บทที่ 3 3
“ทำอะไรให้คุณท่านทานดีล่ะยัยภัค” สาวสวยใบหน้าหวานพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“งั้นทำเมนูง่าย ๆ สักอย่างสองอย่างแล้วกัน” จากนั้นก็เริ่มลงมือทำอาหารในเมนูที่ตนคิดเอาไว้ หญิงสาวใช้เวลาเข้าครัวราว ๆ สองชั่วโมงก็เงยหน้ามองหน้าปัดนาฬิกาแขวนผนังเหนือประตูทางเข้าห้องครัวทันสมัยห้องนี้ พบว่าเวลานี้ใกล้จะแปดโมงเช้าเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงที่พ่อและแม่ของสามีจะเดินทางมาถึงเรือนหอ
ภัคพิญาชิมรสชาติอาหารอีกครั้งว่ากลมกล่อมแล้วหรือยัง ขาดรสชาติอะไรบ้างหรือไม่เมื่อ ได้รสชาติเป็นที่พอใจแล้วหญิงสาวจัดการเปิดเตาแก๊สพร้อมทั้งจัดการเตรียมถ้วยชามจานช้อนสำหรับมื้อเช้า หญิงสาวเปิดตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัวหยิบจานชามออกมาอย่างละสามใบเพราะมีของคุณชรัช
สามีของคุณนายปภาและของตัวเธอแต่เธอไม่ทราบแน่ว่าปริภัทร์จะเข้ามารับประทานอาหารเช้าด้วยหรือไม่
ระหว่างที่หญิงสาวจัดเตรียมตั้งโต๊ะอาหารอยู่คนเดียวโดยที่ไม่ได้ใส่ใจสิ่งรอบข้างว่ามีใครเข้ามาภายในบ้าน แน่นอนว่าคนที่เข้ามาใหม่ทั้งสองคนส่งเสียงเรียกคนที่อยู่ในบ้าน
“กลิ่นหอมอบอวลทั่วบ้านเชียวหนูภัค” เสียงคุณนายปภาเดินเข้ามาหาลูกสะใภ้คนสวยภายในห้องอาหาร
“อุ๊ย… สวัสดีค่ะคุณท่าน” หญิงสาวที่กำลังเพลิดเพลินกับการจัดโต๊ะอาหารต้องตกใจกับเสียงของแม่สามีที่ยืนอยู่ทางด้านหลังแต่ไม่เห็นพ่อของสามีแต่ถ้าให้เธอเดาท่านคงนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นกระมัง
“วันนี้ทำอะไรทาน กลิ่นหอมเชียว” นางถามลูกสะใภ้
“เช้านี้ภัคทำแกงเขียวหวานไก่ ไข่เจียวหมูสับ แล้วก็แกงส้มไหลบัวกุ้งสดค่ะคุณท่าน” หญิงสาวตอบกลับ นางก็สูดกลิ่นหอม ๆ ของอาหารพลางมองไปตามจานที่จัดเรียงไว้บนโต๊ะ
“เอ๊ะ… ทำไมจัดไว้แค่สามที่ล่ะจ๊ะหนูภัค” นางถามด้วยความสงสัย หญิงสาวอึกอักยังไม่ได้ตอบ สายตาของคุณนายปภาก็มองหาบุตรชายของนางแล้วเอ่ยถามจากภัคพิญา
“แล้วนี่ตาปัทไปไหนหรือยังไม่ตื่น”
“เอ่อ… ภัคไม่ทราบค่ะ” เธอตอบไปตามความจริง “แสดงว่ามันไม่อยู่ที่บ้านใช่ไหมเมื่อคืน” นางถามเสียงแข็งเคืองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่น้อยที่ไม่นอนในห้องหอจนถึงเช้า นางเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นที่คุณชรัชผู้เป็นสามีหมายจะให้โทรตามลูกชายกลับมาที่บ้านแต่ทันทีที่นางเดินมาถึงห้องนั่งเล่นประจวบเหมาะกับลูกชายเจ้าปัญหาของนางเดินเข้ามาในบ้านพอดี
“แกไปไหนมาตาปัท” นางถามบุตรชายเสียงดังผิดกับอีกคนที่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยใบหน้าหล่อเฉยเมยมองไปยังคนที่อยู่ด้านหลังผู้เป็นแม่ด้วยแววตาขุ่นเคือง
“เธอฟ้องอะไรแม่ฉันอีกฮะ… ยัยผู้หญิงหน้าเงิน” หญิงสาวหน้าเสียไม่น้อยเมื่อผู้มาใหม่เข้ามาถึงก็กล่าวหาเธอ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะตาปัท ตอบแม่มาว่าเมื่อคืนไปนอนที่ไหนทำไมไม่นอนที่ห้องหอ” ผู้เป็นแม่เอ่ยห้ามแล้วถามย้ำคำถามเมื่อครู่อีกครั้ง
“ไปนอนออฟฟิศ” ว่าแล้วเขาก็เลี่ยงเดินหนีหายขึ้นชั้นสองทันทีไม่วายที่นางจะร้องถามไล่หลังอีกครั้ง
“ทำแบบนี้คิดไม่คิดว่าเมียแกจะเสียใจรึไงตาปัท” ร่างสูงของบุตรชายไม่ได้ตอบอะไรมีเพียงแค่เสียงขึ้นจมูกน้อย ๆ ออกมาเท่านั้น
“คุณภาปล่อยมันไปเถอะ เดี๋ยวมันคิดได้ก็ลงมาเอง”
“คุณก็ให้ท้ายตาปัทตลอด” นางว่าประชดสามี
“เอาน่าคุณ ผมว่าเราไปทานข้าวเช้ากันดีกว่า หนูภัคทำอะไรให้ทานกลิ่นหอมฟุ้งไปหมด” คุณชรัชเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะไม่อยากให้ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากนั้นเครียดหาเครียดจะอารมณ์เสียไปทั้งวันว่าแล้วก็หันมาหาภัคพิญา
“วันนี้ทำอะไรให้พ่อกับแม่กินหรือหนูภัค”
“วันนี้ภัคทำแกงเขียวหวานไก่ ไข่เจียวหมูสับ แล้วก็แกงส้มไหลบัวกุ้งสดค่ะคุณท่าน”
หญิงสาวตอบกลับอีกครั้งกับคำตอบเดียวกันที่เพิ่งตอบคุณนายปภาไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้ว่าแล้วทั้งสามก็เดินเข้าไปยังห้องรับประทานอาหารที่ภัคพิญาจัดเตรียมเอาไวลงมือทานอาหารเช้าด้วยกันโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่เดินขึ้นชั้นสองไปแม้แต่น้อย
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยภัคพิญาบอกให้ท่านทั้งสองไปพักที่ห้องนั่งเล่นก่อน เธอขอจัดการกับถ้วยชามจานอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าล้างให้เรียบร้อย แต่คุณนายปภาไม่ยอมออกไปบอกว่านางจะช่วย
“จริง ๆ คุณท่านไม่ต้องช่วยภัคล้างก็ได้นะคะ ภัคทำเองได้ค่ะถ้วยชามไม่กี่ใบเองค่ะ” หญิงสาวบอกกับแม่สามี อันที่จริงเธอไม่อยากให้ผู้มีพระคุณต้องมาทำอะไรแบบนี้
“ได้ยังไงล่ะลูก...หนูจะทำคนเดียวได้ยังไง งานประจำก็ต้องทำ แล้วจะต้องมาทำงานบ้านอีกแบบนี้เหรอ แม่ไม่ยอม แม่จะหาแม่บ้านมาคอยช่วยทำงานบ้านให้” คุณนายปภาตอบกลับลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงจริงจังปนเป็นห่วง นางเว้นระยะครู่หนึ่งแล้วพูดประโยคต่อมา “ต่อไปนี้ห้ามเรียกฉันสองคนว่าคุณท่านอีก ให้เรียกว่าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจไหม”
