บทที่ 7 7
สองเดือนผ่านไปตามวันเวลา การใช้ชีวิตคู่ฉันสามีภรรยาของปริภัทร์และภัคพิญาแน่นอนว่าชีวิตของทั้งคู่ไม่ได้ราบรื่นหวานชื่นเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ การที่คนสองคนต้องมาแต่งงานกันโดยที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้นไม่เต็มใจย่อมขื่นขมมากเกินพอ ปริภัทร์ทำทุกอย่างและทุกวิถีทางที่จะทำให้เธอหย่าขาดจากเขาแม้กระทั่งพานางแบบสาวคู่ควงคนล่าสุดของเขาเข้ามาค้างอ้างแรมกัน
ที่บ้าน
ใคร ๆ ก็ว่ากันว่าชีวิตของภัคพิญานั้นโชคดีที่ได้แต่งงานกับปริภัทร์ ต่างคนต่างพากันอิจฉาในชีวิตของเธอ แต่หญิงสาวนั้นไม่ได้คิดแบบนั้นว่าตนโชคดีแต่ตรงกันข้ามเสียมากกว่า ถ้าหาเมื่อสองปีก่อนเธอไม่บังเอิญได้พบกับบิดามารดาของเขาเธอก็คงไม่ต้องมาแต่งงานและใช้ชีวิตเรียบง่ายตามมีตามเกิดสองยายหลาน
หากว่าด้วยเหตุผลบางประการที่ทำให้เธอตกปากรับคำแต่งงานกับ
ปริภัทร์ พรหมพิริยะ บุตรชายคนโต ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขามาก่อน ภัคพิญานั้นรู้จักกับท่านทั้งสองมาราวสองปี ท่านคอยช่วยเหลือเธอในยามยากลำบาก ยายที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอนั้นล้มป่วยต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมานานแรมปี
ระหว่างที่ยายของเธอเข้ารับการรักษาตัวเธอก็จำเป็นต้องย้ายเข้ามาอยู่ภายในบ้านของคุณนายปภาซึ่งในช่วงนั้นชายหนุ่มก็อาศัยอยู่ภายในบ้านหลังนั้นด้วย แต่พอได้รู้ว่าเขาจะต้องแต่งงานกับเธอแล้วจึงสั่งสร้างบ้านหลังใหม่ให้เสร็จโดยตัวของชายหนุ่มนั้นไปอาศัยอยู่ที่เพนต์เฮาส์ของโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว
ไม่ค่อยกลับมาค้างที่บ้านสักเท่าไรนัก หญิงสาวรู้ดีว่าเขาไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับเธอ แต่เพียงภายในใจลึก ๆ ของเธอแล้วนั้นยินดีที่จะแต่งานกับเขาแม้เขาไม่ต้องการก็ตาม อาจจะเป็นเพราะเธอหลงรักเขาเข้าแล้วตั้งแต่เพียงแรกเห็นที่เจอกัน
หลายต่อหลายครั้งที่เขามักจะต่อว่าดูถูกดูแคลนหญิงสาวเสมอตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงหิวเงินต้องการปลอกลอกเงินของเขา เธอทำอะไรพ่อแม่ของเขาก็เชื่อไปเสียหมด มิหนำซ้ำเขายังเกลียดเธอสุดหัวใจ ดูได้จากแววตาท่าทางของเขาที่มีต่อเธอมาโดยตลอดที่พบหน้ากันและอยู่ด้วยกันมา แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอนั้นหลงรักเขาเข้าแล้ว รักแม้กระทั้งที่เขาร้ายกับเธอ ‘รัก’ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ภัคพิญารู้ดีว่าเธอไม่อาจเทียบเคียงคนรักของเขาอยู่แล้วหญิงสาวได้แต่เพียงเก็บความรู้สึกเอาไว้ภายในใจไม่อาจบอกกับใครเขาได้
ทว่ากลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้วสำหรับภัคพิญา
ทุกวันหลังเลิกงานเธอมักจะเข้ามาเยี่ยมยายของเธอที่โรงพยาบาลหอบหิ้วถุงอาหารมากมายหลายถุง มันกลายเป็นภาพที่ชินตาของเหล่าหมอและพยาบาลเหล่านั้นไปเสียแล้ว
“เธอคุณภัคภรรยาของคุณปัทมาที่โรงพยาบาลอีกแล้ว”
“ก็ต้องมาสิมันจะแปลกอะไรในเมื่อยายของคุณภัคเขารักษาตัวอยู่ที่นี่” พยาบาลที่กำลังคุยถึงหญิงสาวที่เดินเข้ามาซุบซิบอย่างเบา ๆ
“แปลกตรงที่ฉันไม่เห็นสามีคุณภัคมาที่โรงพยาบาลเลยนี่สิ”
“อย่างที่เธอว่าก็จริง” ไม่นานนักเสียงหวานของภัคพิญาดังขึ้นตรงหน้าพยาบาลสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะ วันนี้ภัคซื้อผลไม้กับลูกชิ้นมาฝากพี่ ๆ พยาบาลและคุณหมอด้วยนะคะ” ว่าแล้วยื่นถุงตรงหน้าให้พยาบาล
“ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะคุณภัค อันที่จริงไม่ต้องซื้อของมาฝากพวกเราก็ได้นะคะ” พยาบาลสองสาวรับถุงอาหารพลางยิ้มเจื่อนกับสิ่งที่ได้ว่านินทาคนจิตใจดีตรงหน้าไปเกรงว่าเธอจะเข้ามาได้ยินพลอยรู้สึกไม่ดีว่ากล่าวขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า
“ไม่เป็นอะไรคะ ภัคยินดีถือว่าเป็นการของคุณที่คอยดูแลคุณยายของภัคมาตลอด” ภัคพิญาว่าแล้วส่งยิ้มให้
“มันเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วค่ะคุณภัค” หญิงสาวที่แสนจิตใจดีนั้นส่งยิ้มให้ทั้งสองก่อนขอตัวไปหายายของตนที่นอนพักฟื้นรักษาตัวอยู่ในห้องไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้มากนักร่างบางเดินไปตามทางเดินด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่จะได้อยู่กับยายผู้เป็นที่รัก
ทุกครั้งที่เธอมาเยี่ยมเยียนผู้เป็นยายเมื่อใด หญิงสาวมักจะได้รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวังจากนางกลับมาเสมอ และตอนนี้ก็เช่นกัน เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปยายแววหันมาตามเสียงเปิดเห็นหลานสาวของตนส่งยิ้มมา
ให้พร้อมทั้งถุงอาหารผลไม้ในมือ
“จ๊ะเอ๋ ยายจ๋าภัคมาหาแล้วค่ะ” ภัคพิญาส่งยิ้ม
“เลิกงานแล้วทำไมไม่กลับบ้านไปดูแลผัวล่ะยายภัค” ยายแววหันมาพูดกับหลานสาวแล้วตักอาหารเข้าปาก
ภัคพิญาวางผลไม้ไว้บนโต๊ะค่อยจะเดินนั่งข้าง ๆ เตียงจับช้อนแล้วค่อย ๆ ป้อนอาหารพลางตอบคำถามของยายเมื่อครู่
“คุณปัทเขายังไม่กลับบ้านเหรอกจ้ะยาย เห็นว่ามีประชุมดึก ภัคเลยแวะมาหายายอยู่กับยายก่อน” หญิงสาวจำต้องโป้ปดออกไปเพราะเธอเองนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปทำอะไรกับใครที่ไหนเธอไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้
