิ้มแย้มเฮฮาเพราะต้องการปิดบังหัวใจที่ซ่อนเร้นความเจ็บปวดจากความผิดหวังครั้งแรกในชีวิตเอาไว้ ความอดทนจากการเก็บกั้นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตในครั้งนั้นทำให้รุ่นน้องหนุ่มกลายเป็นปีศาจจำแลงกายในคราบเทพบุตรอารมณ์ดี
ใครจะสามารถทนไหวได้ เขาเองยังไม่อาจแน่ใจเลยว่าหากตนเองเจอสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนั้นจะสามารถทนมองหน้าผู้กระทำประทุษร้ายต่อหัวใจตนเองจนแหลกลาญได้ แต่แทฮยอนเลือกจะฝืนทนเก็บงำทุกสิ่งเอาไว้คนเดียวเพียงเพื่อได้มีโอกาสยืนมองคนที่ทำร้ายหัวใจตนเองแต่ก็เป็นเจ้าของหัวใจตนเองต่อไป
“เอเดรียนสั่งคนของเราคอยดูแลเคอ็อสด้วย อย่าให้ไปก่อเรื่องที่ไหน และ…” อัลเฟรโด้ละสายตาจากลูกน้องไปมองบานประตูที่คนถูกกล่าวถึงเพิ่งวิ่งพรวดพราดออกไปด้วยความห่วงใยลึกๆ แม้ฝีมือการต่อสู้ของคังแทฮยอนจะเก่งกาจยากที่จะมีคนต่อกร แต่ร่างกายของมนุษย์ก็มีขีดจำกัดไม่ใช่หินหรือเหล็กที่จะทนลูกปืนได้ “อย่าให้ใครมาหาเรื่องเจ้านั่นได้”
“ครับบอส”
“เดี๋ยว… เลื่อนวันรับสินค้าเข้ามาอีก ถ้าเป็นพรุ่งนี้ได้จะดีมาก”
“พรุ่งนี้ไม่ได้ครับบอส เราติดประชุมสำคัญกับบริษัทคู่ค้าใหญ่ แต่ถ้าเป็นวันถัดไปพอจะได้ครับ”
“อืม ตามนั้น”
หลังจากไล่ลูกน้องคนอื่นที่เหลือให้ออกไปพักผ่อนได้ อัลเฟรโด้ก็ถอนหายใจแรงๆ ระบายความรู้สึกของตัวเองออกมา เขาไม่อาจทำใจลบเลือนภาพที่ร่างเล็กบางถูกทุบตีทำร้ายร่างกายไปได้ ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมาบัวสวรรค์ต้องพบเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้จริงหรือ เขาเคยไม่เชื่อ หลายครั้งที่คเณศร์เอ่ยปากถึงความเป็นอยู่ของหญิงสาวแต่เขาก็ยุ่งวุ่นวายกับการขยายอำนาจขององค์กรจนละเลยเรื่องนี้ไปเสียสนิท กระทั่งมีโอกาสเอ่ยถามผู้เป็นบิดาของหญิงสาวก็มักจะได้รับการยืนยันว่ายัยตัวบางสบายดี และได้รับการดูแลอย่างดี เขาเชื่อ และเคยเชื่อเสมอว่าบิดาคงจะมีใจรักใคร่บุตรสาวในอุทรไม่มากก็น้อย แต่นี่… ช่วงห้าเดือนที่ผ่านมาเขาเริ่มทำการติดตามความเป็นอยู่และชีวิตของ ‘สินค้าพิเศษ’ อย่างจริงจังหลังจากสามารถสร้างฐานอำนาจของตัวเอง และองค์กรให้มั่นคงได้แล้ว แต่สิ่งที่เขาได้รับรู้มันทำให้เลือดในกายหนุ่มเดือนพล่าน
ทุกสิ่งที่คเณศร์พยายามพร่ำบอกเป็นความจริง แต่สิ่งที่บิดาของบัวสวรรค์สัญญากลับเป็นเพียงลมปากที่พ่นออกมาอย่างไร้สัจจะวาจา เขาเคยบอกไปแล้วว่าจะต้องดูแลชีวิตของบัวสวรรค์ให้ดีที่สุด เด็กสาวในเวลานั้นจะต้องได้ร่ำเรียนในสิ่งที่ชอบ เขามอบเงินให้ครอบครัวของหญิงสาวเป็นค่าใช้จ่ายทุกๆ เดือน เดือนละมหาศาลทีเดียว แม้จะพอเดาออกว่านายพิชัยเป็นคนละโมบโลภมากเพียงใดเขาก็ยังคงอดทน ยินยอมให้อีกฝ่ายตักตวงสูบเลือดต่อไปเพียงเพื่อจะให้ยัยตัวจ้อยเติบโตเป็นสาวเต็มตัวเสียก่อน อัลเฟรโด้ไม่เคยเล่าให้ใครฟังว่าช่วงปีหลังมาเขาเริ่มระแคะระคายความเป็นอยู่ของหญิงสาว และเริ่มให้คนคอยสอดส่อง รวมไปถึงเก็บข้อมูลทุกสิ่ง เพื่อจะใช้มันสนองตอบบุญคุณท่วมหัวของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดของหญิงสาว
