บทที่ 9 บทที่ ๔ (๑)
“ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไป
นั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมัง
โลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นัก
พูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วย
โฮ่ง!
แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทันที พบกับโรเบิร์ตที่วิ่งเข้ามายืนเห่าหน้าเรือน เธอไม่รอช้ารีบลงกระไดไปแล้วจับแก้มเจ้าสุนัขพันธุ์ทางหอมซ้ายหอมขวา
“โรเบิร์ต คิดถึงจังเลย หิวหรือเปล่า ทำไมออกมาจากป่ากล้วยล่ะ หรือไปตามหาฉันมา?” ความจริงมันอาจเข้าไปหาหนูกินหรือจับสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารก็ได้ แต่แพรวพราวกลับรู้สึกเหมือนที่มันโผล่มาจากทางที่หล่อนหลงป่า เพราะบุกเข้าไปตามหากันแน่ๆ ก็เจ้าสุนัขตัวนี้ออกจะชอบเธอซะขนาดนั้น “คราวนี้จะให้ชาวบ้านเสือสมิงเอาเนื้อดีๆ มาให้กินแทนผักแล้วนะ”
เธอพูดคุยกับหมาตัวใหญ่อย่างสนิทสนมพลางจับมันพลิกแก้มซ้ายแก้มขวาอย่างเอ็นดู มันแลบลิ้นหอบแฮ่กๆ แล้วมองหล่อนตาเยิ้มหวาน เจ้าสุนัขหลังอานตัวนี้คงเป็นเพื่อนยามยากหนึ่งเดียวที่มองมาที่หล่อนโดยไม่รังเกียจกัน ออกจะเชิดชูบูชาเสียด้วย
“ระวังอย่าใกล้เจ้าสุนัขนั่นนัก” แต่ทว่าเสียงของพรานสมิงที่ดังอยู่บนกระไดเรือนทำให้หญิงสาวเหลียวหลังไปมองเขา โรเบิร์ตที่เธอตั้งชื่อให้เสร็จสรรพคุ้มตัวโก่งคอคำรามขู่ เพราะถึงจะเคยเลี้ยงสุนัขจรจัด แต่สัญชาตญาณของมันในบางครั้งก็ขู่ฮือทำร้ายเจ้าของเช่นกัน ด้วยขนาดลำตัวที่ใหญ่พอจะขึ้นคร่อมร่างเธอให้ลุกไม่ขึ้นได้ อีกอย่างก็เป็นหมาที่เพิ่งได้รู้จัก แค่เห็นว่าซื่อๆ ดีเท่านั้น เจ้าหล่อนจึงผละไปยืนใจดีสู้เสือแก้ตัวให้สุนัขหลังอานอยู่ห่างๆ
“สิ่งมีชีวิตหรือมิมีชีวิตใดที่นี่ ล้วนมาจากคาถาอาคมทั้งนั้น” เขาเปรยออกมาคำหนึ่ง แพรวพราวก็ตกใจสะดุ้งโหยงทันที
เป็นไปได้ไหมว่าสุนัขตัวนี้จะ...
