บทที่ 12 12
12
เมื่อทั้งคู่เข้ามานั่งในรถ พวงชมพูกำลังจะจับที่เข็มขัดนิรภัยมาคาด ทว่าเจ้าของรถยนต์กลับทำเรื่องหนึ่งที่ทำให้พวงชมพูตกใจไม่น้อย
“พี่คาดเข็มขัดให้นะ” ปราณปวิชไม่รอคำตอบ เขาเอี้ยวตัวมาเบาะที่พวงชมพูนั่งอยู่ จับสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้พวงชมพูที่นั่งตัวแข็งใจเต้นถี่รัว เพราะจังหวะนั้นปราณปวิชหันมองหน้าพวงชมพู ส่งผลให้ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้กันเหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด ทว่าครั้งนี้ใกล้ยิ่งกว่า เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่แตะสัมผัสกันบางเบา
“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินชมนะครับ” ปราณปวิชกล่าวขอโทษสาวหน้าแดงที่ใจเต้นระรัวยิ่งกว่าคนรัวกลองออกศึก ขยับตัวมานั่งหลังตั้งตรงบนที่นั่งของตน
“เอ่อ...ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบกลับเสียงเบาแก้มร้อนผ่าว ไม่สบสายตาปราณปวิช ก้มหน้างุดหนีความเขินอาย
“มองหน้าพี่ได้ไหม ชมไม่มองหน้าพี่เลย มันทำให้พี่รู้สึกว่า ชมโกรธพี่” พวงชมพูยังคงก้มหน้าตามเดิม ไม่กล้าเงยหน้ามองเขา ใครจะกล้า ตอนนี้หัวใจเธอเต้นระส่ำหาจังหวะไม่ได้ ทั้งอายทั้งเขินกับความไม่ตั้งใจเมื่อครู่ “ว่าไงครับ เงยหน้ามองพี่สิ พี่จะได้รู้ว่า ชมไม่ได้โกรธพี่”
พวงชมพูค่อยๆ หันมองหน้าปราณปวิชช้าๆ อย่างเหนียมอาย แก้มทั้งสองข้างร้อนผะผ่าวสุกปลั่งขึ้นสีชมพูระเรื่อ เวลาเธอเขินอายริมฝีปากรูปกระชับจะสีเข้มขึ้นโดยธรรมชาติ ปราณปวิชเห็นดวงหน้าหวานตอนนี้แล้ว เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจ ทว่าเขาก็รีบสะบัดมันให้หลุดออกไป เขาจะรู้สึกดีกับลูกเมียน้อยบิดาไม่ได้ เขาต้องเหยียบย่ำน้ำใจเธอให้มากที่สุด ให้ได้รับความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ
“ชมไม่โกรธพี่ปราบค่ะ ชมรู้ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นเรื่องบังเอิญ” เธอบอกให้เขาสบายใจ “รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวรถติด”
“ครับผม กระผมจะส่งคุณหญิงให้ถึงที่เลยขอรับ”
ปราณปวิชพูดให้พวงชมพูคลายเครียด ซึ่งก็ได้ผลเธอหัวเราะออกมาเบาๆ พวงชมพูหันมองคนกำลังนำรถออกจากจุดที่จอด เป็นช่วงเวลาที่เขาหันมามองเธอพอดี เป็นพวงชมพูที่หลบสายตาเขา หันไปมองนอกหน้าต่างรถด้านข้าง ทำให้เธอไม่ได้เห็นใบหน้าของปราณปวิชตอนนี้...เขาแสยะยิ้มที่สามารถดึงเธอให้ตกลงมาในหลุมพรางที่ตนหลอกล่อ
แท้จริงแล้วยางรถยนต์ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ แต่เป็นความจงใจของปราณปวิชที่แอบย่องเดินออกจากห้องนอนในเวลาตีสามกว่าๆ เพื่อนำตะปูมาทำให้ยางรถยนต์ของพวงชมพูใช้การไม่ได้ เพื่อที่เขาจะได้ขันอาสาไปส่งที่มหาวิทยาลัย ดำเนินตามแผนการที่วางไว้
ซึ่งก็สำเร็จสวยงามสมดังใจ...
12.45 น.
