บทที่ 9 9
“ว่าแต่บุญมาเยี่ยมยายอย่างเดียวเลยใช่มั้ยวันนี้” ภัคพิญาหันไปถามบุญญาวีร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเตียง
“อ๋อใช่วันนี้แวะมาเยี่ยมยายแล้วก็จะชวนแกไปกินข้าวเย็นด้วย”
“งั้นไปสิฉันว่างพอดียังไม่อยากกลับบ้านด้วย” เพราะว่าถ้าเธอกลับบ้านไปเธอก็ไม่ได้เจอใคร อยู่คนเดียวก็เหงา สามีก็คงไม่กลับมานอนบ้าน บุญญาวีร์เดินมาหาขนมไทยที่ซื้อมาให้ยายสองสามอย่างเห็นวันก่อนแกอยากกินเธอเลยซื้อมาฝาก
“ยายจ๋า บุญซื้อขนมชั้นมาให้ยายด้วยนะ” ว่าพร้อมชูถุงขนมในมือให้ “แต่ยายต้องกินน้อย ๆ ล่ะ เดี๋ยวคนแถวนี้เขาจะว่าเอาได้” หญิงสาวเอ่ยไม่วายที่จะปรายตาเหน็บแนมหมอหนุ่ม
“ขอบใจนะหนูบุญ ยายกินไปแล้วแหละ ยายภัคเขาก็ซื้อมาให้ยายเหมือนกันลูก” นางว่าแล้วหันไปทางหลานสาวเธอยิ้มและพยักหน้ารับ ทั้งสี่คนคุยกันไปไม่นานคนป่วยก็หาววอด ๆ ขึ้นพลางเอ่ยไล่หลานสาวให้กลับบ้านกันไปได้แล้ว
“ยายให้ภัคอยู่ต่อไม่ได้เหรอ” ผู้เป็นหลานเอ่ยออดอ้อน
“กลับบ้าไปดูแลผัวได้แล้ว แต่งงานแล้วก็หัดดูแลซะบ้างนะลูก” หญิงสาวยิ้มเจื่อนให้ผู้เป็นยาย
แหะ ดูแลเหรอ เขานะบ้านก็ยังไม่กลับเลย
“งั้นหนูกลับแล้วนะคะยาย หายไว ๆ นะคะ” บุญญาวีร์ว่าส่งยิ้มให้กำลังใจนางก็พยักหน้ารับ ก่อนที่สาวเจ้าจะหันไปหหาเพื่อนสนิท “ยายภัคกลับกันเถอะฉันหิวข้าวจะแย่แล้ว”
“คุณหมอโซ่คะไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ”
ภัคพิญาพยักหน้ารับก่อนหันไปหาคุณหมอหนุ่มที่นั่งร่วมวงสนทนาด้วยเมื่อครู่ เพราะเห็นเขาบอกว่าเวลานี้เลิกงานแล้วและไม่มีเคสด่วนอะไร
“แกจะไปชวนเขาทำไม”
“บุญแกก็นะไปหลายคนสนุกดีออก”
สิงหะเห็นท่าทางจงเกลียดจงชังเขาของบุญญาวีร์แล้วนึกอยากแกล้งให้เธอใจขาดตายเสียหน่อยไม่อยากให้เขาไปนักใช่ไหม
ได้ เขาจะไปด้วย
“ครับผมขอไปทานด้วยคนนะครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
“ชิ อวดรวย” หญิงสาวเชิดหน้าใส่เล็กน้อยก่อนควงแขนเพื่อนสนิทของตนเดินออกจากห้องไป ทางด้านหมอหนุ่มนั้นกลับมาเอาของที่ห้องทำงานของตนแล้วตามออกไปหลังจากที่นัดกันเรียบร้อยแล้วค่อยไปเจอกันในที่ที่นัดหมายเอาไว้
ร้านอาหารบรรยากาศร่มรื่นที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนั้นคือสถานที่ที่ทั้งสามคนนัดกันมารับประทานข้าวเย็นที่นี่ สองสาวสวยนั้นมาถึงร้านอาหารก่อนไม่นานมากนัก พนักงานของร้านเดินเข้ามาถามเมนูกับลูกค้าที่แทบจะเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ แต่ทั้งสองได้บอกไปว่ารอเพื่อนมาก่อนแล้วจะเรียกอีกครั้ง ไม่นานนักรถคันหรูอย่างบีเอ็มดับบลิวซีรีย์ 3 สีมิเนอรัลเกรย์ ของคุณหมอหนุ่มก็ขับเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าร้าน ไม่กี่นาทีต่อมารถยนต์รุ่นเดียวกันก็ขับตามเข้ามาแต่คนละสีคนที่เข้ามาใหม่จอดข้างกันนั้นสีแบล็กแซฟไฟร์เมทัลลิก เข้ามาจอดไม่ได้เรียกความสนใจของคนที่อยู่โดยรอบ แต่ถ้าหากเจ้าของรถไม่ลงมาคงไม่ได้เป็นที่ฮือฮากับความหล่อเหลาของเจ้าของรถทั้งสอง
ภัคพิญากับบุญญาวีร์กำลังนั่นเล่นโทรศัพท์มือถือรอสิงหะที่บอกจะตามมาในอีกสิบนาทีทั้งสองต่างเช็กข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่ออินเทอร์เน็ตต้องเงยหน้าขึ้นตามเสียงอื้ออึงของคนในร้าน
“มาแล้วแล้วพ่อคุณช้าเหลือเกิน” บุญญาวีร์หันหน้ามองออกไปนอกร้านเห็นหมอหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหาสองสาวแต่สายตาของเจ้าหล่อนนั้นเหลือบไปเห็นคนที่เดินตามหลังหมอหนุ่มมา
“แกยัยภัค… อิตาหมอบ้านั้นไม่ได้มาคนเดียวอะ”
“อืม” หญิงสาวตอบเพียงแค่นั้นแล้วพยักหน้ารับแต่ก็ต้องตกใจเพราะประโยคถัดมาของเพื่อน “คนที่มาด้วยมันคุณปัทสามีแกละ” คนเป็นเพื่อนพยายามเพ่งสายตามองไปยังจุดหมาย
“เป็นไปไม่ได้หรอก เขาไม่มานั่งกินข้าวข้างแบบนี้หรอก อีกอย่างเขาก็อยู่กับคนของเขา” ปากว่าสายตายังคงมองโทศัพท์มือถือไม่ห่าง
“ขอโทษนะครับที่มาช้า” สิงหะกล่าวขอโทษกับสองสาวทันที่ที่เดินมาถึงโต๊ะ
“ไม่เป็นไรค่ะ” แต่ผิดกับบุญญาวีร์ยังคอยหาเรื่องคนมาใหม่ “มาก็ช้าฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”
“แล้วทำไมไม่สั่งรอล่ะคุณ” หอมหนุ่มว่าแล้วก็นั่งลงข้าง ๆ หญิงสาว ส่วนที่นั่งที่ว่างอยู่ของภัคพิญาก็ถูกแทนที่ด้วยปริภัทร์
“ไม่คิดที่จะทักกทายกันหน่อยรึไง” ภัคพิญาเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าแล้วทักทายตามความต้องการของเขา
“สวัสดีค่ะ” ว่าแล้วก็ขยับกายออกห่างจากเขา แต่แขนแกร่งก็รวบเอวบางดึงกลับเข้ามาชิดดังเดิมจนทำให้หมอหนุ่มเอ่ยแซวเล็กน้อย
“เบาได้เบาเว้ย… ไม่ได้อยู่กันสองคนนะเว้ย”
“ทำไมวะ ก็เมียกูอะ” เขาตอบกลับเพื่อน ภัคพิญาส่งยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้ตอบอะไร
“ภัคว่าเราสั่งอาหารกันเถอะค่ะ” หญิงสาวเสนอตามด้วยผู้เป็นเพื่อนสมทบเรียกพนักงานของร้านแล้วจัดการสั่งอาหารตามเมนูที่มีอยู่ในมือ ไม่นานนักอาหารมากมายก็ถูกยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
“เชิญทานเลยครับ” สิงหะบอกกับสองสาวรวมถึงเพื่อนของเขาที่ติดสอยห้อยตามมาด้วย ครั้นเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้นั้นปริภัทร์โทรหาเขาระหว่างที่เขากำลังกลับไปเอาของที่ห้องพักภายในที่ทำงาน เพื่อที่จะชวนเขานั้นออกไปดื่มที่ร้านประจำของพีระเพื่อนสนิทของเขาอีกคน
