บทที่ 5 5
แต่สุดท้ายมันก็เบ่งบานราวกับดอกไม้อวดแสงตะวัน ความร้อนของดวงอาทิตย์ทำให้ปราณปวิชร้อนรุ่ม ใจเหมือนถูกไฟเผาปวดแสบไปทั้งใจ เจียนตายเสียให้ได้ กว่าเขาจะก้าวผ่านความเจ็บปวดอันเงียบเชียบโดยไม่มีใครรู้ก็ใช้เวลาหลายเดือน ทว่ามันไม่เคยหมดไปจากจิตใจ ตราบใดที่ปราณปวิชรักลูกสาวเมียน้อยของบิดา ตราบนั้นความเจ็บปวดก็ยังคงอยู่...จนถึงทุกวันนี้
เมื่อใจนึกถึง...ปราณปวิชเปลี่ยนรูปที่ดูเป็นรูปพวงชมพูที่ถ่ายเก็บไว้หลายภาพ เขาจ้องมองแต่ละภาพด้วยใจสิเน่หา ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขามีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอ ทว่าเส้นบางๆ ที่กั้นความรู้สึก ทำให้ปราณปวิชปฏิบัติกับพวงชมพูในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับหัวใจ เขาเปิดเผยความรู้สึกให้ใครรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับมารดาที่ต้องเสียใจกับการกะทำของบิดาที่พาภรรยาน้อยเข้ามาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน
“เธออยู่ไหนนะชม...ฉันคิดถึงเธอจัง” ช่างเป็นความคิดถึงอันแสนปวดร้าว เขาทรมานใจกับความรู้สึกนี้ คล้ายกับว่าตนเป็นนกในกรงไม่อาจออกไปจากทีกักขัง โบกโบยบินไปหาความคิดถึงอาบแน่นใจหัวใจ เพราะหากเขาทำ คนที่ต้องเสียใจมากที่สุดคือ นารถลดา มารดาบังเกิดเกล้า เขาจึงไม่ออกตามหาพวงชมพูกับเอมอร ปล่อยให้สองแม่ลูกจากไปอย่างคนไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึก
ในความเป็นจริง...ปราณปวิชเจ็บหัวใจจะเป็นจะตายเสียให้ได้ในวันที่พวงชมพูก้าวเดินผ่านประตูรั้วไป เป็นภาพอดีตที่เขาจำไม่ลบเลือน
ฉับพลันนั้นน้ำตาก็รินไหลไม่รู้ตัว น้ำตาที่มาจากความคิดถึง โหยหา ปรารถนาเจอหน้าพวงชมพูมากที่สุด แต่ก็รู้ดีว่า ไม่มีวันนั้น ความเสียใจก็ก่อเกิดในความรู้สึก เมื่อใจเศร้า น้ำตาจึงไหลตามอารมณ์
“ชม...ฉันขอโทษ...ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน”
พูดไปน้ำตาก็ไหลไป ยิ่งมองภาพเธอในมือถือ ความรู้สึกทั้งหลายก็พุ่งใส่ใจ เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว เป็นความทุกข์ระทมที่ไม่ชินเสียที
หลายค่ำคืนในความเงียบเหงา ปราณปวิชมักรำพึงรำพันคิดถึงพวงชมพู ก่อนที่น้ำตาจะอาบสองแก้ม เสียงสะอื้นไห้ดังออกมาโดยไม่คิดปิดกั้น ประหนึ่งว่า เขากำลังระบายความรู้สึกทั้งหลายในจิตใจให้ออกไปบ้าง ไม่เช่นนั้นอกเขาคงระเบิดด้วยความร้าวรานใจ
ปราณปวิชทำพวงชมพูเจ็บเท่าไหร่ เขาเจ็บยิ่งกว่าเธอร้อยเท่าพันทวี...