พวงชมพูเดินลงมาจากคณะพร้อมกับรวิกาญน์และวรเทพสองเพื่อนสนิท ทั้งสามเดินมานั่งตรงโต๊ะม้าหินที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองคณะ ตรงจุดนี้จะมีสุ้มขายอาหารอยู่สี่ห้าสุ้ม วรเทพเดินไปซื้อเครื่องดื่มเย็นๆ บริการสองสาว พร้อมกับซื้อลูกชิ้นปลาทอดเจ้าอร่อยติดมือไปด้วย
“อ่ะ กินกันซะ บ่นว่าหิวไม่ใช่เหรอ” วรเทพวางของกินลงบนโต๊ะ
“แกนี่รู้ใจฉันสองคนจัง” รวิกาญน์พูด มือก็ใช้ไม้จิ้มจิ้มลูกชิ้นขึ้นมาใส่ปาก
“จะไม่ให้รู้ใจได้ไง ก็แกสองคนบ่นว่าหิวตั้งแต่อยู่ในห้องสมุด หูฉันไม่หนวกนะ” วรเทพตอบกลับ
“อ่ะโธ่ นึกว่ารู้ใจเพื่อนซะอีก” รวิกาญน์พูดหยอกเพื่อน “แต่ก็ขอบใจนะที่ซื้อมาให้กิน ฉันล่ะชอบ อิ่มจังตังค์อยู่ครบ”
คนพูดทำหน้าระรื่น หยิบของกินที่วรเทพซื้อมาให้เข้าปาก
“งก” วรเทพกระแทกเสียงใส่ แต่ใบหน้ายิ้ม
“แล้วนี่แกจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า หรือว่านัดสาวที่ไหนไว้” รวิกาญน์เป็นคนถาม
“ไม่ได้นัดใครทั้งนั้นแหละ ว่าจะชวนแกสองคนไปหาของกินที่พารากอน ฉันอยากกินอาหารญี่ปุ่น”
“แกจะชวนฉันสองคนไปกินอาหารญี่ปุ่น แล้วแกซื้อของกินมาให้ฉันทำไม”
“แกเข้าใจคำว่ารองท้องไหม กว่าจะไปถึงห้าง แกสองคนไม่ท้องขาดเหรอ” วรเทพให้เหตุผล
“เออจริง” รวิกาญน์เห็นด้วย
“ฉันคงไปไม่ได้นะ ฉันมีนัด” คำพูดของพวงชมพูเรียกความสนใจให้กับเพื่อนทั้งสองมาก
“นัดใครไว้ ร้อยวันพันปีไม่เห็นมีนัดกับใครนอกจากฉันสองคน” รวิกาญน์ถาม
“พี่ปราบน่ะ พี่ปราบบอกว่าจะมารับ” พวงชมพูตอบ
“อ้าว พี่ปราบกลับมาแล้วเหรอ ว่าแต่หน้าตาเหมือนในรูปที่แกเอามาให้ฉันสองคนดูหรือเปล่า”
รวิกาญน์หูผึ่งขึ้นมาทันที เธอกับวรเทพรู้เรื่องปราณปวิชจากคำบอกเล่าจากปากพวงชมพูมาตั้งแต่ที่ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพ่อเลี้ยง และได้เห็นหน้าค่าตาของปราณปวิชจากมือถือของพวงชมพูที่แอบถ่ายรูปของลูกชายพ่อเลี้ยงจากรูปถ่ายในห้องนอนของเขา
“หล่อกว่าในรูปเยอะเลย” พวงชมพูตอบตามตรง
“แล้วพี่ปราบจะมากี่โมงล่ะ ฉันจะได้อยู่รอดูหน้าพี่ปราบ อยากรู้ว่าตัวจริงจะหล่อกว่าในรูปหรือเปล่า”
“ฉันส่งข้อความไปบอกพี่ปราบตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว เขาบอกว่าไม่เกินบ่ายโมง”
เมื่อเช้านี้หลังจากปราณปวิชมาส่งพวงชมพูหน้าคณะ เขาได้บอกกับเธอว่าจะมารับกลับบ้านเพราะเธอไม่มีรถ คราแรกเธอปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ตอบโต้กลับไปว่านั่งรถเมล์กลับเองได้ ซึ่งเมื่อก่อนก็นั่งอยู่ทุกวัน ทว่าปราณปวิชดื้อรั้น ตื้อจนพวงชมพูต้องยอม ก่อนลงจากรถปราณปวิชได้แลกเบอร์มือถือและไลน์กับพวงชมพูเพื่อสะดวกในการติดต่อ
