บทที่ 3 3
3
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ พวงชมพูเดินมาตามทางกำลังจะเลี้ยวไปทางด้านขวา แต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อพนักงานโรงแรมสองคนช่วยกันยกฉากกั้นเดินผ่านมา เธอจึงหยุดให้ทั้งสองเดินผ่านไปก่อน จังหวะนั้นปราณปวิชได้เดินขนานกับฉากกั้น ทำให้เขามองไม่เห็นคนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
และเมื่อพนักงานสองคนเดินผ่านไป พวงชมพูเดินเลี้ยวขวาเพื่อกลับไปหาลูกชายและเพื่อนสนิท ส่วนปราณปวิชเดินไปยังลานจอดรถที่อยู่ด้านขวามือของเขา ปราณปวิชกับพวงชมพูจึงคลาดกันราวกับว่า พรหมลิขิตไม่ปรารถนาให้ทั้งสองได้พบกันเวลานี้
กลิ่นขนมหม้อแกงลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณใกล้เคียง ใครได้สูดกลิ่นเป็นต้องน้ำลายไหลอยากกินขนมชนิดนี้ขึ้นมาทันทีทันใด แต่ไม่ใช่ว่าคนละแวกบ้านหลังนี้จะได้กลิ่นขนมหม้อแกงทุกวัน คนทำจะทำเดือนละสองครั้ง และทำตามออเดอร์ที่สั่งเท่านั้นด้วย หากใครไม่ได้สั่งก็ต้องอดกิน ต้องรอรอบต่อไปถึงจะได้กินขนมหม้อแกงสูตรโบราณของเอมอร
ระหว่างที่รอขนมหม้อแกงอบได้ที่ เอมอรเจ้าของสูตรขนมกำลังตักขนมตาลใส่กระทงใบตองก่อนนำไปวางไว้บนซึ้งนึ่ง และเมื่อวางเรียงกันจนเต็มก็นำขึ้นไปนึ่งบนเตาไฟ หลังจากตักขนมตาลจนหมด เอมอรตักขนมกล้วยใส่กระทงเป็นลำดับต่อไป
ขณะที่เอมอรกำลังทำขนมขายอยู่นั้น เพชรกล้าหลานชายสุดที่รักเดินออกมาจากตัวบ้านพร้อมขันน้ำใส่น้ำเย็น เด็กชายมายืนข้างผู้เป็นยาย ก่อนยื่นขันน้ำให้
“ยายฮะ น้ำเย็นๆ ชื่นใจฮะ”
“ขอบใจนะเพชรกล้าของยาย” เอมอรรับขันน้ำมาดื่ม ก่อนวางลงบนโต๊ะ
“ยายเหนื่อยไหมฮะ ให้เพชรช่วยยายนะฮะ”
คนเป็นยายยิ้ม มองดูหลานชายหยิบถุงกระดาษที่สำหรับใส่ถาดขนมหม้อแกงมากางเตรียมไว้ เมื่อขนมหม้อแกงสุกและหายร้อนจะได้ใส่ถุงกระดาษรอให้ลูกค้ามารับ ก่อนนางจะเบนสายตามองพวงชมพูลูกสาวเพียงคนเดียวเดินยกโต๊ะพับมาวางกางหน้าบ้าน จัดวางของที่ต้องใช้วางไว้บนโต๊ะพับสองตัวที่เรียงต่อกัน เตรียมตัวขายขนมที่วันนี้ทำขนมตาลและขนมกล้วย
สายตาเอมอรขณะมองพวงชมพูอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกผิด เสียใจและเศร้าใจ พวงชมพูเป็นเด็กดี อยู่ในโอวาท หัวอ่อนและรักแม่มาก อาจเป็นเพราะนางเลี้ยงพวงชมพูมาคนเดียวตั้งแต่หนึ่งขวบ อดทนและทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูกสาว อดเพื่อให้ลูกอิ่มและได้เรียนหนังสือ ทว่าพวงชมพูต้องมาพบเจอกับเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งเอมอรก็ไม่คิดว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับลูกสาวของนาง เอมอรมารู้เรื่องนี้หลังจากเกิดเรื่องแล้วหนึ่งปีหกเดือน