“แต่ดูมันจักถูกใจแม่ ข้าจักปล่อยไปแล้วกัน” แต่ดูจากสีหน้าของสุนัขตัวนั้น ที่ขู่เขาคงเป็นเพราะคิดว่าพรานสมิงเป็นอันตรายกับแพรวพราวมากกว่า สายตาที่มันมองเขาราวกับจะฉีกเลือดฉีกเนื้อ แต่เมื่อเห็นว่าแพรวพราวพยายามห้ามปรามก็สงบลงแล้วส่ายหางให้หล่อนอย่างออเซาะ
ก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันคือตัวอะไร
แต่ถ้าปลอดภัยกับคนที่เขาให้ความสนใจ มีความยับยั้งในตนเองแล้วล่ะก็... แสดงว่าอาคมที่สะกดไว้ยังไม่แน่นหนาพอจะกำจัดความนึกคิด ก็จะปล่อยไปไม่ฆ่าเอาชีวิตละกัน
“ฟ้ามืดแล้ว เข้ามานอนเถิด” พรานสมิงเชื้อเชิญสาวเจ้าเข้าไปในเรือน หญิงสาวที่ยืนอยู่กับหมาเลยแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า อยู่ๆ เม็ดฝนก็ปรอยลงมาที่หน้าผากงามของหล่อนดังเปาะแปะ เธอรับรู้แล้วว่าฝนกำลังจะตกอย่างไม่ต้องสงสัย
“โรเบิร์ต ขึ้นบ้านกัน” เธอหันไปเรียกสุนัขหลังอานด้วยความเคยชิน ในภพปัจจุบันเธอกับสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้นอนห้องเดียวกันแถมยังแบ่งจัดเป็นสัดส่วน แต่พรานสมิงกลับโพล่งขึ้นมาเสียงเข้ม
“หมาก็อยู่ส่วนของมัน มิต้องเอาขึ้นเรือน”
“แต่ถ้าฝนตกโรเบิร์ตก็เปียกแย่สิ”
“แต่มันมิใช่เดรัจฉาน มันหลบฝนเองได้อยู่แล้ว ขึ้นมาเสีย” เจ้าหมาตัวนั้นใช้จมูกดุนบั้นท้ายงอนให้ขึ้นไปบนเรือนทันทีที่สิ้นคำนั้น แพรวพราวมองเจ้าสุนัขตัวสีดำอย่างอาดูร ก่อนที่จะลูบหัวมันแล้วเดินขึ้นกระไดเรือนไป
เธอไม่มีทางเลือกนักหรอก ก็เพราะเธอไม่ใช่เจ้าของเรือนหลังนี้เพียงคนเดียว
พอขึ้นมาถึงห้องนอน ก็ยังไม่วายมองออกไปนอกหน้าต่างในที่ที่โรเบิร์ตเคยอยู่ ฝนเริ่มสาดเทลงมา ในขณะที่ร่างของสุนัขตัวโตอันตรธานหายไปเสียแล้ว
“ไปเร็วจัง” ถึงจะรู้ว่าอาจไม่ใช่สุนัขจริงๆ แต่อาจจะเป็นสุนัขอาคมอะไรก็แล้วแต่ แต่เธอก็ยังเป็นห่วงเจ้าโรเบิร์ตอยู่ดี
ในขณะเดียวกัน หมาหลังอานพันธุ์ไทยตัวสีดำวิ่งฝ่าฝนและเร้นหายไปในความมืดท่ามกลางดงป่ากล้วย ร่างเดรัจฉานแปรเปลี่ยนเป็นเท้ามนุษย์เดินสองขา พร้อมกับปรากฏกายของชายกำยำผู้หนึ่งกลางป่ากล้วย เขาเอาตัวเองแอบอิงกับต้นกล้วยต้นใหญ่เพื่อหลบฝน ร่างกายเปลือยเปล่านั้นหนาวสั่น
ก็อยากจักนอนด้วยหรอกหนา ก็แม่หญิงคนนั้นน่ารักแถมเอ็นดูเขา แต่สายตาของชายที่อยู่บนกระไดเรือนนั้นวาวโรจน์ทำให้รู้ว่ามันอันตราย มันจวนตัว มันอาจจะฆ่าเขาทิ้งก็ได้ เพราะเขาเป็นวิญญาณอาคมของท่านผู้นั้น
และเพราะไปญาติดีกับผู้หญิงที่ท่านเกลียด เขาจึงโดนตะเพิดออกมาให้เคว้งคว้างอยู่กลางป่ากล้วย
เขาพยายามตามหาหล่อนแล้ว แต่ป่านี้มันเป็นเพียงอาคมพรางตา ยิ่งวิ่งฝ่าเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่มีที่สิ้นสุด
โชคดีที่แม่หญิงคนนี้กลับมาโดยปลอดภัยเสียก่อน แต่หล่อนกลับมากับใครบางคนที่เขาไม่รู้จัก และเหมือนจะดูอันตรายถ้าหากอยู่ใกล้ๆ แม่หญิงผู้นี้นานๆ เข้า
ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนคือผู้มีพระคุณ หรือเขามีพลังวังชามากกว่านี้ เขาอาจจะช่วยหล่อนออกมา
แต่ทั้งท่านผู้นั้น... ทั้งชายผู้มีดวงตาแห่งพยัคฆา ล้วนแข็งแกร่งจนเขามิอาจสู้รบปรบมืออย่างสูสีด้วยได้ มีแต่ต้องจบลงที่แพ้พ่ายเท่านั้นเอง
พ่อครูยืนมองเรือนขนาดใหญ่อยู่ภายนอก เขาสูบฝิ่นผ่านลำกล้องที่ทำด้วยลำไผ่กลวง พ่นควันขาวคลุ้งออกมาราวกับเมฆหมอกที่อยู่ในจิตใจ ร่างเล็กที่เคยมีสัมพันธ์สวาทโดยไม่เต็มใจนั้นเดินหายเข้าไปภายในเรือนที่ถูกสร้างขึ้นแบบถืออำนาจวิสาสะพร้อมๆ กับพรานสมิง เขาหงุดหงิดไม่อาจยั้งใจให้กระชากหล่อนมาดุด่าว่ากำลังคิดบ้ากระไรอยู่ แต่ก็เก็บกลั้นอารมณ์ยืนมองหล่อนดูใจเย็นจากด้านในเรือนไม้ที่ตนอาศัยอยู่ผู้เดียว... กับภูตผีวิญญาณที่อัดแน่นนับร้อย
เรือนนั้นห่างจากกันไม่มากนักเพราะเนื้อที่ที่เขาจับจองและอนุญาตให้หล่อนมาอยู่ในสายตาเพราะอยากท้าทายอีกฝ่ายมันกว้างขวางหลายไร่ ดูเหมือนฝูงเสือสมิงจะตัดป่ากล้วยไปส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มความกว้างขวางของพื้นที่รอบๆ เรือนไปอีก พออนุญาตไปไอ้พรานเวรนั่นก็ทำตามใจเต็มที่เลยสิหนา
กองฟืนเตรียมจุดกองไฟตั้งอยู่ด้านหน้าเรือน คงเอาไว้ใช้ย่างเนื้อสัตว์กระมัง
หึ นับว่ามีความกล้าไม่เลวทีเดียว ถึงขนาดใช้มารยายั่วยวนจนพรานสมิงเข้ามาเป็นมือเป็นเท้าให้ขนาดนั้น นี่คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้
ยิ่งรู้เช่นนั้นก็ยิ่งเกลียดชังนางสุดหัวใจ ผู้หญิงคนนี้พยายามฆ่าลูกสาวของเขา ทำเสน่ห์ใส่ผัวของลูกสาวเขายังมิพอ แถมตอนนี้ยังได้ผัวใหม่อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือพรานสมิง ไม่นับรวมพระยาสิงห์ที่กำลังหมายปองเจ้าตัวอีกด้วย
ท่านผู้นั้นกำลังจะเดินทางมาในอีกไม่ช้า แต่น่าจะกำลังพำนักหลบฝนฟ้าอยู่
แน่นอนว่าเขาทำให้มันตกลงมาเอง เพื่อสกัดกั้นการเดินทางมาถึงที่ตำหนักของท่านให้ล่าช้าขึ้น ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายพอจะมีอะไรที่สื่อสารส่งเร็วทันใจ ดูท่านจะหัวเสียมากทีเดียว เสน่ห์ยาแฝดที่ทำไว้กับพ่อหมอคนนั้นมันแรงน่าดูเชียว ถึงขนาดคนแก่พุงพลุ้ยที่มีเมียเด็กอยู่ข้างกายอยู่แล้วแถมยังมีลูกหลานที่น่ารักอีกหนึ่งยังพยายามไขว่คว้าหาตัวโสเภณีไร้เกียรติเช่นนี้หนักหนา
สำหรับเขามันไม่จริง หล่อนมันไม่มีค่ากระไรเลย เมื่อของดำที่ปลุกเสน่หานั้นหมดลง นางจะเป็นเพียงหญิงใจชั่วช้าที่คิดสกปรกพรากผัวพรากเมีย พรากลูกจากอกพ่ออกแม่
มิว่าจะมาในรูปแบบของชาติภพไหน... ก็คงมิต่างกันนัก
“ลูกของใคร... ใครก็รักทั้งนั้นแล” เขาพึมพำออกมาพร้อมกับสูบฝิ่นจนฉ่ำปอด ความมัวเมาทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังง่วงซึม สมุนไพรหรือสารเสพติดกันแน่? แถมผู้ที่ครอบครองมันไว้อาจมีความผิดร้ายแรง แต่เขาไม่ได้อยู่ในตัวเมืองเสียหน่อย
ไม่ว่าอย่างไรพ่อก็จักปกป้องลูกให้ได้ ในวันที่พ่อยังมีโอกาส วาดรัก
