บทที่ 4 Chapter 4

หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ เตศวร ธนา นทีและกังสดาลได้มานั่งคุยกันต่อที่ระเบียงด้านหลังบ้าน เดิมทีเตศวรตั้งใจจะไปส่งตาหวานที่บ้านเพราะเห็นว่าค่ำแล้ว ทว่าตาหวานชิงขี่จักรยานกลับบ้านไปก่อน เตศวรจึงมานั่งคุยนั่งดื่มกับเพื่อน

“คุณย่านี่ตาถึงนะ” ธนาเปิดประเด็นการสนทนา

“ตาถึงยังไงเรื่องอะไร”

นทีถาม สีหน้าเขามีเครื่องหมายคำถามเต็มหน้า ไม่เข้าใจคำพูดของเพื่อน

“นั่นสิ คุณย่าตาถึงเรื่องอะไรวะ” เตศวรสงสัยร่วมด้วย

“ก็ตาถึงที่เลือกตาหวานมาแม่เป็นของลูกไอ้เตไง ฉันจำได้นะว่า เมื่อสามปีก่อนฉันเคยเห็นตาหวาน ตอนนั้นยังดูเด็กอยู่เลย พอมาเห็นวันนี้ โอ้โห...สวยซะ”

“จริง เนื้อนมไข่มาเต็มด้วย” นทีเสริม

“แต่น้ำก็คิดว่าตาหวานยังเด็กอยู่ดี อายุยังไม่ถึงยี่สิบเลย ที่สำคัญอายุเท่านี้มีวุฒิภาวะมากพอที่จะเป็นแม่คนเหรอ คำว่าแม่ไม่ใช่แค่ตั้งท้องแล้วเบ่งลูกออกมานะ แม่คือหน้าที่ที่ต้องดูแลลูกไปตลอดชีวิต เป็นสถานนะที่หนักอึ้งมาก ตาหวานจะไหวเหรอ เตบอกน้ำเองว่า เมื่อวานตาหวานยังกระโดดเชือกเป็นเด็กๆ อยู่เลย”

หากตัดความอิจฉาริษยาเรื่องที่ตาหวานได้รับคัดเลือกให้เป็นแม่ของลูกเตศวรออกไป กังสดาลก็ยังมีความเห็นตามเดิม หล่อนไม่อยากเข้าข้างตัวเองว่า ตนก็มีคุณสมบัติเลิศเหมาะสมกับเตศวรทุกประการ เหตุใดพะเยาว์มองข้ามตนไปทั้งที่รู้จักกันมานับสิบปีไป กังสดาลจำวินาทีที่รู้เรื่องนี้ได้ดีไม่มีลืม ตอนนั้นตนตกใจมากและแอบไปร้องไห้อยู่หลายวันกว่าจะทำใจได้

“ก็แค่เป็นแม่พันธ์ไม่ใช่เหรอ ไม่ได้เลี้ยงดูลูกซะหน่อย ไม่จำเป็นต้องมีความเป็นแม่หรอกมั้ง” ธนาเห็นต่าง

“คุณย่ากับนมแม้นพร้อมจะเลี้ยงดูเหลนอยู่แล้วนี่ คงไม่ปล่อยให้ตาหวานเลี้ยงหรอกมั้ง” เจ้าของคำพูดคือนที

“น้ำสงสัยอยู่อย่างว่าทำไมคุณย่าไม่เลือกใช้วิธีทำกิ๊ฟท์หรือไม่ก็เด็กหลอดแก้ว สองอย่างนี้ก็ทำให้เตมีลูกได้เหมือนกัน ทำไมต้องใช้วิธีนี้ล่ะ”

กังสดาลสงสัยตั้งแต่ต้น หล่อนมีความรู้สึกว่า พะเยาว์ต้องการอย่างอื่นด้วย นอกเหนืออยากได้เหลนตามปากพูด

“คุณย่าไม่ชอบวิธีสมัยใหม่ ท่านเลยทำอย่างนี้ไง”

เตศวรตอบ ขณะที่พูดคุยกันเรื่องนี้ สมองเขานึกถึงใบหน้าตาหวานไปด้วย

“แล้วแกก็คงชอบด้วย เพราะได้กินเด็ก เด็กที่ทั้งสวยทั้งน่ารักใช่ป่ะ”

ธนาพูดอย่างเข้าใจความคิดของเพื่อนรัก ดูมันสิ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ น่าหมั่นไส้จริงๆ

“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไปอาบน้ำนอนดีกว่า เก็บพลังไว้ทำงาน”

เตศวรลุกขึ้นเดินเข้าบ้านไปทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้เพื่อนทั้งสามนั่งคุยกันต่อไป

“ฉันว่านะ ไอ้เตมันต้องชอบตาหวานแล้วแน่ๆ”

ธนาพูดขึ้น กังสดาลหูผึ่งกับประโยคที่ได้ยิน ซึ่งมันก็ตรงกับความคิดของตนอยู่เหมือนกัน

“ทำไมแกคิดอย่างนั้น” นทีถาม

“ก็ตั้งแต่ที่กินข้าวด้วยกันแล้ว ไอ้เตมองตาหวานบ่อยๆ สายตาของมันบอกให้รู้เลยนะว่า มันพอใจตาหวาน” นทีนึกภาพตามคำพูดธนา

“เออจริง”

“เป็นฉัน ฉันก็คงพอใจเหมือนกัน ตาหวานมีความสวยและน่ารักอยู่ในตัว โตเป็นสาวซะใจฉันหวิวๆ เลย” ธนายอมรับว่าตะลึงที่เห็นตาหวานเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หากไม่ติดว่าตาหวานกำลังจะเป็นแม่ของลูกเพื่อนรัก เขาคงจีบตาหวานมาเป็นเมียแน่นอน

“ฉันขอตัวนะ พรุ่งนี้ต้องกลับกรุงเทพแต่เช้า” อยู่ๆ กังสดาลก็ลุกขึ้นยืน หน้าตาบึ้งตึง “ธนาพรุ่งนี้แกขับรถ แกไปนอนได้แล้ว นอนดึกมากเดี๋ยวจะขับรถไม่ไหว”

สิ้นเสียง กังสดาลก็นำพาร่างสวยสดงดงามเข้าไปในบ้าน ธนากับนทีถึงกับงงกับท่าทางเหมือนคนอารมณ์ไม่ดีของเพื่อนสาว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เดินเข้าบ้านตามหล่อนไปทั้งสองคน

สาเหตุที่กังสดาลอารมณ์ไม่ดีก็เพราะทนฟังคำเยินยอตาหวานว่าสวยหนักสวยหนาไม่ไหว ไหนจะประโยคที่ว่า เตศวรพอใจตาหวาน มันยิ่งทำให้หัวใจของคนที่แอบรักเพื่อนสนิทยิ่งเจ็บปวดและเกิดการทนไม่ไหว มีความอิจฉาริษยาเข้ามาปะปนด้วย ทางเดียวคือ ลุกหนีความจริงที่ต่อจากนี้จะติดอยู่ในจิตใจหล่อนไปจนกว่า หน้าที่ของเตศวรกับตาหวานยุติลง ทว่าหล่อนมีความรู้สึกว่า เรื่องของเตศวรกับตาหวาน คงไม่ยุติง่ายๆ กังสดาลใจหวาดหวั่น กลัวว่าความรักของตนจะพานพบกับคำว่า เป็นไปไม่ได้แบบถาวร คิดแล้วก็เศร้าใจเหลือเกิน

ณ ห้องพะเยาว์

“คุณท่านเจ้าขา คุณท่านคิดว่าแผนจะสำเร็จไหมเจ้าคะ” นมแม้นเอ่ยถามขณะบีบนวดให้เจ้านาย

“สำเร็จสิ สำเร็จเห็นๆ” พะเยาว์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แกต้องเห็นตอนที่เตมองตาหวาน ตานี่วาววับเลยนะ ถ้าเตกินตาหวานตอนนั้นได้คงกินไปแล้ว”

พะเยาว์ยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโต๊อาหารเย็นที่ผ่านมาได้ดี สายตาของเตศวรยามมองตาหวาน เป็นสายตาที่นางรู้สึกพอใจมาก

“แผนนี้ได้ทั้งเหลนและหลานสะใภ้ สมองคุณท่านนี่แจ๋วมากค่ะ” นมแม้นเอ่ยชม “อย่างนี้คุณท่านก็คงต้องหาฤกษ์แต่งงานรอไว้เลยนะคะ”

“ใช่ ฉันกะว่าวันมะรืนจะไปกราบพระคุณท่าน จะถือโอกาสให้ท่านดูฤกษ์ดูยามให้เลย ถ้าได้ฤกษ์ใกล้ๆ จะได้เตรียมตัวทัน”

พะเยาว์ไม่เผื่อความผิดหวังเลยสักนิดเดียว นางมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ ในเมื่อเตศวรไม่หาเมียสักที นางจึงต้องยื่นมือเข้าช่วย มองหาหลานสะใภ้มานานเกือบสองปี ถูกใจแม่ตาหวานหญิงสาวข้างไร่ ที่มีความสนิทชิดเชื้อกันตั้งแต่รุ่นยาย นางจึงวางแผนการตั้งแต่นั้น เชื่อมั่นว่า ความสดใส ความน่ารักและอ่อนเยาว์ของตาหวาน จะดึงหัวใจของเตศวรให้มาอยู่กับตาหวานได้ไม่ยาก จากที่ดูเมื่อตอนเย็น นางคิดว่า ไม่มีความยากสักนิดเดียว

“แม้นสงสัยอยู่เรื่องนึงค่ะ”

“แกสงสัยอะไร ไหนว่ามาสิ”

“สงสัยว่า ทำไมคุณท่านถึงไม่เลือกผู้หญิงอื่นล่ะคะ มีตั้งหลายคนที่แม้นคิดว่า น่าจะเป็นแม่และเมียที่ดีของคุณเตได้ อย่างหมอน้ำไงคะ คุณท่านก็รู้จักมาตั้งหลายปี สวยก็สวย เก่งก็เก่ง เป็นหมอเหมือนกันด้วย แต่ทำไมถึงมาเลือกตาหวาน”

นมแม้นแม้ว่าจะอยู่รับใช้พะเยาว์มาหลายสิบปี รู้ใจเจ้านายไม่น้อย ทว่าเรื่องนี้นมแม้นกลับไม่รู้ถึงเหตุผล

“ตอนแรกฉันก็คิดนะว่าจะจับคู่หมอน้ำกับเต แต่อีกใจบอกไม่ใช่ เหมือนมีอะไรค้านอยู่ น้ำหนักเทไปที่ตาหวานมากกว่า แล้วฉันก็ชอบและเอ็นดูตาหวานอยู่แล้ว ฉันเลยเลือกตาหวานไงล่ะ”

“แต่จะว่าไป แม้นก็คิดว่า ตาหวานเหมาะกับคุณเตมากกว่า แม้ว่าอายุจะห่างกันสิบกว่าปี สำหรับหมอน้ำกับคุณเต มองว่าเป็นเพื่อนกันน่าจะเหมาะกว่าค่ะ” นมแม้นบอกความคิดของตนให้เจ้านายฟังบ้าง

“ใช่ ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ” พะเยาว์ตอบกลับ “แล้วคิดว่าฉันคิดไม่ผิดด้วย”

“ตื่นเต้นจังนะคะ อีกสามวันก็จะถึงวันส่งตัวแล้ว ไม่รู้ว่าคุณเตจะทำให้ตาหวานท้องได้เมื่อไหร่”

จะว่าไปทั้งคู่รอเวลาอุ้มทายาทของเตศวรมานานหลายปี พอรู้ว่าเริ่มมีความหวังความตื่นเต้นก็มา

“ฉันว่าไม่เกินเดือนสองเดือนก็คงรู้ผล คนแก่ชอบเด็ก มันก็ต้องฟิตปั๋งกะละมังตั้งเด่บ่อยๆ” พะเยาว์พูดไปยิ้มไป

“มีเร็วๆ ก็ดี แม้นเตรียมตัวเลี้ยงเหลนล่วงหน้าแล้วค่ะ”

“ฉันก็เตรียมชื่อเหลน และของขวัญรับเหลนไว้แล้ว แหม...อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ จัง”

“ก่อนจะถึงวันนั้น แม้นว่าคุณท่านกินยาแล้วก็นอนดีกว่าค่ะ กินยาตามหมอสั่ง นอนพักเยอะๆ ร่างกายจะได้แข็งแรง มีแรงเลี้ยงเหลนอุ้มเหลน” แม้นพูดจบก็เอี้ยวตัวไปหยิบกล่องยาที่จัดใส่ไว้บล็อกยาไว้เรียบร้อย ก่อนหยิบยาส่งให้เจ้านายพร้อมแก้วน้ำดื่ม

หลังจากพะเยาว์ทานยาเสร็จ นางก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอน ส่วนแม้นนอนอยู่บนฟูกข้างเตียง ไม่นานนักสองเจ้านายลูกน้องก็เข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนสุข

บทก่อนหน้า
บทถัดไป