กรรมกำลังตามสนองปราณปวิชอย่างเข้มข้น
เวลาเดียวกันต่างกันที่สถานที่
พวงชมพูนั่งมองเพชรกล้าที่นอนหลับบนเตียงนอนด้วยรอยยิ้ม เพชรกล้าถือว่าเป็นกำลังใจสำคัญให้เธอต่อสู้ชีวิต ผลักดันให้ความเข้มแข็งในตัวให้ออกมา จากผู้หญิงอ่อนแอกลายเป็นหญิงแกร่งที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อคนอันเป็นที่รัก แม้เหน็ดเหนื่อยและลำบากมากแค่ไหนเธอพร้อมสู้ ไม่มีวันท้อถอย
การที่พวงชมพูมีลูกและเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำให้เธอเข้าใจและรักมารดามากขึ้น เอมอรเหนื่อยหนักมากกับการเลี้ยงดูเธอมาเพียงลำพัง ตรากตรำทำงานเก็บเงินส่งเสียตนเรียนจน มาสบายก็ตอนได้พบรักกับปริญญา บุรุษที่บอกว่าไม่มีภรรยา
ขณะพวงชมพูมองหน้าเพชรกล้าก็เหมือนกำลังมองเห็นหน้าอีกคนหนึ่ง เป็นคนที่เธอไม่เคยลืมราวกับว่าฝังอยู่ในกล่องความทรงจำ แม้ว่าความทรงจำนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทว่าหัวใจของเธอก็ไม่เคยลืมเลือนปราณปวิช
แม้นรักหมดหัวใจ ลำบากยากเข็ญแค่ไหน พวงชมพูก็ไม่คิดกลับไปหาเขา...
และนั่นทำให้พวงชมพูนึกย้อนไปเมื่อสิบปีก่อน ในวันที่มารดาพาพวงชมพูเข้าไปอยู่ในบ้านปริญญา บ้านหลังใหญ่ที่พวงชมพูไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสเดินเข้าเดินออกบ้านหลังนี้ เอม-อรหวังว่า การเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้จะเปลี่ยนชีวิตสองแม่ลูกให้ดีขึ้น นางไม่ต้องลำบากหาเงินส่งเสียลูกสาวเพียงคนเดียวที่กำลังเรียนระดับชั้นปริญญาตรีปีที่สอง เพราะปริญญาจะรับหน้าที่ต่อจากนางเอง
ทว่า...ไม่ได้เป็นไปตามที่เอมอรคิดไว้ มีบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาทำลายความสุขและความหวังของนางให้พังทลาย
เอมอรเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะภรรยาน้อย แต่ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนารถลดาภรรยาหลวงที่ให้ความยินยอมยอมให้เอมอรมาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ซึ่งเอมอรให้ความเกียรติและให้ความเคารพนารถลดามาก และคนรับใช้ในบ้านก็ให้เกียรติเอมอรกับพวงชมพูในฐานะเจ้านายด้วยเช่นกัน ทว่ามีเพียงคนเดียวที่ไม่ยอมรับการเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
คนนั้นคือปราณปวิช ลูกชายเพียงคนเดียวของปริญญากับนารถลดา ที่ตอนนั้นกำลังศึกษาปริญญาโทใบที่สองในประเทศอังกฤษ เขาอยากกลับมาอาละวาดทันทีที่รู้เรื่อง แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากการเรียนกำลังเข้มข้น กำลังจะจบการศึกษาในอีกไม่กี่เดือน อีกทั้งนารถลดาบอกให้ลูกชายเอาเรื่องเรียนไว้ก่อน เขาจึงอดทนรอจนกว่าตนจะเรียนจบ แล้วบินกลับบ้านเกิดเมืองนอนทันทีที่สำเร็จการศึกษา
เอมอรไม่ต้องลำบากทำงานหนักเพื่อหาเงินส่งเสียพวงชมพูเรียนมหาวิทยาลัย อีกทั้งหนี้สินที่ติดรุงรังมาหลายปีก็เคลียร์หมดภายในหนึ่งวัน แต่ก่อนพวงชมพูต้องขึ้นรถเมล์ไปเรียน แต่ตอนนี้เธอมีรถยนต์ส่วนตัวที่ปริญญาเป็นคนซื้อให้ ไม่อยากรับแต่ก็ขัดคนอยากให้ไม่ได้ เงินทองก็ให้ใช้ไม่ขาดมือ จ่ายเป็นเงินเดือนและให้ส่วนตัว