เอมอรตัดสินใจออกจากบ้านหลังนั้น ไม่สนใจความรู้สึกของตนเองว่าจะต้องเจ็บปวดเมื่อจากคนที่ตนรัก ละทิ้งความสุขสบายทุกอย่างที่สามีมอบให้ นางสนใจเพียงความรู้สึกและเรื่องที่พวงชมพูได้รับ หลังออกมาเผชิญความลำบากอีกครั้ง พวงชมพูสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ให้มารดาลำบาก เธอทำงานมาตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์ นอกจากจะทำขนมสูตรโบราณของเอมอรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากกมลผู้เป็นยายขายเลี้ยงชีพ เธอยังรับจ้างสอนพิเศษให้เด็กระดับชั้นประถมและมัธยมต้นหารายได้พิเศษอีกทางหนึ่ง เก็บหอมรอมริบไว้ใช้จ่ายยามลูกน้อยคลอด
การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นหน้าที่ที่มีคุณค่าและยิ่งใหญ่มาก เป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน เธอต้องเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว ก้าวผ่านสิ่งต่างๆ อย่างกล้าหาญ หลังจากคลอดนองเพชรกล้า ความขยันของพวงชมพูเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และมองหางานประจำทำ แต่ก็ไม่ทิ้งการขายขนมแม้ว่ากำไรจะไม่มากมาย แต่อย่างน้อยๆ ก็มีเงินเข้าบ้าน งานประจำที่ว่านี้คือ เป็นพนักงานทำความสะอาดห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท เป็นโรงแรมระดับห้าดาว มีเงินเดือนและเซอร์วิสชาร์ต ที่สำคัญมีอาหารให้พนักงานกินฟรี ประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต่อเดือนไปได้มาก
จากเดิมที่ขายขนมทุกวัน พอได้งานประจำพวงชมพูจะทำขายในวันหยุด หลังจากช่วยกันทำขนมเสร็จ เธอก็จะรับจ๊อบทำความสะอาดห้องชุดสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เจ้าของเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงแรมที่ตนทำอยู่ เหตุผลที่พวงชมพูไปทำความสะอาดห้องชุดราคาเกือบหนึ่งร้อยห้าสิบล้านนั้นได้ เพราะพวงชมพูเก็บต่างหูเพชรที่ตกในห้องน้ำได้ และนำมาคืนเจ้าของ ซึ่งราคาต่างหูข้างนั้นหากนำไปขายจะได้หลักแสนบาท เจ้าของห้องชุดมองเห็นความดีและความซื่อสัตย์ จึงจ้างวานพวงชมพูมาทำความสะอาดที่ห้องอาทิตย์ละหนึ่งวันคือในวันหยุด ตอบแทนความดีของเธอไปในที
แม้ว่าจะทำงานไม่มีวันหยุด ทำงานพิเศษทุกอย่างที่ได้เงิน ไม่มีสามีคอยช่วยเหลือแบ่งเบาภาระที่แบกไว้จนหนักบ่า พวงชมพูไม่เคยบ่น ไม่เคยโทษโชคชะตา เหนื่อยแค่ไหนไม่ท้อ ไม่ถอย บางครั้งเหนื่อยจนร้องไห้ในห้อง ร้องไห้โดยไม่ให้มารดารู้ พอร้องเสร็จก็สร้างพลังกายใจให้เข้มแข็ง ตระหนักในใจว่า ตนมีคนอันเป็นที่รักต้องดูแลสองคน ฉะนั้นจะอ่อนแอหรือท้อถอยไม่ได้ พวงชมพูทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต หวังให้แม่กับลูกชายสุขสบาย มีเงินเก็บไว้ให้เพชรกล้าเรียนสูงๆ เก็บเงินอีกส่วนหนึ่งสำหรับดูแลมารดาที่มีโรคประจำตัวคือ ความดันโลหิตสูง ในความเหน็ดเหนื่อยพวงชมพูก็มีความสุข เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเอมอรกับเพชรกล้า
